Tuesday 3 December 2013

Maria Bello! Finally she made it!

หายไปนานเลยค่ะ ไม่ได้เขียนบล๊อก มีหลายเรื่อง ทั้งงาน ทั้งสุขภาพ และท้ายสุดก็การเมือง ที่ทำให้ติดตามอย่างไม่มีเวลาว่าง โชคดีหน่อยที่เพื่อนไม่ค่อยมีคนที่เห็นต่างมากนักเลยไม่ค่อยมีอะไรให้หงุดหงิด  แล้วทำไมวันนี้ถึงมาเขียนบล๊อก

เพราะ Maria Bello ออกมาบอกว่าเธอกำลังมีความสัมพันธ์กับผู้หญิงค่ะ แล้วทำไมต้องตื่นเต้น ด้วยหลายคนอาจจะสงสัย เพราะเราชอบเธอมาตั้งแต่ ER ซึ่งก็คงมีอะไรบางอย่างที่ทำให้เราชอบเธอ ติดตามมาตลอด ก่อนที่เธอจะมาดังใน Coyote Ugly เราว่าคนไทยไม่ค่อยรู้จักเธอเท่าไร แม้จะหลัง Coyote Ugly ก็เถอะ เดี๋ยวนี้จะมีคนจำชื่อเธอได้สักกี่คน

เมื่อคืนตอนเห็น New Feed ของ AfterEllen บน Facebook เราไม่ได้บ่นว่า ‘I knew it’ แต่เรายิ้ม smirk พร้อมพูดกับตัวเองเบาๆว่านี่แหละทำไมเราถึงชอบเธอ เธอเปิดตัวด้วยการเขียนเรียงความลง New York Times คอลัมน์ Modern Love อ่านแล้วเราชอบนะ เลยนั่งแปลมาให้อ่านกัน  เราตัดสินใจว่าจะเขียนบล๊อกอยู่แล้ว แถมยังมีนักกระโดดน้ำชาวอังกฤษวัย 19 ชื่อ Tom Daley ออกมาเปิดตัวว่ามีแฟนเป็นผู้ชายทางช่อง Youtube ของเขาเอง เขาบอกว่า "Of course I still fancy girls but right now I'm dating a guy and I couldn't be happier." เราคิดว่ามันดีนะคือเขาก็ยังเห็นผู้หญิงสวยอยู่แต่ตอนนี้เขามีแฟนผู้ชายเท่านั้นเอง แล้วเราก็ติดตาม Tom ตั้งแต่เขาไปแข่ง OG ที่จีน ตอนอายุ14 เพราะหน้าตาดี 555 สรุปเมื่อคืนมีสองคนที่เราชื่นชอบออกมา came out ทำให้ต้องเขียนบล๊อกซะหน่อย ใครสนใจฟัง Tom ออกมาพูด http://www.youtube.com/watch?v=OJwJnoB9EKw

แล้วถ้าใครสงสัยเกี่ยวกับใครคือ Maria Bello ลองหาบล๊อกเก่าๆอ่านนะคะ ไม่ก็ google เลยค่ะ


แล้วที่เราแปลอาจจะแปลไม่ดี แต่อยากแปลเพราะคงไม่มีใครแปลทั้งหมดแน่ๆ ส่วนแฟนของเธอชื่อ Clare Munn ค่ะ เผื่อใครอยากเสริชหาข้อมูลเพิ่มเติม

คำเตือน เนื้อหายาวมาก 


Coming Out as a Modern Family

เมื่อลูกชายวัย 12 ขวบของฉัน, แจ๊กสัน ถามฉันว่ามีเรื่องอะไรบ้างไหมที่ฉันไม่บอกเขา.

 “มีหลายสิ่งหลายอย่างที่แม่ไม่ได้บอกลูก” ฉันตอบ
“เช่นอะไร” แจ๊กสันถาม
“เรื่องของผู้ใหญ่” ฉันตอบ
“เรื่องของผู้ใหญ่อย่างเรื่องอะไรล่ะ” แจ๊กสันยังคงถามต่อไป

เวลาเป็นเดือนที่ฉันคาดคะเนไว้ทั้งยังหวาดกลัวว่าเหตุการณ์นี้จะเกิดขึ้น  “เช่นเรื่องความรัก” ฉันตอบอย่างตะกุกตะกัก

“เรื่องความรัก เช่นอะไรครับ?”

