Monday 18 June 2012

หัดเขียน 6


วันนี้มาลงอีกตอนค่ะ บอกแล้วคนเขียนใจดี  ; ) แต่จริงๆแล้วก็คืออาจจะหยุดลงไปสักอาทิตย์หนึ่งค่ะ วางแผนว่าจะจัดบล๊อกใหม่ ซึ่งไม่รู้ว่าจะทำได้ไหมคงต้องใช้เวลางมโข่งสักพักแน่ๆ การจัดบล๊อกใหม่เพื่อให้การอ่านเรื่องที่แต่งง่ายขึ้นด้วยค่ะ อ้อ ว่าจะเขียนให้มีฉากกุ๊กกิ๊กน่ารักบ้างยังไม่รู้จะเขียนออกมาได้อย่างไรเลยนะคะ  ว่าจะไปตั้งชื่อเรื่องด้วย งานก็ทำ สิ่งที่คิดจะทำก็เยอะ แถมเป็นช่วงนั้นของเดือนอีก ดูยุ่งเหยิง เยอะไปหมดยังไงไม่รู้นะคะ  ตอนนี้จะยาวหน่อยนะคะเพราะไม่รู้จะตัดตรงไหนดี ทนอ่านเอาหน่อยนะคะ

เมื่อกี้เพื่อนส่งทายนิสัยจากกรุ๊ปเลือดอยากจะบอกว่าอ่านขำๆ ก็ตรงดีนะ แต่อ่านทายนิสัยกันขำก่อนดีกว่า 555+

“กรุ๊ป B เป็นกรุ๊ป Entertain อย่างหนักหน่วงและ เป็นสีสันของวงสนทนา ไอเดียที่ B คิดจะตรงพูดจากใจเสมอ เรียกเสียงหัวเราะของคนในวงได้เพราะ คนอื่นจะคิด ' กูก็คิดแบบนั้น แต่ไม่กล้าพูด ' บี เป็นรักใครอัดเต็มบ้าเห่อ พอชอบใครจะเอาตัวเอง ไปเลียบๆเคียงๆ คนที่ตัวเองชอบแบบเนียนๆ”



บทที่๕

เมื่อกลับมาจากการพักผ่อนที่หัวหิน  เบญจ์ก็ใช้เวลาส่วนใหญ่กับการนอนอ่านหนังสืออยู่ที่บ้านเพราะเธอไม่ชอบออกไปข้างนอกผจญกับมลภาวะที่เป็นพิษจากไอเสียรถยนต์ รวมถึงเพื่อนสนิทสมัยที่เธอเรียนโรงเรียนมัธยมหญิงล้วนชื่อดังของรัฐแห่งหนึ่งนั้น ต่างก็ยุ่งกับภาระหน้าที่การงานของตนเอง  เย็นวันหนึ่งหลังจากบูรณ์กลับมาจากการทำงาน รับประทานอาหารร่วมกันกับครอบครัวอย่างพร้อมหน้าพร้อมตาเรียบร้อยแล้ว  เบญจ์กับบูรณ์กำลังนั่งเล่นกีฬาสุดโปรดของทั้งสองอยู่ด้วยความสนุกสนาน นั่นคือหมากรุกไทย ที่คุณตาเป็นคนสอนให้สองพี่น้องเล่นเนื่องจากเป็นกีฬาที่ช่วยฝึกสมอง ให้คิดวางแผนอย่างรอบคอบก่อนการเดินหมากในแต่ละครั้ง เพราะถ้าเดินอย่างไม่รอบคอบ อาจจะทำให้หมากตานั้นแพ้ตั้งแต่เริ่มเดินเลยด้วยซ้ำ

“ไม่ได้เล่นนานแล้วสิเราน่ะ ฝีมือตกลงไปเยอะเลย”  บูรณ์กระเซ้าน้องสาว

“อืม ที่นู่นไม่ค่อยมีคู่ซ้อมมือด้วยเลย พวกเขาเล่นกันแต่หมากรุกฝรั่งจะไปสนุกอะไร”  เบญจ์กล่าวยอมรับความจริงเพราะเธอไม่เคยชนะบูรณ์เลยสักกระดาน ตั้งแต่กลับมาจากนอร์เวย์

“นี่ๆมีเพื่อนที่เรารู้จักสมัยเรียนที่ฝรั่งเศส เขาถามหาคนแปลนิยายจากนอร์วีเจี้ยนเป็นไทยน่ะ สนใจไหมล่ะ เห็นอยู่ว่างๆ แต่เราบอกชื่อกับ e-mail ไปแล้วนะ”  บูรณ์ถามหลังจากเพื่อนที่เคยรู้จักกันที่ฝรั่งเศสประกาศหานักแปลภาษานอร์เวย์ผ่านสเตตัสส่วนตัวบน facebook

