Tuesday 3 December 2013

Maria Bello! Finally she made it!

หายไปนานเลยค่ะ ไม่ได้เขียนบล๊อก มีหลายเรื่อง ทั้งงาน ทั้งสุขภาพ และท้ายสุดก็การเมือง ที่ทำให้ติดตามอย่างไม่มีเวลาว่าง โชคดีหน่อยที่เพื่อนไม่ค่อยมีคนที่เห็นต่างมากนักเลยไม่ค่อยมีอะไรให้หงุดหงิด  แล้วทำไมวันนี้ถึงมาเขียนบล๊อก

เพราะ Maria Bello ออกมาบอกว่าเธอกำลังมีความสัมพันธ์กับผู้หญิงค่ะ แล้วทำไมต้องตื่นเต้น ด้วยหลายคนอาจจะสงสัย เพราะเราชอบเธอมาตั้งแต่ ER ซึ่งก็คงมีอะไรบางอย่างที่ทำให้เราชอบเธอ ติดตามมาตลอด ก่อนที่เธอจะมาดังใน Coyote Ugly เราว่าคนไทยไม่ค่อยรู้จักเธอเท่าไร แม้จะหลัง Coyote Ugly ก็เถอะ เดี๋ยวนี้จะมีคนจำชื่อเธอได้สักกี่คน

เมื่อคืนตอนเห็น New Feed ของ AfterEllen บน Facebook เราไม่ได้บ่นว่า ‘I knew it’ แต่เรายิ้ม smirk พร้อมพูดกับตัวเองเบาๆว่านี่แหละทำไมเราถึงชอบเธอ เธอเปิดตัวด้วยการเขียนเรียงความลง New York Times คอลัมน์ Modern Love อ่านแล้วเราชอบนะ เลยนั่งแปลมาให้อ่านกัน  เราตัดสินใจว่าจะเขียนบล๊อกอยู่แล้ว แถมยังมีนักกระโดดน้ำชาวอังกฤษวัย 19 ชื่อ Tom Daley ออกมาเปิดตัวว่ามีแฟนเป็นผู้ชายทางช่อง Youtube ของเขาเอง เขาบอกว่า "Of course I still fancy girls but right now I'm dating a guy and I couldn't be happier." เราคิดว่ามันดีนะคือเขาก็ยังเห็นผู้หญิงสวยอยู่แต่ตอนนี้เขามีแฟนผู้ชายเท่านั้นเอง แล้วเราก็ติดตาม Tom ตั้งแต่เขาไปแข่ง OG ที่จีน ตอนอายุ14 เพราะหน้าตาดี 555 สรุปเมื่อคืนมีสองคนที่เราชื่นชอบออกมา came out ทำให้ต้องเขียนบล๊อกซะหน่อย ใครสนใจฟัง Tom ออกมาพูด http://www.youtube.com/watch?v=OJwJnoB9EKw

แล้วถ้าใครสงสัยเกี่ยวกับใครคือ Maria Bello ลองหาบล๊อกเก่าๆอ่านนะคะ ไม่ก็ google เลยค่ะ


แล้วที่เราแปลอาจจะแปลไม่ดี แต่อยากแปลเพราะคงไม่มีใครแปลทั้งหมดแน่ๆ ส่วนแฟนของเธอชื่อ Clare Munn ค่ะ เผื่อใครอยากเสริชหาข้อมูลเพิ่มเติม

คำเตือน เนื้อหายาวมาก 


Coming Out as a Modern Family

เมื่อลูกชายวัย 12 ขวบของฉัน, แจ๊กสัน ถามฉันว่ามีเรื่องอะไรบ้างไหมที่ฉันไม่บอกเขา.

 “มีหลายสิ่งหลายอย่างที่แม่ไม่ได้บอกลูก” ฉันตอบ
“เช่นอะไร” แจ๊กสันถาม
“เรื่องของผู้ใหญ่” ฉันตอบ
“เรื่องของผู้ใหญ่อย่างเรื่องอะไรล่ะ” แจ๊กสันยังคงถามต่อไป

เวลาเป็นเดือนที่ฉันคาดคะเนไว้ทั้งยังหวาดกลัวว่าเหตุการณ์นี้จะเกิดขึ้น  “เช่นเรื่องความรัก” ฉันตอบอย่างตะกุกตะกัก

“เรื่องความรัก เช่นอะไรครับ?”

“ประมาณ” ฉันตอบ “อย่างเช่น บางทีเราสามารถเป็นเพื่อนกับคนคนหนึ่ง แล้วความสัมพันธ์ก็เปลี่ยนไปเป็นความรัก แล้วก็เปลี่ยนมาเป็นแค่เพื่อนอีกครั้ง เหมือนความสัมพันธ์ของพ่อกับแม่ไง หรือระหว่างแม่กับไบรอัน ที่ตอนนี้แม่กับเขาเป็นเพียงเพื่อนกัน

“แล้วตอนนี้แม่มีความรักกับใครหรือเปล่าตอนนี้?” แจ๊กสันถาม

ฉันสูดลมหายใจเข้าไปลึก รู้ว่าคำตอบที่ฉันจะพูดออกไปและปฏิกริยาของลูกที่จะตอบกลับมา จะมีผลต่อความสัมพันธ์ของเราทั้งคู่ไปอย่างยาวนาน

แจ๊กสันเข้าใจถูกแล้ว ฉันมีความรักอยู่กับคนคนหนึ่งที่ฉันไม่ได้บอกเขา ฉันมีความสัมพันธ์กับผู้หญิงคนหนึ่ง เธอคนนั้นเป็นเพื่อนรักของฉัน ที่ก็เป็นเหมือนแม่ทูลหัวของลูกชายฉัน

ฉันจะบอกลูกชายอย่างไรและเมื่อไร? ตอนที่ฉันคุยเล่าเรื่องราวให้นักบำบัดฟัง
เธอยิ้มแล้วตอบกลับมา “ลูกชายคุณอาจจะมีเรื่องมากมายที่จะพูดเกี่ยวกับคุณเมื่อเขาโตขึ้น แต่เขาจะไม่มีทางบอกว่าแม่ของเขาเป็นคนน่าเบื่อ”

คำแนะนำของเธอ คือ รอจนกระทั่งแจ๊กสันถาม และตอนนี้เขาก็กำลังถาม
ประมาณหนึ่งปีก่อนหน้าบทสนทนานี้จะเกิดขึ้น ฉันนั่งอยู่ในสวนของบ้านที่ฉคลิฟลอเนีย, ดูรูปเก่าๆและสมุดบันทึกที่ฉันเก้บไว้ตั้งแต่เด็ก  จากสมุดบันทึกปกเขียวที่ขาดกะรุ่งกะริ่งที่มีรุปหัวใจวาดอยู่ จนมาถึงสมุดบันทึกที่เริ่มใช้ตั้งแต่ฉันเริ่มช่วยผู้ประสบภัยแผ่นดินไหวในเฮติ ตอนเดือนมกราคม 2010  บันทึกเล่าเรื่องราวที่เรียงร้อยไปด้วยกันโดยโครงเรื่องก็ออกมาคล้ายคลึงเหมือนๆกัน