“ประมาณ” ฉันตอบ “อย่างเช่น บางทีเราสามารถเป็นเพื่อนกับคนคนหนึ่ง แล้วความสัมพันธ์ก็เปลี่ยนไปเป็นความรัก แล้วก็เปลี่ยนมาเป็นแค่เพื่อนอีกครั้ง เหมือนความสัมพันธ์ของพ่อกับแม่ไง หรือระหว่างแม่กับไบรอัน ที่ตอนนี้แม่กับเขาเป็นเพียงเพื่อนกัน

“แล้วตอนนี้แม่มีความรักกับใครหรือเปล่าตอนนี้?” แจ๊กสันถาม

ฉันสูดลมหายใจเข้าไปลึก รู้ว่าคำตอบที่ฉันจะพูดออกไปและปฏิกริยาของลูกที่จะตอบกลับมา จะมีผลต่อความสัมพันธ์ของเราทั้งคู่ไปอย่างยาวนาน

แจ๊กสันเข้าใจถูกแล้ว ฉันมีความรักอยู่กับคนคนหนึ่งที่ฉันไม่ได้บอกเขา ฉันมีความสัมพันธ์กับผู้หญิงคนหนึ่ง เธอคนนั้นเป็นเพื่อนรักของฉัน ที่ก็เป็นเหมือนแม่ทูลหัวของลูกชายฉัน

ฉันจะบอกลูกชายอย่างไรและเมื่อไร? ตอนที่ฉันคุยเล่าเรื่องราวให้นักบำบัดฟัง
เธอยิ้มแล้วตอบกลับมา “ลูกชายคุณอาจจะมีเรื่องมากมายที่จะพูดเกี่ยวกับคุณเมื่อเขาโตขึ้น แต่เขาจะไม่มีทางบอกว่าแม่ของเขาเป็นคนน่าเบื่อ”

คำแนะนำของเธอ คือ รอจนกระทั่งแจ๊กสันถาม และตอนนี้เขาก็กำลังถาม
ประมาณหนึ่งปีก่อนหน้าบทสนทนานี้จะเกิดขึ้น ฉันนั่งอยู่ในสวนของบ้านที่ฉคลิฟลอเนีย, ดูรูปเก่าๆและสมุดบันทึกที่ฉันเก้บไว้ตั้งแต่เด็ก  จากสมุดบันทึกปกเขียวที่ขาดกะรุ่งกะริ่งที่มีรุปหัวใจวาดอยู่ จนมาถึงสมุดบันทึกที่เริ่มใช้ตั้งแต่ฉันเริ่มช่วยผู้ประสบภัยแผ่นดินไหวในเฮติ ตอนเดือนมกราคม 2010  บันทึกเล่าเรื่องราวที่เรียงร้อยไปด้วยกันโดยโครงเรื่องก็ออกมาคล้ายคลึงเหมือนๆกัน

ฉันอ่านตั้งแต่เรื่องของผู้ชายหลายๆคนแล้วก็ผู้หญิงหนึ่งคนที่ฉันมีความสัมพันธ์ด้วย ข้อความที่เต็มไปด้วยความเจ็บปวดและความทุกข์  เหมือนว่าทุกครั้งที่ฉันตกหลุมรักใครคนหนึ่งฉันจะเอาคนๆนั้นใส่กล่องของคำว่า “เนื้อคู่” และฉันก็เหมือนถูกขยี้เมื่อความสัมพันธ์มันไม่เป็นไปอย่างที่ฉันหวัง

ฉันอ่านถึง ผู้ชาย 2 คน ที่ฉันตกหลุมรักตอนที่ทำงานอยู่ในกองถ่ายหนัง ตอนนั้นฉันมั่นใจว่าทั้งคู่เป็นเนื้อคู่ของฉัน ความเชื่อได้ตัวกระตุ้นมาจากความเสน่ห์ความดึงดูดทางเพศที่ทำให้ฉันมั่นใจว่าฉันกำลังมีความรัก และก้คเนพบหลังจากถ่ายหนังจบ,ความสัมพันธ์ก็สิ้นสุดลงเช่นกัน และฉันยังได้อ่านถึงผู้ชายที่ขอฉันแต่งงานทางโทรศัพท์เมื่อสี่ปีก่อน , ก่อนที่เราจะจูบกันซะอีก  สามเดือนหลังจากนั้นเราทะเลาะกันในครัวปาสเต็กใส่กันด้วยความโกรธ

