Thursday 28 June 2012

หัดเขียน 11


วันนี้เพิ่งได้มีโอกาสเงยหัวขึ้นมาจากกองเอกสาร หลังจากเมื่อเช้ามาตอบคอมเม้นไป ช่วงระหว่างรอก็เอานิยายมาให้อ่านค่ะ ตอนนี้เกิดอาการเขียนไม่ออก แต่จะพยายามเขียนทีละนิดๆทุกคืนค่ะ  วันนี้ดีใจที่รถเสร็จแล้ว รถไม่เป็นอะไรมากเท่าไหร่ เพียงแต่ช่างบอกว่าให้เปลี่ยนยางทั้งสี่เส้น  คาดว่าค่าซ่อม+ค่ายางครั้งนี้น่าจะสักประมาณสองหมื่นกว่า แต่ไม่รู้กว่าเท่าไหร่ต้องรอน้องชายไปเปลี่ยนยางให้ก่อนค่ะ (ยิ้มทั้งน้ำตา)  รอข้าวด้วยค่ะวันนี้มีเมนูที่คนทำนำเสนอคือข้าวผัดน้ำพริกเผา อร่อยไม่อร่อยเดี๋ยวรู้กัน

บทที่ ๑๐      

“ณีนคะ วันนี้ไปกินข้าวเย็นกับบูรณ์พี่ชายเบญจ์กันนะคะ”

“ไม่ได้หรอกค่ะ วันนี้ณีนมีงานเลี้ยงคืนสู่เหย้าที่โรงเรียนค่ะ”

“อ้าวไม่เห็นบอกเบญจ์เลย”  เบญจ์เริ่มมีอาการงอน เพราะเธอรู้สึกว่าณีนนาราจะไม่ให้ความสำคัญกับเธอบ้างเลย เธอไม่ได้ต้องการจะไปด้วยเพียงแต่แค่คำบอกกล่าวเล็กๆน้อยๆเท่านั้น

“ณีนนึกว่าบอกไปแล้วค่ะ เดี๋ยวปูรณ์มารับณีนค่ะ ไม่ต้องเป็นห่วงกลับถึงห้องแล้วจะโทรบอกนะคะ”  ณีนนาราเริ่มรู้สึกว่าเธอเอาใจใส่ในรายละเอียดระหว่างเธอกับเบญจ์น้อยไป อาจจะเป็นเพราะเธอเคยชินกับการใช้ชีวิตคนเดียวมากกว่า

ที่งานคืนสู่เหย้าณีนนาราได้เจอเพื่อนๆสมัยเรียนที่เคยสนิทสนมด้วยหลายคน จึงกลับคอนโดค่อนข้างดึก เธอจึงตัดสินใจไม่โทรไปรบกวนเบญจ์  แค่ส่งข้อความไปบอกว่าถึงคอนโดแล้วกำลังจะเตรียมตัวเข้านอน เหตุการณ์ดังกล่าวยิ่งเพิ่มความน้อยใจให้กับเบญจ์ว่าเธอแค่ขอให้โทรมา แต่ณีนนาราเลือกเพียงแค่ส่งข้อความ  และเหตุการณ์ยิ่งแย่ลงไปอีกเมื่อเบญจ์ได้อ่านหนังสือพิมพ์เจอข่าวสังคมตอนกินอาหารเช้า  “ สาวเท่ ตะวัน  พัฒนาดร โชว์สวีทกับสาวในงานคืนสู่เหย้าโรงเรียนดัง หรือสาวคนนี้จะเป็นตัวจริงของคุณตะวัน ทายาทร้านเพชรชื่อดัง”  พร้อมมีรูปสาวเท่หอมแก้มผู้หญิงที่เบญจ์คุ้นหน้าเป็นอย่างมาก เพราะผู้หญิงคนนั้นคือ ณีนนารา นั้นเอง