ฉันอ่านตั้งแต่เรื่องของผู้ชายหลายๆคนแล้วก็ผู้หญิงหนึ่งคนที่ฉันมีความสัมพันธ์ด้วย ข้อความที่เต็มไปด้วยความเจ็บปวดและความทุกข์  เหมือนว่าทุกครั้งที่ฉันตกหลุมรักใครคนหนึ่งฉันจะเอาคนๆนั้นใส่กล่องของคำว่า “เนื้อคู่” และฉันก็เหมือนถูกขยี้เมื่อความสัมพันธ์มันไม่เป็นไปอย่างที่ฉันหวัง

ฉันอ่านถึง ผู้ชาย 2 คน ที่ฉันตกหลุมรักตอนที่ทำงานอยู่ในกองถ่ายหนัง ตอนนั้นฉันมั่นใจว่าทั้งคู่เป็นเนื้อคู่ของฉัน ความเชื่อได้ตัวกระตุ้นมาจากความเสน่ห์ความดึงดูดทางเพศที่ทำให้ฉันมั่นใจว่าฉันกำลังมีความรัก และก้คเนพบหลังจากถ่ายหนังจบ,ความสัมพันธ์ก็สิ้นสุดลงเช่นกัน และฉันยังได้อ่านถึงผู้ชายที่ขอฉันแต่งงานทางโทรศัพท์เมื่อสี่ปีก่อน , ก่อนที่เราจะจูบกันซะอีก  สามเดือนหลังจากนั้นเราทะเลาะกันในครัวปาสเต็กใส่กันด้วยความโกรธ

ขณะที่ฉันนั่งดูรูปต่อไป ฉันก็เจอรุปขาวดำของฉันกับเพื่อนรักคนหนึ่ง ถ่ายที่นิวยอร์กคืนก่อนวันปีใหม่  เราสองคนดูมีความสุข,ฉันยิ้มอย่างช่วยไม่ได้.  ฉันจำได้ว่าเราพบกันอย่างไรเมื่อ 2 ปีก่อน เธอนั่งอยู่ที่บาร์ใส่หมวกเฟดอรา และพูดด้วยสำเนียงซิมบับเวย์

เราสามารถต่อกันติดทันที แต่ฉันไม่ได้คิดว่ามันเป็นเชิงรักใคร่หรือความรู้สึกทางเพศ  เธอเป็นหนึ่งในคนที่ สวยที่สุด, มีเสน่ห์, มหัศจรรย์ และก็ตลก ที่ฉันเคยพบ  แต่ฉันไม่ได้นึกอะไรจนกระทั่งฉันมานั่งหาส่วนสำคัญในชีวิตที่สวน ว่าเราสองคนอาจจะเป็นไปได้ที่จะเลือกมารักกันอย่างคู่รัก

อะรำให้ฉันรอมาตั้งหลายปี เธอเป็นคนที่ฉันชอบที่จะอยู่ด้วยมากที่สุด คนที่เป็นตัวฉันเองมากที่สุดเวลาอยู่ด้วย

เมื่อฉันได้เจอเธอที่นิวยอร์กอีกครั้ง ฉันเล่าถึงความรู้สึกที่สับสนให้เธอฟัง เราจึงเริ่อมต้นคุยอย่างยาวนาน มีทั้งความเจ็บปวด ความยอดเยี่ยมระหว่างที่เราทั้งคู่พยายามทำความเข้าใจว่าความสัมพันธ์ของเราสมควรจะเป็นอย่างไรต่อไป

อย่างแรก ความสัมพันธ์จะมีผลกระทบต่อลูกชายฉันอย่างไร แจ๊กสันนับถือแคลร์ รักเธอ และเขาไม่เคยเจอผู้ชายที่ฉันมีความสัมพันธ์ด้วยเลย ทั้งยังไม่รู้ว่าฉันเคยมีความสัมพันธ์กับผู้หญิงเช่นกัน
อย่างที่สอง ความสัมพันธ์จะมีผลกระทบกับหน้าที่การงานของฉันอย่างไร  ฉันไม่เคยที่จะจำกัดว่าฉันเป็นอย่างไรจากการที่ว่าฉันนอนกับใคร แต่ฉันรู้ว่าคนอื่นทำ

เป็นเรื่องยากสำหรับฉันที่จะจำกัดความของคำว่า ดู่ชีวิต   5 ปีที่ฉันจำกัดความคำว่า “คู่ชีวิต” (partner) หมายถึงเพื่อน จอห์น คอลลี่ย์ ในวัย 70หว่า คนที่ฉันคุยด้วยประจำ เขาเป้นคนที่ช่วยให้ฉันผ่านเวลาที่ยากเย็นตอนที่ความสัมพันธ์ของฉันจบสิ้นลงทุกครั้ง เพราะเราทั้งคู่มีความรักที่บริสุทธิ์ไม่มีเซ็กชวลเข้ามาเกี่ยว แล้วนั่นทำให้เราสองคนเป็นคู่ชีวิตน้อยลงไหม

และฉันก็ไม่เคยที่จะเข้าใจความแตกต่างของ คู่ชีวิต “ระยะแรก/ขั้นแรก” (primary partner)  หรือนั่นแสดงว่าเรามี คู่ชีวิต ระยะที่สอง, ระยะที่สาม ด้วยหรือ? คู่ชีวิตระยะแรกสามารถหมายถึง พี่สาวไม่ก็เพื่อนสนิทได้ไหม หรือจะหมายถึงแค่ใครคนหนึ่งที่ฉันมีเซ็กส์ด้วย   ฉันมีเพื่อน 2 คน ที่เป็นพี่น้องกันอยุ่ด้วยกันมา 15 ปี เลี้ยงลูกสาวด้วยกัน แต่พวกเขาไม่ใช่คู่ชีวิตกันเพราะเขาไม่มีเซ็กส์กันเหรอ? นั่นทำให้เขาทั้งคู่เป็นคู่ชีวิตกันน้อยลง?