“วันนี้เราก็ได้รับเมลติดต่อมาเหมือนกัน ไม่รู้ว่าจะเจ้าเดียวกันหรือเปล่า” 

“สำนักพิมพ์ของเพื่อนเราชื่อ มูราซากิ ใช่ชื่อเดียวกันหรือเปล่าล่ะ แต่เราเพิ่งบอกเขาไปเองนะว่าจะถามให้”

“น่าจะใช่นะ  เราจำชื่อที่แน่นอนไม่ได้ แต่เป็นชื่อแนวๆภาษาญี่ปุ่นแน่ๆ เรายัง งง เลยว่า ชื่อ เป็นญี่ปุ่น แต่อยากพิมพ์หนังสือแปลจากนอร์เวย์”

“ถ้าสนใจเราจะได้ไปบอกว่าเบญจ์สนใจ  วี เพื่อนเราคนนี้ เป็นผู้หญิงคน เก่ง สวย มีฐานะ ครบสูตรเลยนะ จบ IR เกียรตินิยมเหรียญทอง ได้ทุน Eiffel ไปเรียนที่ปารีส แถมจบเอกมาจากอังกฤษ มีแค่เงินอย่างเดียวคงทำไม่ได้ ต้องมีสมองด้วย”

“ดูบูรณ์ชื่นชมเพื่อนคนนี้จัง  แฟนหรือเปล่า?” เบญจ์กระเซ้า

“ไม่ใช่หรอก เราเป็นผู้ชายที่อยากแต่งงานมีครอบครัว มีลูก  สำหรับวีเขาเป็นพวกไม่อยากผูกมัด ไม่ต้องแต่งงาน ไม่มีลูก  ใครจะมาจีบเธอต้องรู้กฏไว้เลยนะ”

“เป็นผู้หญิงที่น่าสนใจดีนะ บูรณ์ไปบอกเพื่อนเถอะว่าเราสนใจ แต่อย่างไรเราจะแปลงานเป็นตัวอย่างส่งไปให้พิจารณา คงส่งไปให้กับคนที่เมลติดต่อเรามา เราไม่อยากได้งานเพราะว่ามีเส้น และเรามาพักผ่อนนะบูรณ์คงไม่อยากให้เราอยู่สบายๆให้นายรู้สึกอิจฉาเล่นใช่ไหมล่ะ ที่สำคัญที่สุดคือเราไม่มั่นใจภาษาเขียนของตัวเองด้วยว่าจะแปลนิยายได้สละสลวยพอไหม”

“เราเชื่อมั่นในตัวเบญจ์ว่าเบญจ์ทำได้อยู่แล้ว เพราะเชื้อคุณครูภาษาไทยจากแม่นั้นอยู่ในตัวเบญจ์แรงมาก”  บูรณ์พูดไปขำไป

หลังจากหมากรุกกระดานนั้นจบ ซึ่งผลแพ้ชนะนั้น เบญจ์แพ้บูรณ์อย่างราบคาบ เบญจ์จึงขอตัวขึ้นห้องไปพักผ่อนและแปลงานส่งไปเป็นตัวอย่างให้สำนักพิมพ์พิจารณา  เบญจ์ใช้เวลา 1 วันเต็ม ในการขัดเกลาภาษาให้สละสลวย จึงพร้อมส่งงานแปลตัวอย่างไปให้ณีนนารา

To: neennara.k@gmail.com
From: bw.oslo@gmail.com
Subject: ตัวอย่างงานแปล Det som er mitt

คุณณีนนาราคะ ดิฉันส่งไฟล์แนบตัวอย่างงานแปลไปให้แล้วนะคะ

นับถือ
เบญจ์



To:  bw.oslo@gmail.com
From: neennara.k@gmail.com
Subject: Re:ตัวอย่างงานแปล Det som er mitt

ขอบคุณที่สนใจร่วมงานนะคะ ถ้าทางเจ้านายดิฉันตัดสินใจว่าอย่างไรจะรีบติดต่อไปทันทีค่ะ

นับถือ
ณีนนารา
************************************************


“สวัสดีจ๊ะณีน มีอะไรหรือเปล่า” เสียงวรชญารับสายโทรศัพท์

“ณีนตั้งใจโทรมาบอกคุณวีว่า ณีนส่งงานแปลตัวอย่างไปให้คุณวีที่ e-mail แล้วนะคะ หรือคุณวีต้องการให้ณีนปริ๊นไปให้ไว้ที่โต๊ะคะ” ณีนนารารู้ดีว่าเจ้านายชอบอ่านต้นฉบับจากกระดาษมากกว่าจากจอคอมพิวเตอร์, iPad หรือ Kindle เหมือนเธอ