ขณะที่ฉันนั่งดูรูปต่อไป ฉันก็เจอรุปขาวดำของฉันกับเพื่อนรักคนหนึ่ง ถ่ายที่นิวยอร์กคืนก่อนวันปีใหม่  เราสองคนดูมีความสุข,ฉันยิ้มอย่างช่วยไม่ได้.  ฉันจำได้ว่าเราพบกันอย่างไรเมื่อ 2 ปีก่อน เธอนั่งอยู่ที่บาร์ใส่หมวกเฟดอรา และพูดด้วยสำเนียงซิมบับเวย์

เราสามารถต่อกันติดทันที แต่ฉันไม่ได้คิดว่ามันเป็นเชิงรักใคร่หรือความรู้สึกทางเพศ  เธอเป็นหนึ่งในคนที่ สวยที่สุด, มีเสน่ห์, มหัศจรรย์ และก็ตลก ที่ฉันเคยพบ  แต่ฉันไม่ได้นึกอะไรจนกระทั่งฉันมานั่งหาส่วนสำคัญในชีวิตที่สวน ว่าเราสองคนอาจจะเป็นไปได้ที่จะเลือกมารักกันอย่างคู่รัก

อะรำให้ฉันรอมาตั้งหลายปี เธอเป็นคนที่ฉันชอบที่จะอยู่ด้วยมากที่สุด คนที่เป็นตัวฉันเองมากที่สุดเวลาอยู่ด้วย

เมื่อฉันได้เจอเธอที่นิวยอร์กอีกครั้ง ฉันเล่าถึงความรู้สึกที่สับสนให้เธอฟัง เราจึงเริ่อมต้นคุยอย่างยาวนาน มีทั้งความเจ็บปวด ความยอดเยี่ยมระหว่างที่เราทั้งคู่พยายามทำความเข้าใจว่าความสัมพันธ์ของเราสมควรจะเป็นอย่างไรต่อไป

อย่างแรก ความสัมพันธ์จะมีผลกระทบต่อลูกชายฉันอย่างไร แจ๊กสันนับถือแคลร์ รักเธอ และเขาไม่เคยเจอผู้ชายที่ฉันมีความสัมพันธ์ด้วยเลย ทั้งยังไม่รู้ว่าฉันเคยมีความสัมพันธ์กับผู้หญิงเช่นกัน
อย่างที่สอง ความสัมพันธ์จะมีผลกระทบกับหน้าที่การงานของฉันอย่างไร  ฉันไม่เคยที่จะจำกัดว่าฉันเป็นอย่างไรจากการที่ว่าฉันนอนกับใคร แต่ฉันรู้ว่าคนอื่นทำ

เป็นเรื่องยากสำหรับฉันที่จะจำกัดความของคำว่า ดู่ชีวิต   5 ปีที่ฉันจำกัดความคำว่า “คู่ชีวิต” (partner) หมายถึงเพื่อน จอห์น คอลลี่ย์ ในวัย 70หว่า คนที่ฉันคุยด้วยประจำ เขาเป้นคนที่ช่วยให้ฉันผ่านเวลาที่ยากเย็นตอนที่ความสัมพันธ์ของฉันจบสิ้นลงทุกครั้ง เพราะเราทั้งคู่มีความรักที่บริสุทธิ์ไม่มีเซ็กชวลเข้ามาเกี่ยว แล้วนั่นทำให้เราสองคนเป็นคู่ชีวิตน้อยลงไหม

และฉันก็ไม่เคยที่จะเข้าใจความแตกต่างของ คู่ชีวิต “ระยะแรก/ขั้นแรก” (primary partner)  หรือนั่นแสดงว่าเรามี คู่ชีวิต ระยะที่สอง, ระยะที่สาม ด้วยหรือ? คู่ชีวิตระยะแรกสามารถหมายถึง พี่สาวไม่ก็เพื่อนสนิทได้ไหม หรือจะหมายถึงแค่ใครคนหนึ่งที่ฉันมีเซ็กส์ด้วย   ฉันมีเพื่อน 2 คน ที่เป็นพี่น้องกันอยุ่ด้วยกันมา 15 ปี เลี้ยงลูกสาวด้วยกัน แต่พวกเขาไม่ใช่คู่ชีวิตกันเพราะเขาไม่มีเซ็กส์กันเหรอ? นั่นทำให้เขาทั้งคู่เป็นคู่ชีวิตกันน้อยลง?