ความรู้สึกฉันต่อแคลร์มันไม่เหมือนกับผีเสื้อบินอยู่ในท้อง ความรักที่ต้องเป็นทุกข์เพราะต้องการครอบครองอย่างที่ฉันเคยรุ้สึกเมื่อก่อน มันเป็นความรักที่ลึกซึ้งมากกว่านั้น เมื่อฉันอยู่ใกล้เธอมากขึ้นความรู้สึกของฉันต่อเธอก็เพิ่มขึ้น   หลังจากนั้น 2-3 เดือน ฉันตัดสินใจที่จะบอกความจริงของความสัมพันธ์ของฉันกับแคลร์ต่อครอบครัวอิตาเลี่ยน-โปลิชของฉัน  ครอบครัวชาวฟิลาเดเฟียที่เป็นอนุรักษ์นิยม

พ่อของฉันมีปฏิกริยาแค่พ่นควันซิกก้าออกมา ตอนที่เรานั่งอยู่บนห้องหลังคาของคาสิโนแห่งหนึ่งในแอตแลนติกซิตี้ “เธอเป็นคนดี, เป็นเรื่องที่ดีสำหรับลูก” พ่อบอก  แม่กับคนอื่นในครอบครัวก็มีคำตอบเหมือนพ่อ  จริงแล้วพวกเขาอาจจะไม่เป็นพวกอนุรักษ์นิยมเท่าไร

ความรู้สึกของฉันเกี่ยวกับ คำว่าความผูกพันและหุ้นส่วนชีวิต คือจะต้องเปลี่ยนแปลงได้และมีการพัฒนาเรื่อยๆ   แดนพ่อของแจ๊ก แดนจะเป็นคู่ชีวิตตลอดไปเพราะเรามีแจ็กที่ต้องดูแล แดนเป็นพ่อที่ดีที่สุดและเป็นผู้ชายที่ยอดเยี่ยมคนหนึ่งที่ฉันรู้จัก แค่เพียงเราสองคนไม่มีเซ็กส์ไม่ได้ความว่าความเป็นคู่ชีวิตของเราจะลดน้อยลง เราต่างมีความเชื่อหลักที่เหมือนกันรวมถึงให้ความสำคัญกับลูกชายของเราก่อน   แฟนเก่าอีกคนที่เลิกกันมาไม่นาน ไบรอัน ก็ยังคงเป็นคู่ชีวิตเพราะเรามีส่วนร่วมกันในกิจกรรมต่างๆ และแคลร์ก็จะเป็นคู่ชีวิตฉันตลอดไปเพราะเธอเป็นเพื่อนรักของฉัน

ฤดูร้อนที่ผ่านมา ฉันป่วยหนักมาก ณ จุดหนึ่งมันเหมือนฉันจะไม่รอด แต่ก็มีคนมาอยู่ข้างเตียงโรงพยาบาลของฉันทุกวัน ทุกคนต่างก็เป็นคู่ชีวิตของฉัน: แม่, แจ๊กสัน, แดน, น้องชายฉันคริส แล้วก็แคลร์
แคลร์แทบจะไม่ห่างเตียงฉันเลย โทรหาหมอทุกคนทั้งยังหาลู่ทางทุกทางที่เธอมีให้ช่วยหาว่าฉันป่วยเป็นอะไร  แล้วก็แดนคนที่พาลูกชายมาหาฉันทุกวันเป็นคนที่ทำให้แจ๊กสันรู้สึกปลอดภัยในยามวิกฤต  เวลาที่ฉันลุกไม่ขึ้นก็มีอ้อมแขนของคริสที่โอบอุ้มฉันไว้   มีมือของแม่คอยลูบหัวของฉันเป็นชั่วโมงๆ ณ เวลานั้น  และแจ๊กสันคอนเดินข้างฉันพร้อมที่เข็นสายน้ำเกลือ ทำให้ฉันยังหายใจอยู่

กลับมาที่คำถามของแจ๊กสัน ฉันนั่งอยู่ที่ขอบเตียงของลูก: แม่มีความสัมพันธ์กับใครหรือเปล่าตอนนี้?

ฉันหายใจเข้า และในที่สุดพูดออกไป : แคลร์

ลูกมองมาที่ฉันเหมือนชั่วกัลป์แล้วเขาก็ยิ้มกว้างๆอันอบอุ่นออกมา  “แม่ รักก็คือรัก ไม่ว่าจะเป็นอย่างไรก็ตาม”  เขาตอบมาด้วยสติปัญญาอันแหลมคมที่เกินกว่าอายุจริงของเขา (ใช่เขาเข้าเรียนโรงเรียนแนวใหม่ ในลอสแองเจอลิส)

ฉันรักเขาที่สุดที่เขาพูดออกมา “แต่แจ๊ก แม่ค่อนข้างกังวลนิดๆนะ”   ฉันบอก “ตอนที่แม่ยังเด็กสังคมตัดสิน ถ้าเรามีความรักกับคนเพศเดียวกัน และตอนนี้ก็ยังมีคนคิดแบบนั้นอยู่  แม่ยังไม่รู้ว่าจะจัดการยังไงแต่เราจะช่วยกันหาทางจัดการไปด้วยกันนะ”

ในที่สุดเราก็ช่วยกันหาทางออกด้วยกัน: แจ๊ก, แคลร์ แดน และฉัน  วันหยุดสุดสัปดาห์ที่ไม่บ่อยนักที่เราไม่ได้นั่งเบียดกันในรถเพื่อไปเกมฟุตบอลของแจ๊กสัน เวลาที่แดนล้อเลียนตอนแคลร์หลงทาง และเธอก็ต้องทำให้มั่นใจว่าเขามี ร่ม, ครีมกันแดด, น้ำ, ถั่ว และก็อย่างอื่นๆที่เราต้องการเวลาเกินวิกฤตการณ์นิวเคลียร์

พวกเราทานข้าวเย็นด้วยกันเกือบทุกคืน ณ ตอนนี้ ตอนที่ฉันเขียนเรียงความฉบับนี้ พวกเรากำลังนั่งตากลมตอนเย็นหลังงานเลี้ยงครบ 50 ปีของแดน ที่แคลร์ , แจ๊กสัน และฉันจัดให้  งานที่มีครอบครัวของแดน, ครอบครัวฉัน และอีกหลายๆคน ที่ฉันคิดว่าเป็นคู่ชีวิตในหลายๆมุมของชีวิตฉัน  เป็นห้องเฉลิมฉลองและความรักที่ไม่มีข้อจำกัด

ส่วนมากพวกเราทั้ง 4 คน หัวเราะด้วยกัน  แจ๊กสันกำลังติดซีรี่ย์ Modern Family  และในทุกๆตอนลูกพยายามคิดว่า แดน เป็น ฟิลหรือเจย์   แคลร์เป็น กลอเรียหรือมิทเชล (เขาไม่มีข้อสงสัยเว่าฉันเป็นตัวละครไหน: แคลร์ Claire)