เบญจ์รู้สึกเหมือนกับว่าเธอจะได้คำตอบทางอ้อมจากณีนนาราแล้วว่าความสัมพันธ์ระหว่างทั้งสองคงไม่คืบหน้าอะไร หรือว่าเธอต้องถอยเสียแล้วเพราะณีนนาราไม่เคยบอกอะไรกับเบญจ์เลย ว่าคิดอย่างไรกับเธอกันแน่ คิดจะคบหาดูใจกันอย่างจริงจังหรือไม่ เบญจ์เดินทางไปที่สำนักงานตามปกติ  งานแปลของเธอใกล้จะถึงบทสุดท้ายแล้วหรือว่าเธอควรที่จะเริ่มต้นหางานใหม่ที่นอร์เวย์ได้แล้ว เรื่องนี้ยังเป็นสิ่งที่เบญจ์ครุ่นคิดไปทำงานอย่างไม่ค่อยมีสมาธิไป

“เบญจ์คะ เหม่อคิดถึงใครคะนี่ ณีนเปิดประตูเข้ามายังไม่รู้สึกตัวเลย”

“เรื่องงานน่ะค่ะ รู้สึกว่าวันนี้แปลงานไม่ค่อยราบรื่นเลยเท่านั้นเอง”  เบญจ์พูดปดออกไป

“มาทานกลางวันกันเถอะค่ะ วันนี้ณีนงานเยอะไม่อยากออกไปข้างนอกเลยทำ BLTแซนด์วิชมาเผื่อเบญจ์ด้วยนะคะ”

“ขอบคุณมากค่ะ แล้วเย็นนี้ไปกินข้าวที่คอนโดเบญจ์ไหมคะ เบญจ์เตรียมอุปกรณ์ทำคาโบนาร่าไว้แล้วนะคะ”

“คงไปไม่ได้ค่ะวันนี้งานเยอะ แถมมีนัดกับเพื่อนสมัยมัธยมไว้ตอนสองทุ่มค่ะ”

“งั้นไม่เป็นไรค่ะ” เบญจ์พูดออกไป

หลังเลิกงานเบญจ์ไม่มีอารมณ์ที่จะกลับไปทำอาหารกินเอง เธอจึงตัดสินใจที่จะไปหาอะไรกินที่ห้างใหญ่ใกล้รถไฟฟ้าแห่งหนึ่ง หลังจากกินข้าวเสร็จเบญจ์จึงเดินดูซื้อเสื้อผ้า เมื่อเวลาใกล้สามทุ่มเธอจึงไปเดินร้านหนังสือกะว่าจะซื้อนิยายของ Sarah Waters มาอ่านระหว่างเลือกซื้อหนังสืออยู่นั้นเธอได้ยินเสียงหัวเราะอันคุ้นหู เบญจ์หันไปเจอณีนนารากำลังหัวเราะคล้องแขนกับผู้หญิงคนนั้น คนที่เธอเห็นในข่าวสังคม ณีนนาราหันมาสบตาเธอพอดีแล้วกำลังจะเดินเข้ามาหา  เบญจ์ตัดสินใจวางหนังสือลงแล้วเดินจ้ำออกจากร้านหนังสือตรงไปยังที่คิวรถรับจ้าง  เพื่อเรียกแท๊กซี่กลับบ้านทันที  เธอเลือกที่จะกลับบ้านไปเห็นหน้าครอบครัวดีกว่าต้องไปนั่งคิดมากอยู่คนเดียว โดยไม่ลืมที่จะโทรไปบอกบูรณ์ก่อนว่าวันนี้เธอจะกลับไปนอนที่บ้าน

ณีนนารานั้นมีอาการงงกับการแสดงออกของเบญจ์  ยังไงเบญจ์ก็เห็นเธอแน่แต่เดินหนีเธอทำไม แต่ณีนนาราก็คิดว่าสักครู่เธอก็จะกลับคอนโดแล้ว เดี๋ยวค่อยโทรไปหาตอนนั้นก็ได้

“ใครเหรอณีน มีอะไรหรือเปล่า”  ตะวันถาม

“เพื่อนน่ะ เป็นนักแปลด้วย สงสัยจะไม่เห็นเรามั้ง”  ณีนนาราตอบ

“เขาเห็นณีนแน่ๆ เราเห็นแววตาเขาดูเฮิร์ตๆนะ แน่ใจนะว่าแค่เพื่อนน่ะ”