“ไม่เป็นไรหรอกณีน เดี๋ยวพี่ไปปริ๊นอ่านที่บ้านเองได้ เพราะวันนี้คงไม่เข้าออฟฟิศแล้ว ณีนอ่านหมดทุกตัวอย่างหรือยังแล้วมีความเห็นว่าอย่างไรบ้าง”

“อ่านแล้วค่ะ ณีนคิดว่ามีอยู่ 2 สำนวนนะคะที่ใช้ได้ต้องปรับแต่งเพียงเล็กน้อย ยังไงรอให้คุณวีอ่านแล้วตัดสินใจอีกทีค่ะ ว่าคุณวีจะคิดว่าอย่างไร ณีนจะขอไปเขียนงานส่งสัก 1 บทความ คุณวีคงอ่านเสร็จเรียบร้อยพอดี”

“ได้ เดี๋ยวพี่จะรีบอ่านให้หมด คงใช้เวลาสักหน่อย ยังไงจะโทรไปบอกณีน แล้วเราจะได้มา final decision กันอีกทีนะ ณีนไปเขียนงานให้สบายใจเถอะ”
ต่างคนก็ต่างวางสายเพื่อไปทำงานในหน้าที่ของตนให้เสร็จ


2 วันต่อมา

“คุณณีนคะ คุณวีเชิญที่ห้องค่ะ” น้ำ นักพิสูจน์อักษรสาวของสำนักพิมพ์แวะมาบอกที่ห้องทำงาน

“ขอบคุณนะคะ คุณน้ำ ว่าแต่ ‘When We Were Bad’ เรียบร้อยดีแล้วใช่ไหมคะ” ณีนนาราถามถึงหนังสือเล่มล่าสุดที่เตรียมจะวางแผงเดือนหน้านี้

“เรียบร้อยดีค่ะ ตอนนี้กำลังส่งโรงพิมพ์ค่ะ น้ำก็เข้าไปคุยกับคุณวีเรื่องนี้แหละค่ะ” นักพิสูจน์อักษรตอบกลับมา

“ค่ะ งั้น ณีนไปพบคุณวีก่อนนะคะ” ณีนนารารีบเดินไปพร้อมยิ้มให้

“คุณวีคะ”  ณีนนาราส่งเสียงเรียก เพื่อเจ้านายจะได้เงยหน้าขึ้นมาจากเอกสารตรงหน้า พร้อมเลื่อนเก้าอี้ลงนั่งข้างหน้าโต๊ะทำงาน

“ณีน พี่อ่านหมดทุกสำนวนแล้วนะ พี่ว่าสำนวนของคุณเบญจ์ น่าจะโอเคที่สุด หรือ ณีนคิดว่าอย่างไร” วรชญา ถามความคิดเห็น

“ณีนคิดว่า ของคุณเบญจ์ กับ คุณ รฐา นั้นน่าสนใจทั้งคู่ค่ะ เพียงแต่ คุณรฐานั้นอาจจะมีปัญหาเรื่องเวลานิดหน่อยค่ะ เพราะตอนนี้คุณรฐามีงานแปลหนังสือติดพันอยู่ค่ะ คงแปลให้เราเลยไม่ได้ แต่ณีนว่าสำนวนบางอย่างของคุณเบญจ์ก็ต้องขัดเกลานะคะถึงแม้จะไม่มากนัก”

“ไม่น่าจะมีปัญหานะพี่ว่า พี่รู้จักกับนายบูรณ์ พี่ชายของเบญจ์ตอนเรียนที่ฝรั่งเศส บ้านนี้เขามีแม่เป็นครูภาษาไทยที่เข้มงวดมาก ขนาดได้ทุนไปเรียนเป็น 10 ปีภาษาไทยของนายบูรณ์ยังเยี่ยมมาก ยังไงพี่จะลองคุยกับนายบูรณ์ดู ว่าน้องสาวเขาสนใจไหม เพราะรายชื่อที่พี่ให้ณีนไป บูรณ์ก็เป็นคนแนะนำมา”

“อย่างนั้นคุณวีจะให้ณีนติดต่อกับ คุณเบญจ์ ไหมคะหรือ คุณวีจะติดต่อเอง” ณีนนาราคิดพร้อมกับเกิดอคติเล็กๆว่า นี่มันใช้เส้นชัดๆ

“ไม่เป็นไรเดี๋ยวพี่คุยกับนายบูรณ์ ว่าพี่สนใจจะร่วมงานกับน้องสาวเขา แล้วจะให้น้องสาวเขาเข้ามาคุยรายละเอียดที่ออฟฟิศ”

“ค่ะ งั้นณีน ขอตัวไปทำงานก่อนนะคะ”

“จ๊ะ พี่ก็ต้องสะสางงานต่อเหมือนกัน”