ฉะนั้นฉันจะคิดว่าฉันเป็น “อะไรก็แล้วแต่” อย่างที่แจ๊กสันบอก ใครก็แล้วแต่ที่ฉันรัก จะรักเขาอย่างไร พวกเขาจะนอนบนเตียงกับฉันหรือไม่  ฉันจะทำการบ้านกับพวกเขาหรือไม่ ฉันมีลูกที่ต้องดูแลร่วมกันกับพวกเขาหรือเปล่า “รักก็คือรัก”  และฉันก็รักครอบครัวสมัยใหม่ของฉัน
บางที ตอนจบครอบครัวสมัยใหม่อาจจะเป็น ครอบครัวที่ซื่อตรงที่สุดก็ได้


ลาไปล่ะค่ะ เดือนนี้จะยุ่งไปจนถึงปลายเดือนเลยค่ะ แค่คิดก็เหนื่อยแล้ว

ปล.แนะนำให้อ่านบล๊อกของ Dorothy Surrenders ด้วยค่ะตั้งแต่เธอยังไม่ came out ว่าทำไมสาวใน afterellen หลายคนชอบเธอ 





Wednesday 23 October 2013

Miscellaneous 41

 ก่อนอื่นคงต้องบอกว่าหายไปนานน่าจะเกือบ 2 เดือนมั้งคะ ขี้เกียจยอมรับตรงๆไม่รู้จะเขียนอะไร ชีวิตก็ routine มากๆ กิจกรรมซ้ำๆ อาจจะไปกรุงเทพบ้าง แต่ส่วนมากก็ใช้ชีวิตในจังหวัด ไม่ค่อยไปไหนเพราะกรุงเทพรถติดเกินไปเดี๋ยวนี้วันอาทิตย์ก็ติด ต้องออกแต่เช้าแถมฝนก็ตก ยิ่งขับรถลำบากค่ะ มาคุยสัพเพเหระกันดีกว่านะคะ เพราะ จขบ ไม่รู้จะเขียนอะไรยาวๆ ฝนเพิ่งเทลงมา จะตกอะไรมากมาย ฝนตกน้ำเยอะก็กลัวน้ำจะท่วม เป็นปัญหาของคนที่มีที่พักอาศัยอยู่ริมแม่น้ำอย่าง จขบ ค่ะ

1.งานมหกรรมหนังสือแห่งชาติ ณ ขณะนี้ คิดว่าคงไม่ได้ไปแต่ก็เอาแน่นอนอะไรไม่ได้ เผลออาจจะต้องไปแบบไม่รู้เนื้อรู้ตัว ถ้าได้ไปคงไปซื้อหนังสือแปล I can’t think straight ของ สนพ.สะพาน ส่วนเล่มอื่นซื้อจาก ebook ได้ แต่ขอบ่นหน่อยเถอะ ไม่ชอบปกหนังสือที่ใช้ภาพจากหนังหรือ ดารานักแสดงเลยค่ะ ชอบปกเรียบๆธรรมดามากกว่า อ้อ แล้วชื่อภาษาไทย  มันไม่ใช่ มันไม่ใช่ แต่ก็จะซื้อนะคะ ถือว่าสนับสนุนให้ สนพ ซื้อลิขสิทธิ์หนังสืออย่างนี้มาแปล ได้แต่เสียดายที่ Bliss ปิดตัวไปไม่งั้นอาจจะได้อ่านหนังสือแปลของ Sara Waters อีก เพราะ Bliss แปล Fingersmith เล่ห์ร้ายหัวใจรัก ปกก็สวย  อ้อบรรดาหนังสือแปลญี่ปุ่นด้วยยังตามไม่จบอีกหลาย
ส่วนหนังสืออื่นๆ จขบ ก็คงไปดู ของ สนพ.ผีเสื้อ ชอบหนังสือจาก สนพ.นี้ค่ะ วันก่อนเปิดไปเจอเห็นมีน่าสนใจหลายเล่มอยู่ แล้วก็คงไปดูพวกหนังสืออ่านนอกเวลาภาษาอังกฤษให้น้องค่ะ เพราะน้องอ่านของ Penguin Book แต่  Se-Ed ไม่เอาเข้ามา ตอนที่เรียนภาษาอังกฤษ จขบ ก็อ่านของเพนกวิ้นนะคะ ความเห็นส่วนตัวชอบมากกว่าของ Oxford ค่ะ

2.Richard Curtis ไม่รู้พอจะคุ้นชื่อนี้กันไหมคะ เขาเป็นผู้กำกับหนัง Love Actually แล้วก็เขียนบทหนังอังกฤษดังๆอย่าง Four Weddings and a Funeral, Bridget Jones’s Diary ทั้งสองภาค และก็ Notting Hill ตอนนี้เขามีหนังใหม่เรื่อง About Time เข้าฉายอยู่ค่ะ น่าสนใจสุดๆแต่ก็คงไม่ได้ดู รอดีวีดี ช่วงนี้มี ดีวีดีรอเก็บหลายแผ่น เริ่มตั้งแต่ คอนเสิร์ต Seven แล้วก็มาคอนเสิร์ต Born to be Ben แล้วก็หนังนอกกระแสอีกหลายๆเรื่อง

3.ฟุตบอล, วอลเลย์บอล และ แบดมินตัน
กีฬาที่ไม่เกี่ยวข้องกันแต่ 2 ชนิดหลังนักกีฬาไทยทำได้ดี เบื่อจังค่ะฟุตบอลไทย ความจริงแฟนๆกีฬาชาวไทยน่าจะปล่อยฟุตบอลไปเลยไม่ต้องไปสนใจ เพราะสมาคมห่วยขั้นสุดขนาดนี้ มาให้กำลังใจ สมาคมที่ทำผลงานได้ดี ดีกว่าค่ะตอนสาวๆทีมวอลเลย์บอลไทยได้แชมป์เอเชียล่าสุด อยากจะบอกว่าทุกคนเชียร์กันสนุกมาก วันนั้นไปทานอาหารร้านปิ้งย่างค่ะ พนักงานเชียร์กันสนุกได้ลุ้นดูแล้วนักกีฬาสู้เต็มที่ไม่ได้ใช้งบประมาณสนับสนุน ซึ่งก็มาจากภาษีประชาชนให้พวกผู้ใหญ่ในสมาคมกินกันอิ่มหมีพีมัน ให้ฟุตบอลเข้าสู่ยุคมืดไป แต่จะว่าไปฟุตบอลมันก็ยุคมืดมาตั้งนานละ มีแต่ไอ้สมาคมฟุตบอลนี่แหละเอาแต่บอกว่าจะไปบอลโลกที่ไม่มีทางจะเป็นไปได้


4.อ่านหนังสืออะไรกันอยู่บ้างคะช่วงนี้ ตอนนี้มี A Game of Thrones แปลเล่ม 1.1 อยู่ในมือค่ะ อ่านไปได้นิดเดียวเอง ถ้าอ่านเรื่องอะไรก็มาแบ่งปันกันบ้างนะคะ เผื่อไปซื้อมาเก็บ 555