“ก็ดูๆกันอยู่ๆน่ะ”

“แสดงว่าณีนไม่ได้บอกว่าเราเป็นเพื่อน แล้วเขาเห็นหน้าข่าวสังคมเมื่อวันก่อนหรือเปล่า”

“ไม่รู้ เบญจ์เขาก็ไม่ได้ถามอะไร ข่าวนั้นถ้าวันนี้ไม่ได้คุยกัน  ณีนก็ไม่รู้ด้วยซ้ำ ตะวันก็รู้เราไม่อ่านข่าวซุบซิบหน้าสังคม ไปส่งเราที่คอนโดหน่อยสิอยากกลับละ”

“ไม่ดูหนังสือก่อนเหรอ”

“ไม่มีอารมณ์แล้ว ไปส่งเหอะ ไม่งั้นจะไปรถไฟฟ้าเองก็ได้”

“โหใจร้อนจังกลัวไปง้อแฟนไม่ทันอะสิ ไปๆเดี๋ยวราชรถไปเกยถึงคอนโดเลย”

หลังจากณีนนาราขึ้นมาถึงห้องเธอตัดสินใจที่จะอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า แล้วค่อยโทรไปหาเบญจ์เพราะคาดว่าคงต้องอธิบายกันยาวแน่คืนนี้  แต่เบญจ์ปิดโทรศัพท์ติดต่อไม่ได้ ณีนนาราจึงส่งข้อความไปว่าอยากคุยด้วย ยังไงพรุ่งนี้ค่อยคุยกันที่สำนักงานก็ได้  ตอนเช้าไปที่สำนักงานสิบโมงก็แล้วณีนนาราก็ยังไม่เห็นวี่แววเบญจ์ จนกระทั่งบ่ายณีนนาราจึงตัดสินใจไปหาเบญจ์ที่คอนโด แต่ยามก็บอกว่าเบญจ์ไม่อยู่และไม่ทราบว่าไปไหน เธอจนปัญญาเพราะพยายามติดต่อเบญจ์ก็ติดต่อไม่ได้ ณีนนาราจึงกลับคอนโดแล้วก็โทรไปปรึกษาปูรณ์เพื่อนรัก

“มีอะไรคะคุณณีนนารา”  ปูรณ์ส่งเสียงมาตามสาย

“คือฉันติดต่อเบญจ์ไม่ได้ แกมีเบอร์ที่บ้านเขาไหม”

“ไม่มี  แกมีปัญหาอะไรกัน ครั้งล่าสุดที่กินข้าวด้วยกัน เบญจ์ก็ยังเอาอกเอาใจแกเป็นปกติอยู่เลยนี่นา”

“ไม่รู้ว่ะ สงสัยจะงอนเรื่องตะวัน เมื่อวานเบญจ์เจอฉันกับตะวันที่คิโนะ”

“เล่ามาให้หมด อย่ามาเล่าครึ่งๆกลางๆสิไอ้ณีน”

หลังจากนั้นณีนนาราก็เล่าเรื่องให้ปูรณ์ฟัง ด้วยการซักถามชั้นยอดของศิราณี ปูรณ์ไม่ปล่อยให้อะไรหลุดรอดไป เพราะเธอเชื่อว่าณีนนาราเพื่อนของเธอไม่เข้าใจอารมณ์ความรู้สึกของเบญจ์ เนื่องด้วยเพื่อนเธอไม่เคยมีแฟนมาก่อน จึงปล่อยปละละเลยสัญญาณที่เบญจ์แสดงอาการน้อยใจออกมา

“เขาน้อยใจแกโว้ย  แกเคยบอกว่าชอบเขาบ้างหรือยัง เคยบอกเขาไหมว่าแกรู้สึกอย่างเดียวกับเขา  หัดแสดงอารมณ์บ้างสิคะคุณณีนนารา”

“ก็ทุกสิ่งที่ฉันปฏิบัติต่อเขา ไปเดินเล่นด้วย ทำแซนด์วิชมาให้เขากิน เป็นสิ่งที่ฉันไม่เคยทำให้คนอื่นนะ แค่นี้เขาก็น่าจะรู้แล้วไม่ใช่เหรอว่าฉันรู้สึกยังไง”

