Thursday 22 September 2016

AFTERELLEN // Till We Meet Again




เมื่อวานเช้าได้ทราบข่าวอันน่าใจหายสำหรับเรา (จริงๆแล้วข่าวของสกุลไทยปิดตัวน่าใจหายกว่าเยอะ) Afterellen จะปิดตัวลงในวันศุกร์นี้(23/09/2016) โดยจะไม่มีการอัพคอนเทนท์เพิ่มแต่ยังคงข้อมูลเก่าๆไว้
Afterellen เป็นเวปไซด์ LGBT แรกและแทบจะเป็นเวปเดียวที่เราติดตามข้อมูลข่าวสาร ในตอนนั้นในไทยยังไม่มีแหล่งข้อมูลเพื่อชาวเลส (ตอนนี้ก็ยังไม่มีนะ) ทำให้เราได้มีโอกาสได้ดูหนัง ซีรี่ส์ ฟังเพลง ที่บล็อกเกอร์แนะนำ ได้มีโอกาสแวะเวียนไปดู Hot 100 ว่าใครบ้างนะ แต่ช่วงเวลาที่เราได้ใช้อยู่ใน Afterellen เยอะที่สุดคือช่วงที่เราได้ไปเจอ forum ของ Gro Hammerseng กับ Katja Nyberg โดยบังเอิญ จำได้ว่าที่เจอเพราะเรานั่งหาข้อมูลใน Wikipedia ว่านักกีฬาคนไหนเป็นชาว L บ้าง แล้วก็อากู๋ไปเรื่อยๆจนเจอ thread นั้นที่ forum ปกติเราไม่ค่อยได้อ่าน forum เท่าไรเน้นอ่านบทความ ข่าวย่อยๆมากกว่า เราจำได้ว่าจะเป็นช่วงปลายปี 2007 เพราะปี 2008 จะมีโอลิมปิกที่จีน Afterellen ทำให้เราได้กลับมาใช้ภาษาอังกฤษอย่างจริงจังอีกครั้ง ได้คุยกับคนจากทั่วโลก แม้เวลาจะต่างกันคนในนั้นส่วนมากจะอยู่ยุโรป เช้าของเราก็มืดของเขาเป็นการที่คุยอาจจะลำบากไปบ้างแต่ก็สนุก แม้ตอนหลังจะมีแฟนพันแท้ของ Gro มาสร้าง GRO HAMMERSENG FAN FORUM แลกเปลี่ยนข้อมูลของ Gro กับ Katja แต่เราก็ยังติดตาม Afterellen มาตลอด จนตอนหลัง Sarah ผู้ก่อตั้งเวปได้ออกไป เปลียนผู้ดูแลเราก็ยังเข้าไปตลอด ไปโหวต Hot 100 บ้าง ไปดูรีวิว อ่าน subtext เรื่อยเปื่อย แต่ก็น้อยลงเรื่อยๆ ยิ่งพอมาตอนหลัง afterellen เปลี่ยนรูปแบบเวป เราว่ามันอ่านยาก โฆษณายุบยับ เราไม่ได้มายด์นะ แต่มันเป็นรูปแบบวิดีโอมันน่ารำคาญไป การกดเข้าไปดูหรืออ่านเลยน้อยลงไปตามลำดับ ขนาดผล hot 100 ครั้งล่าสุดเราเข้าไปดูยังไม่น่าสนใจพอที่จะเขียนบล็อกถึงเลยด้วยซ้ำ (อันนี้เราอาจจะแก่เกินไปเอง)

ท้ายนี้ก็ยังรู้สึกขอบคุณที่บังเอิญไปพบ ได้อ่าน ได้เจอเพื่อน


หนึ่งในนักร้องที่เรารู้จักจาก afterellen

ปล.ไหนๆก็เขียนเพื่อนเป็นบันทึกส่วนตัวว่าครั้งหนึ่งเคยมี afterellenอยู่ ไว้มีอารมณ์อยากเขียนถึง GRO HAMMERSENG FAN FORUM บ้าง