5.The Voice Thailand เชียร์น้องแนนค่ะ เธอฮามาก คงไม่ชนะแต่เธอทำให้รายการมีความสนุกจริงๆนะคะ

Wednesday 11 September 2013

Miscellaneous 40

สวัสดีค่ะ เดือนกว่าๆอีกแล้วถึงจะโผล่มา ขอบคุณที่ยังแวะเวียนเข้ามาคุยกันทำให้บล๊อกยังไม่เป็นบล๊อกร้างเสียทีเดียว เดือนที่ผ่านมาก็ยุ่งๆ ป่วยด้วยนิดๆ คิดไม่ออกว่าจะเขียนอะไรแต่รู้ว่าต้องเขียน เลยเปิด word ขึ้นมาพร้อมหวังว่าเมื่อเริ่มลงมือพิมพ์อะไรซักอย่างแล้วสมองจะแล่นไปเอง สรุป ข้อแก้ตัวทั้งนั้นค่ะ แถมยังเล่นเกมไม่ผ่าน สุดแสนจะเซ็งด่านนี้ติดมานานมากๆ

1.ตอนนี้อยู่ในช่วงโรค “คิดไปเอง” ค่ะ
คิดไปเองว่าของแพง ร้านกาแฟร้านโปรดที่พักนี้ไม่ค่อยได้ไป ทำท่าว่าจะขึ้นราคาเห็นมีนโยบายจะเปลี่ยนเมนูใหม่อยู่  เวลาเปลี่ยนเมนูใหม่ร้านไหนๆก็มักจะขึ้นราคา แต่ก็ดีนะหวังว่าพวก Pro รัฐบาลจะได้ตาสว่างเสียที แต่ปัญหาต่อมาคือฝ่ายค้านก็ไม่ได้ดีจริง ตอนนี้เลย suffer โรคคิดไปเองเห็นว่าค่าเครื่องดื่ม Alcohol จ่อขึ้นราคาเพียบ อันนี้กระทบหนัก 555 เวลาไปสังสรร มันต้องมีบ้าง เซ็งเลย

2. 9/11
วันนี้เป็นวันครบรอบ 12 ปี ของเหตุการณ์ 9/11 ยังจำเหตุการณ์ตอนนั้นได้อยู่เลย ตอนแรกไม่ได้ตื่นเต้นเลยด้วยซ้ำ ยังใช้ชีวิตไปเรียนตามปกติ  จนกระทั่งมายืนดูข่าวอย่างจริงจังว่าเรื่องจริงนั้นโหดร้าย ยิ่งสงสารพวกดับเพลิงที่เข้าไปช่วยแล้วตาย คนไม่ได้รู้เรื่องอะไรเขาทำหน้าที่ดำเนินชีวิตไปตามปกติ แต่ต้องมาตายเพราะพวกหัวรุนแรง ที่บอกว่ารักสันติ 

3.นิตยสารดิฉัน
เมื่อ 2 มิสซ้ำซาก กลับมาขึ้นปกอีกครั้ง แหม่ม คัทลียา กับ หมิว ลลิตา มาถ่ายแฟชั่น ทำไมถึงเป็นมิสซ้ำซาก เมื่อก่อน 2 คนนี้ ขึ้นปก ดิฉัน บ่อยมากๆ จึงได้ฉายาว่า มิสซ้ำซาก ค่ะ เป็นฉายาขำขำนะคะ ตอนนี้คนนึงคุรแม่ลูก2 อีกคนลูก3 แต่กาลเวลาทำร้ายทั้ง 2 คน ไม่ได้จริงๆค่ะ (แทรกเป็นวิดีโอไม่ได้อีกแล้ว)

4. The Great British Bake Off UK
หน้าม้ารายการนี้อีกแล้ว ชอบดูรายการทำขนม เคยคิดว่าถ้าอยู่คอนโดคนเดียวอยากทำขนมบ้างแต่ไม่ได้แบบยากๆนะคะ เคยดูรายการ River Cottage เขามีสูตรง่ายๆ น่าลองสุดๆ แต่ปัญหาที่ใหญ่ที่สุดคือ ขี้เกียจล้าง ซื้อเขาเอาง่ายกว่า มั่นใจว่าอร่อยแน่ๆค่ะ

5.The Voice Thailand
รายการเพลงกลับมาอีกแล้วค่ะ ช่วงนี้เป็นช่วงที่สนุกที่สุด ที่ร้องแบบไม่เห็นหน้า แถมพี่ก้อง ขำมากซีซั่นนี้ ดูที่ตัดคลิปฮาฮามานะคะ ยังไม่มีโอกาสได้ดูทั้งหมด


ช่วงนี้กลับมาอ่านนิยายแต่ไม่ค่อยมีอะไรอ่านเลยค่ะ มีเรื่องอะไรแนะนำบ้างไหมคะ หมายถึงนิยาย yuri online นะคะ รู้สึกว่าพักนี้นิยายน้อยๆยังไงไม่รู้ 

Friday 2 August 2013

Miscellaneous 39

เดือนใหม่อีกแล้วค่ะ เวลาติดปีกบินจริงๆ อากาศแย่ทำให้ จขบ ไม่สบายเป็นหวัด เจ็บคอ ไอ มีน้ำมูก แต่ตอนนี้ดีขึ้นแล้วค่ะ หนีไปกิน Bar B Q Plaza แบบ Refill  มาคนเดียว พอดีเมื่อวานไปงานรับปริญญาเพื่อนรักที่สุดที่ธรรมศาสตร์มา กลัวรถติดสุดๆ ติดรถเขาไปลงแถวๆเมเจอร์ปิ่นเกล้า นั่งแท๊กซี่ไปท่าเรือปิ่นเกล้า ที่ไม่รู้จัก ดีที่แท๊กซี่บอกว่าตรงนี้เป็นท่าเรือด่วน ตรงนี้เป็นท่าเรือข้ามฝากไม่งั้นต้องโง่แน่ๆเลยค่ะ แล้วก็เดินๆไปธรรมศาสตร์ ขากลับก็กลับเหมือนเดิมแต่นั่งรถตู้กลับบ้านแทนไม่มีคนมารับ ในหลวงเสด็จวังไกลกังวล เลยรอให้ขบวนท่านไปก่อน จขบ จึงไปจัดการ บาร์บีก้อน ที่ไม่ได้กินมานานมากละ คนไม่เยอะเลย เดี๋ยวนี้มีร้านอาหารใหม่ๆที่เซ็นทรัลเยอะๆแยะ ละลานตา เมื่อก่อนเซ็นปิ่นนี่ถิ่นเลย แต่เดี๋ยวนี้เดินไม่ค่อยถูก เห็นเด็กๆในชุดนักเรียนแล้วคิดถึง เวลามาเดินกับเพื่อนๆ เมื่อก่อนทุกคนต้องถือกระเป๋านักเรียนห้ามใช้เป้/กระเป๋าโรงเรียนอย่างเดียว  แต่ตอนนี้กระเป๋าโรงเรียนมีหลายแบบขึ้น ดูดีขึ้นเยอะ ไม่มีแล้วที่จะต้องถือกระเป๋า จาค๊อบ หนีบด้วยตัวหนีบสีดำทำให้กระเป๋านักเรียนบางๆ