“ไม่  ไม่พอ เพราะเขาไม่เคยรู้ว่าแกไม่เคยทำอย่างนี้กับคนอื่น ถ้าแกไม่บอกเขา เขาก็จะไม่รู้ แล้วฉันว่าเขาคงไปตั้งหลักคิดแล้วล่ะว่าจะถอยดีไหม”

“แต่ฉันเขินนี่ แกก็รู้ฉันไม่ใช่พวกแสดงอารมณ์ความรู้สึก”

“แต่แกต้องทำให้เขารู้ว่าแกคิดยังไงนะณีน”

“แล้วจะทำยังไง สำนักงานเขาก็ไม่เข้า  โทรไปก็ปิดเครื่อง”

“รอดูพรุ่งนี้ เบญจ์ยังแปลงานไม่เสร็จ เขามีความรับผิดชอบไม่ทิ้งงานหรอกน่า ยังไงเดี๋ยวต้องเข้าสำนักงานแน่ๆ”

ณีนนาราวางสายจากศิราณีจำเป็น  แต่เบญจ์ก็ไม่ได้เข้าสำนักงานอย่างที่ปูรณ์คาดการณ์   เบญจ์โทรมาบอกกับวรชญาว่า เธอขอไปแปลงานที่ริมทะเลและจะส่งงานมาให้ตรวจแก้ทาง e-mail แทน วรชญาโทรมาบอกณีนนารา   เจ้านายสาวมีความงุนงงอย่างมากที่ณีนนาราขอร้องให้เธอถามบูรณ์ว่าน้องสาวเขาไปพักผ่อนที่ไหน   หลังจากณีนนาราได้คำตอบว่าเบญจ์ไปพักรีสอร์ตที่ปราณบุรี เธอจึงขอลาพักร้อนต่อวรชญาสัก 2-3 วัน แล้วโทรไปขอร้องปูรณ์ว่าพรุ่งนี้เช้าให้ขับรถไปส่งเธอที่ปราณบุรีด้วย 

“แกเป็นคนขับไปนะณีน เพราะเดี๋ยวขากลับฉันก็เป็นคนขับกลับคนเดียว”

“อ้าวไม่อยู่ช่วยกันก่อนเหรอ”

“ไม่ แกต้องช่วยตัวเองเรื่องอย่างนี้”

เมื่อถึงที่รีสอร์ตปูรณ์รอให้เพื่อนสาวเอาสัมภาระลง พร้อมอวยพรให้โชคดี แล้วก็ออกรถกลับกรุงเทพไปเลย โดยบอกว่ามีธุระตอน 6 โมงเย็น ณีนนาราไม่รู้หมายเลขห้องของเบญจ์เธอจึงต้องไปติดต่อสอบถามที่พนักงาน พนักงานโทรไปที่ห้องพักของเบญจ์แต่ไม่มีคนรับสาย ทำให้ณีนนาราตัดสินใจนั่งรอที่บริเวณล๊อบบี้ เมื่อใกล้เที่ยงเธอเห็นคนที่เธออยากมาปรับความเข้าใจเดินผ่านเธอไปยังห้องอาหารโดยไม่สนใจสิ่งรอบๆตัวแม้แต่นิดเดียว  ณีนนาราตัดสินใจเดินตามเบญจ์เข้าไป

“ขอนั่งด้วยได้ไหมคะ หิวมากเลยยังไม่ได้ทานอะไรตั้งแต่เช้า”  ณีนนาราเอ่ยขึ้นพร้อมเลื่อนเก้าอี้นั่งตรงข้ามกับเบญจ์

“มาได้ยังไงคะเนี้ยะ” เบญจ์ถามด้วยความงง โดยลืมความขุ่นข้องใจก่อนหน้า

“ก็ตามมาคุยกับคนขี้งอนที่หนีมาเที่ยวไงคะ โทรศัพท์ก็ปิด แต่ขอกินข้าวก่อนได้ไหมคะแล้วค่อยนั่งคุยกันนะคะ”