เมื่อกลับมาถึงห้องทำงานณีนนาราทำงานที่คั่งค้างอยู่ เมื่องานคืบหน้าไปมากจนเกือบที่จะเสร็จเรียบร้อย เธอจึงโทรศัพท์ไปหาปูรณ์เพื่อนสนิท

“ปูรณ์ฉันเองนะ”

“ฉันเองน่ะ ฉันไหน ไม่มีชื่อหรือไง”  ปูรณ์ถามกวนกลับมาทันที

“เออ งั้นไม่ต้องกินข้าวละ ว่าจะเลี้ยงซะหน่อย ไปกินคนเดียวก็ได้”

“อะไร แหมมล้อเล่นแค่นี้เอง ลาภปากมาทั้งทีจะปฏิเสธคุณเพื่อนรักได้อย่างไร”

“งั้นก็หกโมงครึ่ง เจอกันที่ชิดลมนะ คนน้อยหน่อย”

“แกจะให้ฉันไปรับที่ออฟฟิศก็ได้นะ วันนี้ฉันไม่ได้ออกไปไหนเขียนงานอยู่ที่ห้อง”

“ไม่ต้องหรอก เดี๋ยวฉันขึ้นรถไฟฟ้าไป แกก็รู้ฉันไม่ชอบทำตัวเป็นภาระใคร ไม่เหมือนคนบางคน” ณีนนาราแอบจิกกัดปูรณ์เพื่อนรักไปเล็กน้อย

“เออ ไอ้คนดี เจอกันเย็นนี้”


18.15 น.  ณ ห้างแห่งหนึ่งแถวๆชิดลม
“อยู่ไหนแล้วปูรณ์ ฉันกรอกเสียงลงไปตามสายโทรศัพท์”

“จอดรถอยู่  วนอยู่นานแล้วเนี้ย แกอยู่ไหนล่ะเดี๋ยวตามไป”

“เฮ้อ คุณนายสายเสมอ รออยู่ที่เกรยฮาวด์นะ แกจะกินอะไรเดี๋ยวฉันจะได้สั่งไว้ให้ ฉันสั่งสลัดปูนิ่มไว้ให้แกหนึ่งอย่างแล้ว”

“งั้นขอสปาเกตตี้อีกอย่าง แกเลือกให้ไปเลยฉันเชื่อใจแกว่าแกรู้ว่าฉันชอบอะไร”

“ได้ งั้นเดี๋ยวจัดการให้”

สิบนาทีต่อมา ปูรณ์มาถึงพร้อมสีหน้าเซ็งๆ
“เป็นอะไรไปล่ะ หน้ามุ่ยมาเชียว” ณีนนาราเอ่ยทัก

“หาที่จอดรถนาน แถมเจอพวกนิสัยไม่ดีแย่งที่จอดแบบด้านๆอีก”

“ดื่มน้ำมะนาวโซดาดับร้อนไป ช่างพวกเขาเถอะ อย่าเอามาเป็นอารมณ์”

“แล้วแกวันนี้นึกครึ้มอะไรมาเลี้ยงฉันเนี้ย ยัยณีน”

“ก็คนที่แกแนะนำมา ถ้าจะได้งานจากคุณวีแล้วน่ะสิ ฉันก็ไม่ต้องปวดหัวต่อไป ว่าจะมีใครแปลงานหรือเปล่าน่ะ  ถึงแม้อาจจะดูว่าเหมือนมีเส้นเล็กๆก็เถอะนะ”

“ใคร คนที่ชื่อเบญจ์น่ะเหรอ เขามีเส้นได้ยังไงล่ะ”

“ก็เขาเป็นน้องสาวเพื่อนคุณวีน่ะสิ เห็นว่าจะติดต่อดีลงานเองด้วยนะ”

“อ้าวเขาเป็นผู้หญิงเหรอ ชื่อเบญจ์นึกว่าผู้ชาย แล้วแกหมันไส้เขาทำไม เพราะกลัวว่าพี่วีจะสนใจเขาหรือไง”  ปูรณ์แกล้งถาม

“เฮ้ย พูดมอมๆนี่หว่าแก ฉันไม่ได้คิดอะไรกับคุณวีสักหน่อย ถึงเขาจะเป็นสาวเท่ และเฟมินิส แต่เขาก็มีแฟนเป็นผู้ชายมาตลอดนะ แกก็รู้ดีนี่ ฉันก็แค่ชื่นชม คนเก่งมีความสามารถ”

“เออ แค่ชื่นชม ฉันน่ะรู้รสนิยมแกดี มีทั้งผู้ชายผู้หญิงมาจีบคุณณีนนารา แต่แกก็ไม่เคยตกลงปลงใจกับใครสักที ไม่ใช่เพราะว่าแกมั่นคงกับพี่วีเหรอไง”