ความรู้สึกฉันต่อแคลร์มันไม่เหมือนกับผีเสื้อบินอยู่ในท้อง ความรักที่ต้องเป็นทุกข์เพราะต้องการครอบครองอย่างที่ฉันเคยรุ้สึกเมื่อก่อน มันเป็นความรักที่ลึกซึ้งมากกว่านั้น เมื่อฉันอยู่ใกล้เธอมากขึ้นความรู้สึกของฉันต่อเธอก็เพิ่มขึ้น   หลังจากนั้น 2-3 เดือน ฉันตัดสินใจที่จะบอกความจริงของความสัมพันธ์ของฉันกับแคลร์ต่อครอบครัวอิตาเลี่ยน-โปลิชของฉัน  ครอบครัวชาวฟิลาเดเฟียที่เป็นอนุรักษ์นิยม

พ่อของฉันมีปฏิกริยาแค่พ่นควันซิกก้าออกมา ตอนที่เรานั่งอยู่บนห้องหลังคาของคาสิโนแห่งหนึ่งในแอตแลนติกซิตี้ “เธอเป็นคนดี, เป็นเรื่องที่ดีสำหรับลูก” พ่อบอก  แม่กับคนอื่นในครอบครัวก็มีคำตอบเหมือนพ่อ  จริงแล้วพวกเขาอาจจะไม่เป็นพวกอนุรักษ์นิยมเท่าไร

ความรู้สึกของฉันเกี่ยวกับ คำว่าความผูกพันและหุ้นส่วนชีวิต คือจะต้องเปลี่ยนแปลงได้และมีการพัฒนาเรื่อยๆ   แดนพ่อของแจ๊ก แดนจะเป็นคู่ชีวิตตลอดไปเพราะเรามีแจ็กที่ต้องดูแล แดนเป็นพ่อที่ดีที่สุดและเป็นผู้ชายที่ยอดเยี่ยมคนหนึ่งที่ฉันรู้จัก แค่เพียงเราสองคนไม่มีเซ็กส์ไม่ได้ความว่าความเป็นคู่ชีวิตของเราจะลดน้อยลง เราต่างมีความเชื่อหลักที่เหมือนกันรวมถึงให้ความสำคัญกับลูกชายของเราก่อน   แฟนเก่าอีกคนที่เลิกกันมาไม่นาน ไบรอัน ก็ยังคงเป็นคู่ชีวิตเพราะเรามีส่วนร่วมกันในกิจกรรมต่างๆ และแคลร์ก็จะเป็นคู่ชีวิตฉันตลอดไปเพราะเธอเป็นเพื่อนรักของฉัน

ฤดูร้อนที่ผ่านมา ฉันป่วยหนักมาก ณ จุดหนึ่งมันเหมือนฉันจะไม่รอด แต่ก็มีคนมาอยู่ข้างเตียงโรงพยาบาลของฉันทุกวัน ทุกคนต่างก็เป็นคู่ชีวิตของฉัน: แม่, แจ๊กสัน, แดน, น้องชายฉันคริส แล้วก็แคลร์
แคลร์แทบจะไม่ห่างเตียงฉันเลย โทรหาหมอทุกคนทั้งยังหาลู่ทางทุกทางที่เธอมีให้ช่วยหาว่าฉันป่วยเป็นอะไร  แล้วก็แดนคนที่พาลูกชายมาหาฉันทุกวันเป็นคนที่ทำให้แจ๊กสันรู้สึกปลอดภัยในยามวิกฤต  เวลาที่ฉันลุกไม่ขึ้นก็มีอ้อมแขนของคริสที่โอบอุ้มฉันไว้   มีมือของแม่คอยลูบหัวของฉันเป็นชั่วโมงๆ ณ เวลานั้น  และแจ๊กสันคอนเดินข้างฉันพร้อมที่เข็นสายน้ำเกลือ ทำให้ฉันยังหายใจอยู่

กลับมาที่คำถามของแจ๊กสัน ฉันนั่งอยู่ที่ขอบเตียงของลูก: แม่มีความสัมพันธ์กับใครหรือเปล่าตอนนี้?