“ค่ะ” เบญจ์ยังนั่งนิ่งแล้วหันไปสั่งอาหารโดยที่ไม่ลืมจะสั่งของโปรดของณีนนารามาด้วย

“อิ่มจังอร่อยด้วย ขอบคุณเจ้ามือค่ะ”  ณีนนาราพูดแล้วยิ้มเอาใจ

“งั้นณีนบอกได้หรือยังคะว่ามาคุยเรื่องอะไร”

“ไปคุยกันที่ห้องเถอะค่ะ”

เบญจ์เดินนำหน้าไปที่ห้องพักของเธอที่เป็นแบบ Pool Villa ณีนนาราแวะหยิบกระเป๋าที่ฝากไว้ที่พนักงานพร้อมกล่าวขอบคุณ และรีบเดินตามเบญจ์ไป

“ถึงห้องแล้วคราวนี้ณีนคงพูดได้แล้วนะคะ”

“ก็ณีนมาปรับความเข้าใจกับคนที่มีอะไรไม่เข้าใจก็ไม่ยอมถาม แล้วก็หนีหน้ามาที่นี่ยังไงคะ ณีนขอถามเบญจ์แค่ 2 คำถาม แล้วหลังจากนั้น เบญจ์ถามอะไรณีนก็ได้ค่ะ คำถามแรกก็คือ เบญจ์โกรธอะไรณีนหรือเปล่าถึงมาทะเลโดยไม่บอกไม่กล่าว แล้วยังปิดโทรศัพท์ด้วย”

“เบญจ์อยากมาคิดอะไรเงียบๆน่ะค่ะ  อยากมานั่งคิดตัดสินใจว่าเบญจ์ควรจะถอยดีไหม” เบญจ์ตอบอย่างตรงไปตรงมา

“แล้วเบญจ์ยังชอบณีนอยู่รึเปล่า หรือว่าแค่อ่านข่าวก็คิดจะถอยแล้ว โดยยังไม่ได้ถามอะไรณีนด้วยซ้ำ  ณีนเป็นคนตรงและเปิดเผยนะคะ ถ้าเบญจ์บอกว่าจะถอยณีนก็จะได้รับรู้แล้วจะไม่รบกวนเบญจ์อีก”

“ยังไม่ได้ตัดสินใจค่ะ ขอโทษนะคะที่ไม่ถามณีนออกไปตรงๆ  ตอนนี้เบญจ์พร้อมที่จะถามแล้วว่า คนที่หอมแก้มณีนที่งานคืนสู่เหย้าคือใคร เขาเป็นคนพิเศษของณีนใช่หรือเปล่า  เมื่อได้คำตอบ เบญจ์จะตัดสินใจบอกว่าเบญจ์คิดจะถอยหรือไม่ค่ะ”

“ตะวันเป็นเพื่อนที่โรงเรียน เรียนกันมาตั้งแต่ประถม พอจบม.3 ตะวันเขาไปเรียนที่อังกฤษก่อนณีนค่ะ พอณีนไปเรียนที่นู่นตะวันก็ให้ความช่วยเหลือณีนตลอดเวลามีปัญหา ช่วงที่ณีนเข้ามหาวิทยาลัย ตะวันก็เป็นคนช่วยหาแฟลตให้  ตะวันทำงานที่ Law Firm ที่อังกฤษเราสองคนจึงไม่ค่อยได้เจอกัน พอเจอที่งานตะวันเลยแกล้งแอบหอมแก้มให้ณีนตกใจค่ะ เพราะรู้ว่าณีนเขินไม่ชอบให้ใครทำอย่างงั้นกับณีนในที่สาธารณะ แล้วนักข่าวในงานคงถ่ายรูปไว้พอดี”

“สรุปว่าคุณตะวันคนนั้นไม่ใช่คนพิเศษของณีนใช่ไหมคะ”

“ตะวันเป็นเพื่อนที่พิเศษค่ะ แต่ไม่ใช่คนพิเศษ ณีนยังไม่เคยมีคนพิเศษมาก่อน พอคิดว่าจะมี คนๆนั้นก็หนีมาทำให้ต้องมาตามหาเนี้ยะแหละค่ะ”