Wednesday 21 September 2016

Me , Myself and Her (Io e lei)



วันนี้วันพุธน่าจะเป็นวันที่หลายคนเบื่อ เพราะเป็นวันกลางอาทิตย์คนนับวันรอว่าเมื่อไรจะวันศุกร์ซะทีจะได้เตรียมตัวไปปาร์ตี้หลังเลิกงาน แต่คืนวันศุกร์หน้าฝนในกรุงเทพ เป็นเราจะไม่ไปไหนนะรถติด รถไม่มีที่จอดอีก ตื่นมาหากาแฟดีๆดื่มเช้าวันเสาร์ดีกว่า
ที่เกริ่นมานานไม่ใช่อะไร เมื่อวานนี้ตั้งใจจะเขียนถึงหนังเรื่อง “Me , Myself and Her” หรือชื่อในภาษาอิตาลี Io e lei เป็นหนังฉายในงานเทศกาลภาพยนต์อิตาลีที่โรงหนังEmquartier ความตั้งใจแรกเมื่อตอนต้นอาทิตย์ที่แล้วคือจะไปดู The Handmaiden ที่ลิโด้ถ้ายังมีรอบ เพราะอยากรู้ว่าฉบับที่ฉายในโรงเป็นอย่างไรแปลต่างจากที่มีคนใจดีทำซับให้ไหม ซึ่งวันศุกร์เช็คอีกทีไม่มีรอบแล้วกลับกลายเป็นแฟนเดย์ไปเสียฉิบ จึงทำการมัดมือชกผู้ร่วมทริปโดยการจองหนังไปเรียบร้อยค่อยบอกว่าจะไปดู



คำเตือน ต่อไปจากนี้จะมีการเปิดเผยลายละเอียดของหนัง และถ้าใครจะไปหามาดูหนังเรื่องนี้มีการนอกใจไปหาผู้ชายด้วยนะคะ ถ้ารู้สึกไม่ชอบแนะนำว่าอย่าหามาดูนะคะ

เรื่องย่อ แบบโคตรย่อคือ เรื่องราวความรักระหว่างผู้หญิง 2 คน ในวัยเลข 4 ปลายๆ หนึ่งคนเป็นอดีตนักแสดงที่ใช้ชีวิตอย่างไม่ปิดบังว่าชอบผู้หญิงด้วยกัน ส่วนอีกคนเคยมีสามีและมีลูกชายวัย 18 เปิดเผยกับครอบครัวว่ารักและอาศัยอยู่กับผู้หญิงด้วยกันแต่กลับปิดบังเพื่อนร่วมงาน