“ฉันบอกตรงๆนะ ฉันชื่นชมคุณวีจริงๆ แต่ก็แค่นั้นน่ะแก ไม่มีอะไรเพราะมันไม่มีทางเป็นไปได้ เกิดมาฉันยังไม่เคยมีแฟน เพราะฉันกลัวการเริ่มต้นว่ะ แกก็น่าจะรู้ดี ฉันกลัวเจ็บ ขออยู่คนเดียวดีกว่า”

“ฉันจำยัย Flavia สาวบราซิลเลี่ยนได้ คนนั้นก็คุยกับแกอยู่ตั้งนาน ทำไมแกไม่ตกลงปลงใจกับเขาไปวะ”

“ก็พอคุยกันจนสนิทกันมาก พอเขาหายไปเพราะยุ่งๆฉันก็เริ่มคิดถึงเขาไง ทั้งๆที่เขายังไม่ได้บอกว่าเขา เป็นอะไรกับฉันเลย  ฉันอาจจะคิดเองเออเองไปฝ่ายเดียว ว่าเขาชอบฉัน ในที่สุดฉันก็เลิกคุยกับเขา เพราะกลัวไงแก เจ็บตั้งแต่เริ่มต้นมันเจ็บนิดเดียวนะ ถ้าปล่อยไว้นานมันเจ็บเยอะและเจ็บนาน”

“เฮ้อ แกนี่นะ ฟังแล้วเซ็ง กินๆ กินเสร็จจะได้ไปคุยต่อที่คอนโดแกละกัน”

หลังจากกินข้าวเย็นกันเสร็จณีนนารากับปูรณ์ก็เดินไปหาซื้อหนังสืออ่าน พร้อมกับหาซื้อไวน์ดีกับซาลามี่ไปนั่งคุยต่อกันที่คอนโดของณีนนารา

“ปูรณ์แกจะนอนที่นี่ไหม จะได้ไม่ต้องขับรถกลับคอนโด”

“นี่แกจะมอมฉัน แล้วปล้ำฉันเหรอไอ้ณีน” ปูรณ์ถามกลับมาแบบขำๆ

“โอ๊ย ฉันไม่ทำหรอก แกน่ะไปหาน้องๆทั้งหลายของแกเถอะ” ณีนนารารู้รสนิยมของปูรณ์ดีว่าชอบสาวน่ารัก พี่ปูรณ์คะ พี่ปูรณ์ขา สวย น่ารัก แต่ต้องมีสมองด้วยนะ ประเภทสวยมีสมองน่ะ แถมปูรณ์เป็นคนที่มีโลกส่วนตัวสูงมากคนที่จะเป็นแฟนกับปูรณ์ได้ต้องรับข้อเสียตรงนี้ให้ได้ ซึ่งไม่มี  ปูรณ์จึงโสดอยู่มาจนกระทั่งทุกวันนี้ มีแฟนแต่ละคนคบกันไม่เกินครึ่งปี ปูรณ์ก็จะเล่าให้ฟังว่าเธอเลิกกับแฟนสาวแล้วเหมือนเป็นเรื่องปกติ

“มีที่ไหนตอนนี้โสดแกก็รู้ดีนี่หว่า”

แล้วทั้งสองคนก็จิบไวน์คุยเรื่องสัพเพเหระกัน คุยถึงเรื่องเก่าๆสมัยเรียน คุยถึงหนังที่น่าดู หนังสือที่น่าอ่าน และเพลงที่น่าฟัง แค่นี้ก็เป็นความสุขของสองสาวเพื่อนซี้

วันรุ่งขึ้นที่บริษัท วรชญาโทรศัพท์เรียกสายภายในเข้ามาที่โทรศัพท์เครื่องบนโต๊ะทำงานของณีนนารา

“ณีนบ่ายสองครึ่งวันนี้เข้ามาคุยกับพี่ที่ห้องนะ พี่นัดให้เบญจ์เข้ามาคุยรายละเอียด”

“ค่ะคุณวี” ณีนนาราตอบกลับไปรอวรชญาวางสายลงก่อนจึงวางหูโทรศัพท์ที่เธอถืออยู่ลงที่เครื่อง  พร้อมหันไปทำงานในหน้าที่ต่อไป


14.30 นาฬิกาตรง ณีนนาราเดินตรงไปห้องทำงานของวรชญา

“ขออนุญาตค่ะ” ณีนนาราเคาะประตูห้องพร้อมเปิดประตูเข้าไป

“อ้าว ณีนเข้ามาก่อนสิ นี่เบญจ์คนที่จะแปลหนังสือของ Anne Holt ให้กับเรา”  วรชญาบอกพร้อมผายมือให้ณีนนารานั่ง