“พูดจริงๆนะคะที่ตกลงให้เบญจ์เป็นคนพิเศษของณีนแล้ว”

“ยังค่ะ เราต้องคุยกันก่อน”

“คุยอะไรคะ”  เบญจ์หน้าเสีย

“อย่าหายตัวแล้วปิดโทรศัพท์หนีอย่างนี้อีกนะคะ  มีอะไรให้พูดให้ถามณีนก่อนอย่าคิดเองเออเองอีกนะคะ”

“รับปากค่ะ  แต่ณีนไม่เคยแสดงออกอะไรให้เบญจ์รู้นี่คะ ว่ารู้สึกดีๆกับเบญจ์มากกว่าเพื่อน”

“อะไรกันคะ รู้ไหมณีนไม่เคยไปดูแลใครเวลาป่วยที่คอนโด ไม่เคยทำอาหารให้กิน ไม่เคยให้ใครไปเดินเล่นด้วยก่อนกลับบ้าน  ไม่เคยส่งข้อความไป good night ทุกคืนกับใครนะคะ ณีนอาจจะไม่ใช่คนแสดงออกเก่ง แต่นี่คือการแสดงความใส่ใจห่วงใยแบบณีนค่ะ เพื่อนรักอย่างปูรณ์อาจจะได้รับความห่วงใยแต่ไม่มี text ทุกคืนแน่ๆค่ะ คราวนี้เบญจ์จะรับรู้ถึงความพิเศษได้หรือยังคะ”

“ขอโทษนะคะ ที่เบญจ์ไม่เคยรู้เลย  แต่การกระทำของณีนปฏิบัติก็เหมือนเพื่อนสนิทนี่นา แถมณีนไม่เคยที่จะพูคคำว่าคิดถึงหรือรักเลยนี่นา” 

“เบญจ์คะ ณีนไม่ใช่คนที่ชอบแสดงความรักนะคะ เอาเป็นว่าณีนจะพยายามแสดงให้เบญจ์รับรู้มากขึ้นนะคะ แต่เบญจ์ก็ต้องเข้าใจณีนด้วยนะคะ”

“งั้นตอนนี้ณีนยอมเป็นแฟนเบญจ์แล้วใช่ไหมคะ” เบญจ์เอ่ยถามไปอย่างค่อยๆ

ณีนนาราพยักหน้า “เป็นแฟนณีนไม่ง่ายนะคะบอกไว้ก่อน แล้วนี่ปูรณ์ฝากจดหมายมาให้เบญจ์ค่ะ”

เบญจ์รับจดหมายที่ปิดผนึกอย่างดีพร้อมแกะอ่านทันที อ่านไปแล้วก็ยิ้มไป

“ยัยปูรณ์เขียนมาว่ายังไงบ้างคะ ณีนถามเท่าไหร่ก็ไม่ยอมบอก”

“อ่านเอาเองสิคะ”

“ถึงเบญจ์ ว่าที่แฟนของเพื่อนรัก

ทีหลังอย่างอนอะไรไอ้ณีนโดยไม่บอกไม่กล่าวมันอีกนะ  เพราะมันเป็นคนความรู้สึกช้า ถ้าไม่ได้เราช่วยแถลงไขว่าเบญจ์เป็นอะไร กว่ามันจะรู้ตัวคงอีกนานแน่ๆ เพื่อนเราคนนี้รักใครรักจริงแต่มันขี้อายแถมแสดงความรู้สึกไม่เก่ง มีอะไรปรึกษาเราได้

ขงเบ้งปูรณ์”

“ยัยปูรณ์กลับไปล่ะได้เห็นดีกัน เอาเพื่อนรักมาขายอย่างนี้ได้ยังไง” ณีนนาราอ่านจบแล้วก็เขินหน้าแดง

“ไปเดินเล่นกันดีกว่า ตอนนี้อารมณ์ดี อยากจูงมือแฟนเดินเล่นริมหาด”  เบญจ์พูดแล้วจูงมือณีนนาราเดินออกไป