หนังเรื่องนี้โดยส่วนเราว่าตัวละครหลักคือ Federica สถาปนิกสาวเคยผ่านชีวิตครอบครัว เพราะเรื่องจะหมุนรอบตัวเธอมีเธอเป็นแกน Federica ผู้สับสนไม่กล้าเปิดเผยกับคนทั่วไปว่าเธอมีแฟนเป็นผู้หญิงและอยู่บ้านเดียวกันมา 5 ปีแล้ว เราว่าเรื่องของเธอเป็นสิ่งที่เข้าใจได้ผู้หญิงบางคนไม่กล้าที่จะเปิดตัวเพราะสังคมคนรอบข้าง ว่าหญิงต้องคู่กับชายเท่านั้นมันฝังหัวหยั่งรากมาตั้งแต่ดึกดำบรรพ์ แม้จะรักแต่ก็ทำตัวไม่ถูก เราว่าเรื่องนี้เฟเดริก้าเป็นคนที่น่าหมั่นไส้มากๆ ตัวเองรู้สึกสั่นคลอนเพราะความไม่กล้าเปิดตัวของตัวเองพอเจอผู้ชายที่เคยต้องตากัน ก็เลยนัดเจอแล้วสุดท้ายจบที่การนอกใจ ทั้งยังไม่ได้นอกใจแค่รอบเดียวด้วย
ส่วน Marina อดีตนักแสดงที่มาเปิดร้านอาหารเธอไม่ปิดบังรสนิยมทางเพศของเธอ มาริน่าเป็นคนที่มีเสน่ห์มาก เขาเรียกว่าอะไรมีฟีโรโมนที่ดึงดูดสาวๆมาหลงรักได้เยอะ แถมยังมีอารมณ์ขัน ปล่อยมุกเรียกเสียงหัวเราะให้คนดูหนังขำตลอด
สิ่งที่เราชอบหนังเรื่องนี้คือความเป็นจริงว่าทุกความสัมพันธ์จะต้องพบปัญหา เพียงแต่ว่าจะแก้ปัญหา มีฝ่ายหนึ่งให้อภัยและจับมือกันไปต่อหรือไม่ ไอ้คนนอกในกรณีนี้คือคนดูอย่างเราอาจจะขัดใจที่มาริน่าให้อภัยเฟเดริก้าง่ายไป อะไรวะนอกใจ 2 รอบเลยนะ พอไปอยู่กับผู้ชายแล้วรู้สึกว่าไม่ใช่ถึงคิดได้ มันก็เหมือนเวลาเราด่าเพื่อนสนิทไงว่าแฟนแกไม่เห็นมีอะไรดีทนอยู่ทำไมเลิกกันไปซะ คนบ่นก็บ่นไปแต่เขาไม่เลิกกัน มันต้องจุดที่เขาทนไม่ได้เองนั่นแหละ (คำแนะนำจาก จขบ คือ อย่าไปยุ่งเกี่ยวในความสัมพันธ์ที่ยุ่งเหยิงของเพื่อนและแฟน แค่เป็นผู้รับฟังที่ดีก็พอ เพราะเกิดไปยุให้เขาเลิกกัน แต่เขากลับมาดีกันคนเสียหมาคือคนที่แนะนำนะคะ คนนั่งคุยมันไม่เหมือนคนนอนคุยกันหรอกนะ จริงๆ)
แม้มารีน่าจะเป็นคนมี sex appeal สูง ฟีโรโมนแผ่ซ่าน หลายคนหลงรักเธอ แต่เรากลับชอบแนวเฟเดริก้ามากกว่า ชอบในที่นี้หมายถึงสไตล์การแต่งตัวนะคะ ชอบคนขรึมๆมากกว่านิดๆ อ้อยังไม่ได้พูดถึงฉากที่ชอบเลย หลายคนคงชอบฉากเวลามารีน่าปล่อยมุก แต่ที่เราชอบที่สุดคือฉากเฟเดริก้าแอบย่องเข้ามาบ้านที่เคยอยู่ด้วยกันเปิดกระปุกครีมป้ายมือเอามาดม เราว่ามันละมุนนะบ่งบอกว่าคิดถึงแต่ก็ทำอะไรไม่ได้

สรุปเป็นหนังที่น่าดูเรื่องหนึ่งใครสนใจหาดูได้ตามเวปเลยค่ะ รอบที่เราไปดูเป็นรอบสุดท้ายพอดี ตอนแรกเราจะเรียกว่าเป็นหนังประเภทรอมคอม แต่ในwiki เขาเคลมตัวเองว่าเป็นหนัง romantic-drama  ซึ่งเราก็ว่ามันก็โอเคนะ 


ท้ายนี้มีคนหลงรักคามิลล่าเลขาของมารีน่า ตอนเราดูหนังเรารู้สึกคุ้นหน้าเธอมากๆ แต่ก็นึกไม่ออกว่าเคยดูเธอจากเรื่องอะไรถึงขนาดมาถามอากู๋กดไปอ่านwiki ก็ยังไม่คุ้นหนังอิตาเลี่ยนที่เคยดูก็นับเรื่องได้ แล้วในที่สุดก่อนจะเขียนบล็อกนี้เราก็ต้องเสริชหาข้อมูลหนังเลยเอาชื่อเธอมาเสริชอีกทีเห็นรูปหนึ่งเป็นรูปเธอผมยาวมีหูฟังแพทย์คล้องคออยู่ นึกออกทันทีว่าเธอแสดงซีรี่ส์ที่เอา Hospital Central ไปดัดแปลงเป็นเวอร์ชั่นอิตาลี
เธอชื่อ Alessia Barela แสดงเป็น Marina Ranieri Del Colle ใน Terapia d'urgenza ตอนนั้นถ้าใครตาม Hospital Central แล้วมาดูเวอร์ชั่นอิตาลีด้วยคงกรี๊ดเธอกันแน่ๆ