จขบ บ่น อะไรเนี้ย แก่จังพูดถึงเรื่องเก่าๆ

1.Germany เป็นแชมป์ฟุตบอลยุโรปหญิง เราอุตส่าห์เชียร์ทีม Norway สาว Norge สวยกว่าอะนะ ตอนที่สาวนอร์เวย์ได้จุดโทษแรกแล้วยิงไม่เข้า จขบ ไม่ได้ดู แต่บุกยังไงก็ยิงไม่ได้ พอครึ่งหลังเยอรมันเปลี่ยนตัวแป๊ปเดียวขึ้นนำ สาวนอร์เวย์ก็ได้จุดโทษอีกก็ยิงไม่เข้าอีก เซ็งเลย จขบ เลิกดู เศร้าแทน ได้จุดโทษสองครั้งโกล์เยอรมันเซฟได้ทั้ง 2 ลูก เฮ้อ แต่น้องคนที่ลากเข้าไปทำให้ได้จุดโทษอะ น่ารักมาก เผื่อมีผู้ใดสนใจเลี้ยงดูน้องเขาเพราะอายุแค่ 18 เอง ชื่อ “Caroline Graham Hansen



2. “Wish Us Luck
จำไม่ได้ (แก่แล้ว) ว่าเคยพูดถึงหนังเรื่องนี้หรือเปล่า เรื่องนี้เป็นหนัง Project จบปริญญาโท ของสองสาวฝาแฝด เป็นการเดินทางโดยรถไฟจากอังกฤษมาไทย หนังเรื่องนี้โคตรอินดี้ฉายแต่ที่ House แต่ก็ยืนฉายได้นานพอตัว ทำหนังสือออกขาย ได้ตีพิมพ์หนที่สองแล้วด้วย แต่ที่จะบอกคือ ตอนนี้สองสาวเขาทำดีวีดีออกมาจำหน่ายแล้วนะคะ ถ้าสนใจไปอุดหนุนกันเถอะ จขบ สั่งไปแล้ว หน้าม้าให้สองสาวบอกตรงๆไม่ได้รู้จักเป็นการส่วนตัวนะคะ หนังสือก็ซื้อ 2 เล่ม ไม่ใช่อะไร คือทำเล่มแรกที่ซื้อมาหาย 555


3.คอนเสิร์ต I Am What I Amp ที่เราไม่ได้ไปดูแล้วเพิ่งมีโอกาสไปซื้อแผ่นมาโคตรคุ้ม 125 บาทเอง ได้ดูเพลงหลายๆเพลง แถมมีนิโคล,นัท,ตอง มาร้องเพลง รักคือฝันไป ด้วย จขบ เคยบอกหรือเปล่าเมื่อก่อนสมันนิโคลออกอัลบัมแรก จขบ นี่แฟนพันธ์แท้ เธอเลยนะ


4.รายการวัฒนธรรมชุบแป้งทอด ไม่ทราบว่าเคยดูกันไหมทางช่อง ThaiPBS จขบ เป็นหน้าม้าช่องนี้ รายการน่าสนใจ ถึง จขบ จะไม่ค่อยชอบพิธีกรเท่าไร แต่รายการโอเคค่ะ ยิ่งตอนล่าสุดเป็นเรื่องเกี่ยวกับความรักระหว่างเพศเดียวกัน รายการทำออกมาได้น่าสนใจและน่าติดตามดี แล้วจะมีตอนสอง อาทิตย์หน้านะคะ เผื่อใครสนใจ ก็วันพุธที่ 7 สิงหาคม 2556 นะคะ
ปล.แต่ จขกท อยากให้ไปสัมภาษณ์แบบคู่ที่เป็นเลสมากกว่า เพราะคนไทยส่วนมากนึกว่าหญิงรักหญิงจะเป็นทอมดี้



ลากันไปแบบง่ายๆแบบนี้ล่ะค่ะ

Monday 8 July 2013

Miscellaneous 38

มีคนมาทวงก็ถึงคราวต้องอัพบล๊อกแล้วล่ะค่ะ จริงๆว่าจะอัพตั้งแต่เมื่อวาน แต่โดนเรียกนู่นเรียกนี่ตลอดเลย แถมไม่รู้จะเขียนอะไรอีกต่างหาก ช่วงนี้วุ่นๆเป็นสารถี ขนาดจะไป Shopping ยังม่เสียงบอกมาว่ามีธุระด่วนให้รีบกลับพอมาถึงออฟฟิศ ได้ความว่าไม่ต้องแล้วลืมบอก โธ่ Supermarket  ที่ Paragon อาหารญี่ปุ่น ราเมงที่สยาม เซ็งไปตามๆกันค่ะ บ่นพอละ 555

ตอนนี้ยังติดเกมอยู่เหมือนเดิม ติดอยู่ที่ Level 305 อ้อ ช่วงนี้ไข้เลือดออกระบาดหนักระวังกันด้วยนะคะ นี่เด็กที่บ้านก็ไปนอนโรงพยาบาลมาอาทิตย์กว่าแล้ว ส่วนโรคมือเท่าปากคงไม่ต้องเตือนเพราะคนอ่านบล๊อกนี้อายุเลยวัยกันหมดแล้ว ;)

1.ปีนี้ผลโหวตสาวฮอตของ Afterellen ออกมาแล้วนะคะ จขบ ก็ลืมๆไปไม่ได้โหวตด้วยซ้ำ แถมพอไปอ่านก็มีสาวๆที่ไม่รู้จักเพียบอยู่ สาวที่ได้อันดับ1st นี่เมนสตรีมสุดๆคือ “Jennifer Lawrence” เราอยากดูเธอใน Silver Linings Playbook ว่าจะไปหามาดูอยู่ค่ะ ส่วนคนอื่นๆก็ไปดูได้ที่ Afterellen เลยนะคะ

2. UEFA Women's Euro 2013: Sweden การแข่งขันฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรปหญิง ไม่แน่ใจแต่รู้สึกจะมีถ่ายทอดทางฟรีทีวี มีสาวๆน่าตาดีๆวิ่งให้ดู เจริญหูเจริญตา เลือกไม่ถูกว่าจะเชียร์ใคร ทั้งสาวสแกนดิเนเวีย ทั้งสาวเยอรมัน แต่เต็งก็น่าจะเป็นฝรั่งเศสกับเยอรมัน เริ่มแข่งวันที่ 10 นี้นะคะ