B de Beauvoir 28-06-2012 @Thailand

อ่านแก้ขัดไปก่อนนะคะ ส่วนเราจะไปนั่งกดดันคนทำอาหารก่อนค่ะ

13 comments:

  1. ดีใจด้วยนะคะที่รถไม่เป็นอะไรมาก เราก็จะเอาเข้าศูนย์วันเสาร์นี้เหมือนกัน ยางที่จริงก็น่าจะต้องเปลี่ยนแล้วมั้ง 555

    ข้าวมื้อไหนคะเนี่ย ไปกดดันมากเดี๋ยวไม่อร่อยนะคะ :P

    ว้าว เป็นแฟนกันแล้ว ดีใจจัง :)

    ปล.ก็ต้องเริ่มทำใจว่าตอนต่อ ๆ ไปจะเป็นดราม่าใช่ไหมเนี่ย

    BYKT

    ReplyDelete
    Replies
    1. หรือว่าตอนนี้ก็ดราม่าแล้ว ??? ถ้าใช่ก็แค่นี้พอนะคะ 555

      ถ้าคิดอะไรแล้วไม่พูดไม่แสดงออก อีกฝ่ายก็คงไม่รู้ เรื่องเล็กก็จะกลายเป็นเรื่องใหญ่ ดีมี่สองสาวปรับความเข้าใจกันได้ แต่ความสัมพันธ์ยังอีกยาวไกล คงต้องมีอุปสรรคมาทดสอบความรักของท้ั้งคู่อีกแน่ ๆ ใช่ไหมคุณ ;)

      BYKT

      Delete
    2. หิ้วจานมานั่งหน้าคอม มื้อกลางวันที่ช้าไปหน่อยค่ะ งานไม่เสร็จเลยขี้เกียจลุกไปกินค่ะ ข้าวก็อร่อยดีค่ะ555+

      ยางก็คงต้องถึงเวลาแล้วล่ะค่ะ อันนี้เราคร่าวๆค่าซ่อมเอง บิลจริงยังไม่มา เดี๋ยวรอน้องชายกลับมาก่อน ไม่วันเสาร์ก็อาทิตย์ค่ะจะให้ไปเปลี่ยนยางให้

      ดราม่าแค่นี้จิ๊บๆอะค่ะ ถ้าจะเอาดราม่าแค่นี้ก็ได้นะคะ ตัดจบเลย 555

      รอดูกันไปนะคะว่าจะมีอุปสรรคหรือหวานๆที่ทำให้คนเขียนเครียดไมเกรนจะขึ้นเอา จะดราม่าก็นึกไม่ออก จะหวานก็เขียนไม่ค่อยได้ 555+

      Delete
    3. เฉลยแล้วนะคะ อยู่คอมเม้นล่างๆค่ะ :p

      Delete
  2. ว้าว มาเม้นกันเร็วจัง เปิดมาอ่านตกใจทำไมเม้นกันเยอะ ยังงี้ต้องให้รางวัลคุณ bykt ซะแล้ว
    ตามมาให้กำลังใจกันล้นหลาม คุณfreakysnob ปลื้ม ยิ้มหน้าบานหุบไม่ลงแน่555""

    วันนี้อ่านนิยายของคุณได้อารมณ์ดีจัง มันเป็นอารมณ์ของนิยายที่ต้องมีเรื่องทำนองนี้ ไม่งั้นมันจะเรื่อยๆเกินไป คนอ่านเริ่มต้องลุ้นว่าต่อไปจะเกิดอะไรขึ้น ดีใจที่เข้าใจกันได้ มันก็น่ะ ถ้าไม่บอกไม่พูดใครจะไปรู้ว่าคิดอะไรอยู่ในใจ

    วอลเล่ย์บอลสาวไทย แพ้สองนัดรวด สงสัยจะได้อันดับสุดท้ายแน่ แต่ไม่เป็นไรเรายังตามเชียร์เสมอ

    ตกลงว่าโรงเรียนคุณอยู่แถวไหน วังหลัง หรือซังฮี้ (อยากรู้มากนะเนี่ย)