จบดีกว่าเนอะเดี๋ยวจะกลายเป็นบล็อกของ Alessia ไปซะฉิบ

Monday 19 September 2016

ปรากฏการณ์เฉลียง



สวัสดีเช้าวันจันทร์อันชุ่มฉ่ำ หลังจากที่ครึ้มๆเหมือนฝนจะตกตั้งแต่เช้า ในที่สุดฝนก็เทลงมาตอนเพล ว่าแต่เด็กสมัยนี้รู้จักคำว่าเพลกันไหมนะ แต่ไม่เป็นไรเรารู้ว่าคนอ่านบล็อกเรารู้จักแน่นอน  มีเรื่องอยากจะเขียนเยอะมาก กอ ไก่ หลายๆตัว แต่จะเขียนได้กี่วันไม่รู้สินะ คือถ้าเขียนต้องเขียนทุกวันไม่งั้นเราจะขี้เกียจ เรื่องในความทรงจำมันจะเลือนๆไปบ้าง เขียนคงไม่ได้เหมือนที่อยากเขียน เรื่องที่อยากเขียนถึงได้แก่ คอนเสิร์ตปรากฏการณ์เฉลียง ซึ่งคือที่เราจะเขียนถึงวันนี้ ส่วนเรื่องที่จะตามมาได้แก่ หนัง Me, Myself and Her , หนังสือ “Girl Hearts Girl โดย Lucy Sutcliffe แค่นี้ก่อน เยอะกว่านี้คงจะไม่ได้เขียน นี่เป็นการจดบันทึกไปในตัวว่าคิดจะเขียนก็ต้องเขียนออกมานะ

อย่างที่เกริ่นไว้แต่แรกว่าจะพูดถึงคอนเสิร์ตเฉลียงเพราะเป็นเหตุการณ์ที่สดที่สุดในบรรดาที่กล่าวมาข้างต้น คอนเสิร์ตครั้งนี้เราอยากดูมากเพราะเราซื้อเทป “เฉลียง รวมกบาล” มาฟังตอนมัธยมแล้วมันดีมาก อาจจะเคยฟังเวลาน้าๆเปิดเทปฟัง พอซื้อมาฟังแล้วหลงรัก เพลงแรกที่ชอบก่อนซื้อเทปคือ เพลงยังมี หลงรักพี่เกี๊ยง คนอะไรจะละมุนขนาดนั้น พอยิ่งฟังก็ยิ่งชอบ จำได้ว่าซื้อเทปหลายครั้งมากซื้อแล้วมีคนช่วยเอาไปฟังตลอด ขนาดพี่สาวเพื่อนฟังแล้วยังบอกเฮ้ยเพราะไม่คิดว่าจะดีอะไรแบบนี้