เขาให้นักพากย์หญิงด้วยนะคะ ไม่รู้จะเวิร์กไหม แต่ บุ๋ม ปนัดดา วงศ์ผู้ดี เขาจะจับฉ่ายไปไหม อาจจะอคติเล็กๆคิดว่า GMM กะสร้างกระแสแบบนักพากย์หน้าตาดี
ดูคลิปแล้ว ชอบเสียงอย่างคุณลดารัตน์ค่ะ ดูเนิบๆฟังสบายๆคล้ายคุณเอกราช แต่เราว่าเธอคล้ายเสียงคุณโมนาลิซ่า คอลัมนิสของสยามกีฬา อยู่เหมือนกัน เคยเปิดไปเจอเพราะเคเบิ้ลที่บ้านมีสยามกีฬาทีวี

ใส่วิดีโอไม่ได้ อยากดูต้องกดไปดูเองนะคะ

3.พี่มากพระโขนง ออกเป็น DVDs แล้วว่าจะไปซื้อมาดูอยู่ค่ะ คงได้ดูกันทุกคนแล้ว

4.ตอนนี้อะไรก็ไม่ฮิตเท่าข่าวผู้ชายโกนหัวห่มผ้าเหลืองแต่งคอสเพลย์เป็นพระ ฉะนั้นเราจะไม่พูด เพียงแต่จะบอกว่านี่เป็นเหตุผลหนึ่งที่ จขบ ไม่ชอบทำบุญกับพระ วัด อีกอย่างวัดสกปรกอะไม่ชอบ ไปทำบุญกับเด็กๆดีกว่า แล้วอยากศึกษาก็อ่านเอาก็ได้ คำสอนดีๆ อย่างของท่านพุทธทาส หรือหลวงปู่เจี๊ยะ เพราะขนาดพระดีๆยังเยอะได้เลย


5. Dates:Erica&Kate เคยดูซีรี่ย์ไม่กี่ตอนจบตอนนี้กันไหมคะ ตอนแรกว่าจะเอาลิ้งมาโพสแต่โดนลบไปละ ดีนะ จขบ ยังทันดู จะคล้ายเรื่อง True Love ที่เคยเอามาให้ดูกันค่ะเพียงแต่ location อยู่ London แล้วเราดูพบว่าเรื่องมันดูไม่ค่อยสมจริงยังไงไม่รู้ ถ้าเคยดูคุยกันได้นะคะ เราว่าสาวคนที่แสดงเป็น Kate หน้าตาและวิธีการพูดคล้ายๆ Keira Khightley อยู่เหมือนกัน ถ้าเป็นสาวกซีรี่ย์เรื่อง Merlin คงได้หลงหลักเธอมาแล้ว

6. อยากดู คอนเสิร์ต Seven มากๆ Ronan ก็มา แต่ไม่มีเพื่อนไปดูช่วงนี้เพื่อนๆมีทั้งเรียนต่อ ทำงาน และมีลูก หาคนไปด้วยยากมากๆ

Sunday 2 June 2013

Miscellaneous 37

และแล้วในที่สุดก็ได้ฤกษ์มาเขียนบล๊อกซะที เดือนใหม่บล๊อกใหม่ แต่ก็อย่างว่าไม่มีอะไรเขียนเลยค่ะ ขี้เกียจตัวเป็นขนเลย มาอัพเดทชีวิตเล็กน้อย ว่ายังติดเกมอยู่ค่ะ แต่ไม่บ้าพยายามเล่นเหมือนเมื่อก่อนละ ตอนนี้เล่นไปเรื่อยๆ สนุกดีนะคะไม่รู้ว่าเล่นกันบ้างหรือเปล่า ตอนแรกจะเล่นแบบเครียดๆไม่ผ่านซะที ตอนนี้ช่างมัน

1.Blue Is the Warmest Colour /"Le Bleu est une couleur chaude"
หนังเลสเบี้ยนฝรั่งเศสที่คว้ารางวัล  Palme d'Or จากงานเทศกาลหนังเมืองคานส์ หนังเรื่องนี้ทำมาจากหนังสือการ์ตูน (จริงๆแล้วมันก็ไม่ใช่หนังสือการ์ตูนเสียทีเดียว เขาเรียกว่า Graphic Novel นิยายกราฟฟิค ได้ไหมอะ) เป็นเรื่องของอะเดลสาววัย 15 ที่ฝันว่าจะเจอคู่แท้ แล้วเธอก็เจอ โตมา (โทมัสในภาษาอังกฤษ) ที่ตกหลุมรักเธอทันที แต่แล้วเรื่องความรักก็ไม่เป็นดั่งความหวังกับโตมา อะเดลก็จินตนาการถึงสาวผมน้ำเงินที่เธอเจอบนถนน สอดตัวในเตียงของเธอและให้ความสุขต่อเธออย่างหาที่สุดไม่ได้ ในที่สุดอะเดลต้องยอมรับว่าเธอชอบผู้หญิง สาวผมน้ำเงินปรากฏตัวขึ้นอีกครั้งเข้ามาหาเธอ แล้วความรักที่ดูดดื่มและวุ่นวายก็ได้เริ่มต้นขึ้น
แค่อ่านเรื่องย่อก็น่าดูมากๆแล้วค่ะ แถมสองสาวก็สวยน่ารักมีสเน่ห์แบบสาวฝรั่งเศส กลัวแต่ว่าพอหนังเข้าโรงจะตัดฉากที่ร้อนแรงออก ไม่เป็นไรเรามีทางเลือกจะให้เพื่อนซื้อแผ่นมาให้จากฝรั่งเศสบอกว่าเอาแบบ UNCUT ถ้ามีโอกาสได้ดูเมื่อไหร่จะเอามาเล่าให้ฟังนะคะ

2.มีคนบอกว่าเราเหมือนแมวตัวนี้ เอามาให้ดูเผื่อทุกท่านจะจินตนาการหน้า จขบ นะคะ


3.วันก่อนเห็นน้องออม สุชาร์ ถ่ายแฟชั่นลงนิตยสารออกแนวเซ็กซี่ ดูแล้วได้แต่อยากจะบอกน้องว่ามันไม่ใช่อะน้องออม ภาพดูรู้ว่า Photoshop ไปเยอะแต่สมัยนี้เขาก็ทำกันทั้งนั้น คิดถึงนิตยสารเมื่อสักเกือบ 20 ปีก่อน ที่ Photoshop น้อยมาก ใครสวยใครหุ่นดีเห็นกันจะๆเลยค่ะ ทั้งคาร่า, อุ๋ม อาภาศิริ, นาตาชา คอฟแมน, นาตาชา เปลี่ยนวิถี ขาเรียวยาว แต่น้องออมถ่ายเจาะแต่หน้าก็โอเคนะคะ ถ่ายทั้งตัวยังไงมันก็ไม่ใช่