“สวัสดีค่ะคุณเบญจ์” ณีนนารากล่าวสวัสดี พร้อมคิดว่าคุณเบญจ์ช่างดูดีจริงๆ เห็นบุคลิกแล้วชื่นชม อาการอคติที่คิดว่าได้งานเพราะเส้นแทบจะหายไป ทั้งกางเกงผ้าเข้ารูปสีกากีอ่อน พร้อมเสื้อเชิ้ตเข้ารูปลายทางสีเขียว ผมถูกรวบเป็นหางม้าไว้อย่างเรียบร้อย ช่างเข้ากับหน้าตาและหุ่นของเบญจ์จริงๆ

“สวัสดีค่ะ คุณณีนนารา”  เบญจ์กล่าวสวัสดีและยืนขึ้นเต็มความสูง เธอดูสูงกว่าณีนนาราเล็กน้อย  พร้อมรอณีนนารานั่งลงพร้อมๆกัน ผู้หญิงคนที่เธอเห็นที่ตลาดโต้รุ่งนี่เอง

“คืออย่างนี้นะณีน พี่จะให้เบญจ์เขาติดต่อเรื่องขอซื้อลิขสิทธิ์ทางเอเจนท์ของ Anne Holt เอง เพราะเบญจ์เขาได้ภาษานอร์เวย์อยู่แล้ว แถมช่วงนี้เขาว่างเป็นช่วง sabbatical (ช่วงหยุดพักการทำงาน) ของเบญจ์พอดี จะได้ลดงานของณีนด้วยไง”

“ค่ะคุณวี แต่คงไม่เป็นการรบกวนคุณเบญจ์มากไปใช่ไหมคะ นอกจากแปลแล้วยังต้องเป็นคนติดต่อเรื่องขอซื้อลิขสิทธิ์อีก ทั้งๆเป็นช่วงพักผ่อน”

“ไม่หรอกค่ะคุณณีนนารา เบญจ์ก็เบื่อๆอยู่หลังจากลาออกก็ไปเที่ยวในยุโรปมา 3 เดือนก่อนกลับมากรุงเทพ ตอนนี้ก็นอนอ่านหนังสืออยู่กับบ้านเป็นส่วนมาก เริ่มคิดถึงอารมณ์ที่ต้องรับผิดชอบงานแล้วค่ะ”

“เรียกว่าณีน ก็ได้ค่ะ ณีนนาราอาจจะยาวไป ใครๆก็เรียกดิฉันว่าณีนค่ะ”

“ค่ะคุณณีน”

“แต่พี่วีมีเรื่องรบกวนณีนนะจ๊ะ คือเบญจ์เขาไม่ค่อยมั่นใจกับสำนวนการเขียนเท่าไหร่ จึงอยากส่งสำนวนให้ณีนช่วยขัดเกลา บ่อยๆ อาจจะทุกๆ 2 วัน หรืออะไรประมาณนี้น่ะ” วรชญาบอกกับณีนนารา

“แต่ณีนว่าเรื่องอย่างนี้ให้ปูรณ์ ช่วยเกลาภาษาให้ไม่ดีกว่าเหรอคะ”

“ตอนนี้ปูรณ์มีงานแปลหนังสือฝรั่งเศสอยู่ไม่ใช่เหรอ งานของ Simone de Beauvoir ด้วยนี่นา ปูรณ์คงยุ่งนะ”

“ถ้าคุณณีนลำบากใจก็ไม่เป็นอะไรค่ะ”  เบญจ์พูดแทรกออกมา พลางนึกว่าณีนนาราดูเป็นคนที่ดูไม่ค่อยเป็นมิตรสักเท่าไร

“ไม่ใช่อย่างนั้นค่ะ เพียงแต่กลัวว่าจะมีความสามารถไม่เพียงพอเท่านั้นเองค่ะ” ณีนนาราพูดออกไป

“งั้นเป็นอันว่าตกลงตามนี้นะ เบญจ์มีปัญหาอะไรก็ปรึกษาณีนได้เลยนะ แล้วณีนพาเบญจ์ไปเลี้ยงกาแฟแทนพี่ด้วยนะ จะได้ทำความรู้จักกันมากขึ้น” วรชญากล่าวขึ้นพร้อมลุกเตรียมตัวออกไปข้างนอก พร้อมขอตัวไปทันที

“ถ้าคุณณีนไม่ว่างก็ไม่เป็นอะไรนะคะ เดี๋ยวเบญจ์จะกลับบ้านเลยก็ได้”

“ไม่สิคะ คุณวีบอกแล้ว ไม่ไปเลี้ยงกาแฟคุณเบญจ์ เสียมารยาทแย่เลย แต่ขอเวลาสักครู่ได้ไหมคะ ณีนขอตัวไปเก็บของที่ห้องก่อน แล้วจะได้ออกไปทีเดียวเลยไม่ต้องย้อนมาเอาของก่อนกลับคอนโดอีก”