ส่วนคอนเสิร์ตครั้งที่แล้วไม่ได้ไปดูอาจจะด้วยเพราะการจองบัตรลำบาก ส่วนครั้งนี้ก็ถอดใจไปแล้วแต่พอมีรอบการกุศลเลยรีบจอง (ขอบคุณผู้มีอุปการคุณที่ช่วยกดจองให้ในวันเปิดจอง)  
เราประทับใจตลอดระยะเวลาที่นั่งอยู่ในฮอลเลย มันไม่เหมือนดูคอนเสิร์ตแต่เป็นการแสดงทอล์กโชว์ที่ทำให้เราหัวเราะท้องแข็งได้ตลอดเวลา มีมุกจิกกัดกันเองที่เราชอบ เพราะเป็นเพื่อนกันทำแล้วไม่น่าเกลียด ส่วนช่วงที่ชอบที่สุดนี่คิดไม่ออกจริงๆค่ะ ชอบตอนลูกๆออกมาร้องเพลง มีน้องต้นไม้บอกว่าพวกเราจะร้องเพลงของสครับ หรือตอนน้องตังเมบอกว่างั้นแม่เป็นคนส่งเรียนโทษฐานพ่อดี้แซวก่อนว่าใครส่งเรียนเมืองนอก หรือครอบครัวไล้ทองที่เรียนที่เดียวกันหมด หรือตอนพวกพี่ๆเขาเต้นเป็นบอยแบรนด์กัน มีท่ามินิฮาร์ท แต่ตอนที่คนน่าจะกล่าวถึงกันมากที่สุดคือ เพลงนิทานหิ่งห้อย ที่ต้องมีนิทานเล่าโดยพี่เจี๊ยบ เราชอบการเล่าที่ไม่โฉ่งฉ่าง จิกกัดไปหมด เล่าไปให้คนดูได้คิดว่าอ๋อมันเหตุการณ์นี้เอง เรารู้สึกว่าพี่ๆเขาเป็นความสนุกที่ใช้ภาษาง่ายๆไม่ต้องหยาบคาย
โดยส่วนตัวเราว่ามันตลกกว่าการแสดงหลายๆทอล์กโชว์ #ทำไมไชโย #คลองจั่นนี่ใกล้คลองหลวงใช่ไหม ฯลฯ
เราชอบที่คอนเสิร์ตนี้มีทุกเพศทุกวัยมาดู ตรงที่นั่งใกล้มีคุณย่าน่าจะอายุวัยเลข 7 แล้วเดินลำบากตั้งใช้ไม้เท้า มีหลานพยุงมาดู มีเด็กๆวัยไม่ถึง 10 ขวบหลายคนมาดูกับผู้ปกครอง ไม่รู้ว่าน้องเขาจะสนุกไหมแต่นั่งกันเรียบร้อยดี เราชอบบรรดาแสงสีบนเวที ทั้งอนิเมชั่นต่างๆ ใครพลาดนี่เสียดายมากเพราะไม่รู้พี่ๆเขาจะมาเล่นกันอีกไหมและเมื่อไร ส่วนใครพลาดมีเปิดจองดีวีดีการแสดงนะคะ นี่กำลังคิดว่าจะจองดีไหมโดยส่วนตัวเราอยากได้แค่ DVD ไม่ได้อยากได้บันทึกอื่นๆ
คราวนี้มาสิ่งที่คิดว่าต้องปรับปรุงบ้าง เป็นทุกสิ่งที่ไม่เกี่ยวกับการแสดงเลย คือ การแสดงบอกว่าเริ่มตรงเวลาเจ้าหน้าที่น่าจะต้อนคนเขานั่งที่ตั้งแต่ 12.30 น. เพื่อที่จะให้ทัน 13.00 น. ส่วนคนที่สำคัญที่สุดคือคนดูทำไมไม่เข้ามาให้เรียบร้อย แถมเขามีกฎไม่ให้ถ่ายคลิปแต่ก็ยังมีคนแอบถ่าย คนมาดูนี่ก็น่าจะโตวัยขึ้นด้วยเลข2 กันหมดแล้ว ยกเว้นเด็กเล็กๆที่มากับผู้ปกครอง อยากให้ประเทศชาติเจริญอย่าแหกกฎกันสิคะ เริ่มที่ตัวเองนี่แหละอย่ามัวแต่คิดว่าไม่เป็นอะไรหรอกใครๆก็ทำกัน

จริงๆบล็อกนี้คือเรื่องไร้สารแท้ๆ มันเหมือนเป็นการบันทึกว่าเราเคยไปดูคอนเสิร์ตนี้
 
ไม้นี้คงเก่าไป ตามกาล
ชีวิตคงเก่าไป ด้วย...กัน
ที่นั่งบนแผ่นไม้ ถูกทำ
ให้เราไว้นั่งดู....
เรื่องราวบนแผ่นไม้ จดจำ.....
เมื่อเรามานั่งดู....