ฉันหายใจเข้า และในที่สุดพูดออกไป : แคลร์

ลูกมองมาที่ฉันเหมือนชั่วกัลป์แล้วเขาก็ยิ้มกว้างๆอันอบอุ่นออกมา  “แม่ รักก็คือรัก ไม่ว่าจะเป็นอย่างไรก็ตาม”  เขาตอบมาด้วยสติปัญญาอันแหลมคมที่เกินกว่าอายุจริงของเขา (ใช่เขาเข้าเรียนโรงเรียนแนวใหม่ ในลอสแองเจอลิส)

ฉันรักเขาที่สุดที่เขาพูดออกมา “แต่แจ๊ก แม่ค่อนข้างกังวลนิดๆนะ”   ฉันบอก “ตอนที่แม่ยังเด็กสังคมตัดสิน ถ้าเรามีความรักกับคนเพศเดียวกัน และตอนนี้ก็ยังมีคนคิดแบบนั้นอยู่  แม่ยังไม่รู้ว่าจะจัดการยังไงแต่เราจะช่วยกันหาทางจัดการไปด้วยกันนะ”

ในที่สุดเราก็ช่วยกันหาทางออกด้วยกัน: แจ๊ก, แคลร์ แดน และฉัน  วันหยุดสุดสัปดาห์ที่ไม่บ่อยนักที่เราไม่ได้นั่งเบียดกันในรถเพื่อไปเกมฟุตบอลของแจ๊กสัน เวลาที่แดนล้อเลียนตอนแคลร์หลงทาง และเธอก็ต้องทำให้มั่นใจว่าเขามี ร่ม, ครีมกันแดด, น้ำ, ถั่ว และก็อย่างอื่นๆที่เราต้องการเวลาเกินวิกฤตการณ์นิวเคลียร์

พวกเราทานข้าวเย็นด้วยกันเกือบทุกคืน ณ ตอนนี้ ตอนที่ฉันเขียนเรียงความฉบับนี้ พวกเรากำลังนั่งตากลมตอนเย็นหลังงานเลี้ยงครบ 50 ปีของแดน ที่แคลร์ , แจ๊กสัน และฉันจัดให้  งานที่มีครอบครัวของแดน, ครอบครัวฉัน และอีกหลายๆคน ที่ฉันคิดว่าเป็นคู่ชีวิตในหลายๆมุมของชีวิตฉัน  เป็นห้องเฉลิมฉลองและความรักที่ไม่มีข้อจำกัด

ส่วนมากพวกเราทั้ง 4 คน หัวเราะด้วยกัน  แจ๊กสันกำลังติดซีรี่ย์ Modern Family  และในทุกๆตอนลูกพยายามคิดว่า แดน เป็น ฟิลหรือเจย์   แคลร์เป็น กลอเรียหรือมิทเชล (เขาไม่มีข้อสงสัยเว่าฉันเป็นตัวละครไหน: แคลร์ Claire)

ฉะนั้นฉันจะคิดว่าฉันเป็น “อะไรก็แล้วแต่” อย่างที่แจ๊กสันบอก ใครก็แล้วแต่ที่ฉันรัก จะรักเขาอย่างไร พวกเขาจะนอนบนเตียงกับฉันหรือไม่  ฉันจะทำการบ้านกับพวกเขาหรือไม่ ฉันมีลูกที่ต้องดูแลร่วมกันกับพวกเขาหรือเปล่า “รักก็คือรัก”  และฉันก็รักครอบครัวสมัยใหม่ของฉัน
บางที ตอนจบครอบครัวสมัยใหม่อาจจะเป็น ครอบครัวที่ซื่อตรงที่สุดก็ได้


ลาไปล่ะค่ะ เดือนนี้จะยุ่งไปจนถึงปลายเดือนเลยค่ะ แค่คิดก็เหนื่อยแล้ว

ปล.แนะนำให้อ่านบล๊อกของ Dorothy Surrenders ด้วยค่ะตั้งแต่เธอยังไม่ came out ว่าทำไมสาวใน afterellen หลายคนชอบเธอ