“ตามสบายค่ะ”

“เดี๋ยวคุณเบญจ์เชิญไปรอที่ห้องรับรองเลยนะคะ ณีนขอเวลาไม่เกิน 15 นาทีค่ะ”

15 นาทีต่อมา
“ไม่ทราบว่าคุณเบญจ์ มาที่สำนักพิมพ์ยังไงคะ”

“ให้พี่ชายมาส่งค่ะ”

“งั้นเรานั่ง รถไฟฟ้าไปหากาแฟดื่มกันดีกว่านะคะ เพราะณีนไม่ขับรถในกรุงเทพค่ะ ไปลงสถานีพร้อมพงษ์แล้วเดินไปร้านกาแฟเจ้าประจำของณีนกันค่ะ”

“ค่ะ”  เบญจ์รับคำแล้วเดินตามมาที่สถานีรถไฟฟ้าอย่างเงียบๆ

“ไม่ทราบว่าคุณเบญจ์จะดื่มอะไรดีคะ” พอมาถึงคาเฟ่ขนาดเล็กที่ณีนนาราชอบมานั่งทำงานเงียบๆคนเดียว

“ขอกาแฟดำนะคะ” เบญจ์หันไปบอกพนักงาน

“ขอชา Vanilla Rooibos เหมือนเดิมค่ะ ไม่ทราบคุณเบญจ์จะทานอาหารว่างไหมคะ ร้านนี้scone อร่อยนะคะ” ณีนนาราเอ่ยแนะนำ

“ก็ดีค่ะ คุณณีนบอกว่าอร่อยเบญจ์ก็จะเชื่อเจ้ามือค่ะ” เบญจ์ตอบกลับมา

ทั้งสองคนก็ดื่มเครื่องดื่มอาหารว่างไปอย่างเงียบๆ จนรู้สึกอึดอัด ในที่สุดเบญจ์ก็ถามออกมาว่า
“คุณณีน ลำบากใจที่ต้องมาคอยเป็นพี่เลี้ยงเบญจ์หรือเปล่าคะ ดูคุณณีนอึดอัด”

“ไม่ได้อึดอัดค่ะ ปกติณีนเป็นคนเงียบๆอยู่แล้ว ถ้าไม่ใช่คนที่สนิทด้วยณีนยิ่งไม่รู้จะพูดอะไรค่ะ กลัวพูดจาไม่เข้าหูค่ะ”   ณีนนารารีบปฏิเสธออกไป

“ถ้าอึดอัดก็บอกได้นะคะ ยังไงก็ยินดีที่ได้ร่วมงานกับคุณณีนนะคะ แต่รับรองว่าเบญจ์จะพยายามไม่ทำตัวให้เป็นปัญหาค่ะ”  เบญจ์กล่าวด้วยน้ำเสียงมาดมั่น

ณีนนารากับเบญจ์นั่งดื่มเครื่องดื่มและทานของว่างไปอย่างเงียบๆ สักประมาณหนึ่งชั่วโมงณีนนาราก็เรียกเก็บเงินพร้อมชวนเบญจ์กลับ

“ค่ะ เรากลับกันเถอะ ฝนตั้งเค้ามาแล้วไม่ทราบคุณเบญจ์จะกลับบ้านยังไงคะ”

“นั่งแท๊กซี่ค่ะ แต่ไม่นานนี้เบญจ์ก็จะย้ายออกมาอยู่คอนโดแถวสาทรแล้วค่ะ เพราะถ้าต้องแปลงาน เบญจ์ต้องการความเงียบค่ะ อีกอย่างชินกับการอยู่คนเดียวด้วย”

“เข้าใจค่ะ ยังไงถ้าคุณเบญจ์ติดต่อขอซื้อลิขสิทธิ์สำเร็จหรือติดปัญหาอะไรก็โทรมานะคะ นี่เบอร์ณีนค่ะ แล้วก็มี Line ด้วย”

“คงต้องโทรหรือ e-mail อย่างเดียวล่ะค่ะ เบญจ์ไม่ใช้พวกโปรแกรมสื่อสารจำพวก Line หรือ BBM ค่ะ”

“งั้นตกลงตามนี้นะคะ ดีใจที่ได้ร่วมงานค่ะ” ณีนนาราเดินไปจ่ายค่าเครื่องดื่มและอาหารว่าง และแยกย้ายกันไป ณีนนาราก็เดินไปขึ้นรถไฟฟ้า เบญจ์ก็เดินไปเรียกแท๊กซี่

B de Beauvoir 18-06-2012 @Thailand

ขอบพระคุณที่ทนอ่านจนจบค่ะ

6 comments:

  1. เย้ ทนอ่านจนจบแล้ว :p ล้อเล่นค่ะ ในที่สุดก็ได้เจอกันซะที

    แวะมาอ่านแบบงง ๆ เหมือนจะไม่สบายตั้งแต่เมื่อวาน วันนี้เจ็บคอมากกว่าเดิมอีก ซื้อยาแก้อักเสบมากินน่าจะหาย โดยไม่ต้องถึงมือหมอที่โรงพยาบาล 555 คืนนี้ต้องรีบนอนอยู่เล่นเกมดึก ๆ ไม่ไหวแล้ว

    ReplyDelete
    Replies
    1. หายไวๆนะคะ เรายังไออยู่เลยค่ะ ถ้าไม่ไหวก็ไปหาหมอเถอะค่ะ อาจจะเจอหมอที่หน้าตาดีทำให้หายเร็วขึ้นนะคะ :P เล่นเกม ติดเกมอะไรคะเนี้ย ตอนนี้น้องที่บ้านติด Diamond Dast กับ Temple Run ใน iPhone, iPad กันแต่เราไม่ติดค่ะ เพราะในมือถือไม่มี 555+ อ้อเห็นเล่นกันใน fb ด้วย เราก็ไม่เล่นเช่นเคย ไม่อยากติดเกม

      Delete
    2. ได้ยาไปอาการเจ็บคอก็ดีขึ้นค่ะ แต่เมื่อวานอยู่ดี ๆ ก็ปวดฝ่าเท้าซ้ายขึ้นมา ลงน้ำหนักแล้วเจ็บ จนวันนี้ก็ยังไม่หาย แถมด้วยเริ่มปวดหัวแต่เช้า เป็นมันให้ครบ 555

      เกม Diamond Dash ก็ไม่ได้เล่นไปพักนึง เพราะเล่นแล้วได้คะแนนน้อย สู้คนอื่นเค้าไม่ได้ ช่วงนี้กลับมาเล่นใหม่แก้เบื่อ ไม่กี่วันก็เลิกเล่นแล้วค่ะ ไม่ได้ติดเกมนะคะ ;)

      เปลี่ยนรูปนี่ถือว่าจัดบล็อกใหม่แล้วใช่ไหมคะ :p

      Delete
    3. เจ็บฝ่าเท้าเวลาลงน้ำหนักน่าจะเป็นที่รองช้ำนะคะ ถ้ามีเวลารองเอาเท้าแช่น้ำอุ่นดูนะคะช่วยได้บ้างค่ะ ปวดหัวนอนน้อยหรือเปล่าคะเพราะมัวแต่เล่นเกมอยู่ ;)

      การที่คะแนนสู้ชาวบ้านเขาไม่ได้ก็เป็นเหตุผลที่เราไม่เล่นเกมค่ะ 555+ ขนาดตอนเด็กเล่นมาริโอ้ยังไม่ประสบความสำเร็จเลย

      โอ๊ยรู้ได้ไงว่าการเปลี่ยนรูปคือการจัดบล๊อก รู้ทันอะ 555+ จริงๆแล้วอยากทำให้ มีช่องให้เลือกข้างล่าง ไม่รู้ว่าเคยอ่านบล๊อกของ Dorothy Surrenders ไหมคะ คือเขาจะมีแทบให้กดน่าจะเป็นแท๊กที่เขาทำไว้แล้วก็จะขึ้นเฉพาะแท๊กที่เลือกน่ะค่ะ แต่เราอยากทำให้แบบว่าเป็นแทบแยกต่างหากของนิยาย แต่ทำไม่เป็นเมื่อวานพยายามหาทางแล้วแต่ยังไม่สำเร็จ ถ้ายังหาวิธีทำไม่ได้การจัดบล๊อกก็จะเสร็จแค่การเปลี่ยนรูปจริงๆค่ะ

      Delete
  2. อึดอัดใจจังตอนนี้ ทำไมสองสาวเจอกันแล้วมันทำให้คนอ่านเครียดไงไม่รู้ หรือว่าไงค่ะคุณ
    แต่เราชอบตอนที่คุณเขียนว่า "เจ็บตั้งแต่ตอนแรกมันเจ็บนิดเดียว" จริงด้วยเนอะถ้าเราสามารถบังคับหรือตัดใจได้ตั้งแต่เริ่มก็ดีซิ 555-

    clearsky

    ReplyDelete
    Replies
    1. คนเขียนก็อึดอัดค่ะ ไม่รู้ว่าตอนเขียนจะให้หวานๆจะทำได้ไหม ลุ้นกันไปนะคะ
      คือเรื่องกลัวเจ็บนี่ประสบการณ์ส่วนตัวค่ะ กลัวมากๆ 555

      Delete