ลากันไปแล้วนะคะ จะไปเล่นเกมต่อ แล้วเย็นนี้มีไปทำธุระที่กรุงเทพ ขอบ่นหน่อย วัดประยูรวงศาวาส หาทางเข้ายากมาก 

Monday 6 May 2013

Forrest Gump



Forrest Gump

จริงๆวันนี้ตั้งใจจะเขียนบล๊อกค่ะ แต่ไม่มีอะไรจะเขียนอะไร ช่วงนี้มันตันไม่รู้จะเขียนอะไร แต่ในที่สุดก็มีเรื่องมาเขียนจนได้ค่ะ ต้องของคุณ ThaiPBS ที่เอาหนังดีๆมาฉายตอนวันหยุดชดเชย จำได้ว่าได้ดู Forrest Gump ในโรงหนัง และมีโอกาสได้ดูอีกหลายครั้ง ทั้งวิดีโอและดีวีดีที่ไหนบ้างจำไม่ได้แน่นอน แต่ทุกครั้งที่ได้ดูรู้สึกว่าหนังเรื่องนี้ทำให้รู้สึกดี ชอบความจริงใจของ Forrest และทำให้นึกว่าทุกๆครั้งที่ได้ดูหนังเรื่องนี้อารมณ์ความชอบมันเปลี่ยนไปตามช่วงเวลา อายุ และอารมณ์ในขณะนั้น เราจำได้ว่า เปิ้ล นาคร บอกว่าหนังสือโปรดของเขาคือ เจ้าชายน้อย”  เพราะทุกครั้งที่ได้อ่านความคิดเขาก็จะเปลี่ยนไปตามอายุประสบการณ์ชีวิต แต่แปลกนะเราได้อ่านเรื่อง เจ้าชายน้อยแต่เราไม่ได้รู้สึกว่าเราได้อะไรมากนอกจากตอนเริ่มแรกที่คนเรามองกันคนละมุมมอง เด็กน้อยมองว่าตัวเองวาดรูปงูเขมือบช้างแต่ผู้ใหญ่ช่างไม่มีจินตนาการมองเห็นเป็นหมวก ไม่ได้บอกหนังสือ เจ้าชายน้อยไม่ดีนะคะ เราก็ชอบในระดับหนึ่ง แต่ไม่ได้ค้นพบปรัชญาอะไรที่ลึกซึ้งถึงต้องยกขึ้นหึ้งเป็นหนังสือในดวงใจ เราว่า นิทานเวตาลสนุกกว่า ฉะนั้นไปอ่านนิทานเวตาลกันเถอะค่ะ  อ้อ เราเคยคิดว่าเราอาจจะหัวไม่วิชาการ ครีเอต ลึกซึ้ง ฯลฯ พอ ทำให้เราไม่หลงไหลกับ เจ้าชายน้อยแต่เพื่อนสนิทเราซึ่งเขาเป็นพวก Nerd มันก็คิดเหมือนเรา แสดงว่าเราไม่ได้แปลกไปคนเดียวนะคะ ฮาฮาฮา หาแนวร่วม

เกริ่นเรื่องอื่นมาซะนานเลย มาพูดถึง Forrest Gump กันบ้างดีกว่า หนังเปิดมาด้วยประโยคที่แม่บอก Forrest ตลอด ว่า “Mama always said life was like a box of chocolates. You never know what you're gonna get.” *หลายคนจะคิดถึง ประโยคคลาสสิคนี้เกิดจากหนังเรื่องนี้แต่จริงๆแล้วหลายคนคาดว่าคนเขียนบทน่าจะเอามาจากหนังสือ version ภาษาอังกฤษ เรื่อง  Norwegian Wood ของ Haruki Murakami.
แต่เราก็ไม่สามารถทราบได้นะคะว่าจริงหรือไม่ (นอกเรื่องอีกนิด หนังสือของมูราคามิ เป็นอีกคนที่ จขบ อ่านแล้วไม่ได้อะไร ไม่ได้ไม่ชอบแต่งง ถึงจะเท่ดีเวลาถือมูราคามิในมือ หุหุ)

เราจะไม่พูดถึงตัวหนัง Plot เรื่องกันนะคะ แต่เราจะบอกว่าเราได้อะไรจากหนังจากการคิดง่ายๆของ จขบ ไม่ต้องคิดหลายชั้นซับซ้อนเพราะคิดไม่เป็น

·       รู้ว่าผู้ให้กำเนิดในเรื่องนี้ก็คือแม่ทำทุกอย่างได้ให้กับลูก (แม้จะไม่ทุกคนก็ตาม) ในเรื่องแม่ยอมมีเพศสัมพันธ์กับครูใหญ่โรงเรียนเพื่อให้เขารับลูกชายเข้าเรียนโรงเรียนที่ดีที่สุดในย่าน แล้วก็ทำให้มามองว่าทำไมผู้ปกครองยอมเสียค่าบำรุงโรงเรียนมหาศาลเพื่อให้ลูกได้เข้าเรียนโรงเรียนที่ดี มีชื่อเสียง
·       ความรักอันแน่วแน่ของ Forrest ต่อ Jenny เขารักจนในที่สุดก็ได้แต่งงานกันแม้จะเป็นช่วงเวลาสั้นๆ ช่วงที่เธอป่วยก็ตาม เขารัก Jenny แต่เด็ก เขาดูแลเธอ ในที่สุดเขาก็ได้แต่งงานกับคนที่เขารัก มีลูกเป็นตัวแทนของเธอไว้ให้เขาดูแล
·       Forrest ทำอะไรตั้งใจทำก็จะประสบความสำเร็จ ตั้งแต่วิ่ง วิ่งจนได้ทุนเรียนมหาวิทยาลัย ตีปิงปองจนเก่ง ไปออกเรือหากุ้งจนเป็นมหาเศรษฐี
·       Forrest รักษาคำมั่นที่เขาให้ไว้กับเพื่อน จขบ เชื่อว่าบนโลกใบนี้ทุกคนมีเพื่อนอย่าง Forrest แค่หนึ่งคนก็เพียงพอแล้ว

จบแล้วค่ะ เพราะเขียนมายาวแล้ว ฮาฮาฮา จริงๆ จขบ จะออกไปทำธุระข้างนอกนิดหน่อยเลยจบไปอย่างนี้   



ปล.ตอนนี้ จขบ ติดเกม Candy Crush Saga ค่ะ แต่ติดที่ Level 165 มา 2 วันละเซ็ง ถ้ายังติดอยู่ก็จะเลิกเล่นละ ขอเวลาไปเล่นเกมต่อละนะคะ