    ReplyDelete
    Replies
    1. ตายแล้ว เราเพิ่งเข้าไปอ่านเม้นเมื่อวาน อย่าเพิ่งบอกคำตอบ เราขอทายเป็นคำตอบสุดท้าย เขมะแน่นอน confirm
      ถ้าถูกอย่าลืมรางวัลให้เรานะ อยากได้555

      Delete
    2. ขออนุญาตถามเหตุผลในการเดาค่ะ ยังไม่เฉลยนะคะ

      Delete
    3. ขออนุญาตมาเกาะขอบเวที รอคำตอบด้วยนะคะ.
      คืนนี้แจคพอตจะแตกหรือเปล่าน้า (อิอิ)

      Delete
    4. sure kha, wait and see the answer nakha. Sorry that i wrote in English because it's a lot faster to write in Thai.

      Delete
    5. คุณ freakysnob คะ ไม่ได้เดานะคะ เพียงแต่ไม่แน่ใจระหว่างสองรร.นี้ แต่พอมาอ่านบล็อคเก่าๆ ก็เลยแน่ใจว่าต้องเป็น เขมะสิริ แน่นอน เพราะคุณชอบกีฬาแฮนด์บอลมาก รร.คุณเก่งกีฬาประเภทนี้ด้วย (นักกีฬาคนโปรดของคุณก็ทำคุณผิดหวังในตัวเธอมากฮิฮิ แซวย้อนหลังค่ะ)
      ตกลงเราอยู่คนละรร. ค่ะ แหมนึกว่าจะได้คุยกันยาวถึงความหลังซะอีก
      เดี๋ยวจะแบ่งรางวัลให้คุณ bykt ด้วยค่ะไม่ต้องน้อยใจนะคะ

      Delete
    6. ขยันทำงานกันดีทุกคนนะคะ Have a good day kha
      คุณfreakysnob ดีใจที่ตอบถูก แต่เกรงใจเรื่องขนม ยังต้องเสียค่าส่งอีก ขอเปลี่ยนเป็นนิยายตอนพิเศษตามใจคนอ่าน แต่ยังไม่รู้ว่าจบแบบไหน ขอเห็นตอนจบก่อนค่อยขออีกรอบ ขอยากไปหรือเปล่าคะ

      โรงเรียนของเราไม่ใช่ราชินีค่ะ ใกล้ๆกันข้ามเรือไปฝั่งตรงข้ามค่ะ ใกล้บ้านที่สุดแล้ว
      จริงๆแล้วคิดว่าเป็นสตรีวัดระฆัง(รร.เราเอง) กับเขมะ ไม่ใช่ราชินี เพราะราชินีไม่อยู่ใกล้ถ.จรัญเท่าไหร่
      รร.คุณเก่งว่ายน้ำเหรอ เราได้ข่าวผิดนะซิ หน้าแตกเลย555

      คุณยายคุณ BYKT อยู่แถวจรัญฯเหรอคะ ดีค่ะทำให้รู้สึกอบอุ่นว่าสาวๆในบลอคนี้คุ้นเคยกัน (เกี่ยวกันมั้ยเนี่ย งง)

      Delete
    7. มันจำเป็นค่ะ เดี๋ยวเขียนจบแล้วจะส่งของขวัญไปปลอบใจคนอ่านที่อดทนอ่านกันทั้ง 3 คนนะคะ

      เด็กสตรีวัดระฆังนี่เอง ไม่คิดว่าเราเรียนโรงเรียนเดียวกับคุณบ้างเหรอ 555

      คนบล๊อกนี้คุ้นเคยกันหมดแหละค่ะ เพราะคุยกันพอรู้เรื่อง 555

      Delete
    8. @ คุณ clearsky อยู่ต้นถนนจรัญเลยค่ะ ที่จริงเราอาจเคยเจอกันก็ได้นะคะ 555
      เส้นจรัญช่วงนี้น่ากลัวมาก ไม่ค่อยกล้าไปเลย ขุดเจาะกันเกือบทั้งเส้น รถติดมาก

      BYKT

      Delete