Tuesday 5 June 2012

หัดเขียน 2

ลองอ่านดูนะคะ


ทั้งชื่อคน เหตุการณ์ทั้งหมดเป็นเรื่องที่ผู้เขียนแต่งขึ้นมาทั้งสิ้นไม่มีเรื่องจริง ฉะนั้นบังเอิญไปตรงกับชีวิตใครก็ไม่ได้ตั้งใจนะคะ ทั้งหมดเป็นลิขสิทธิ์ของผู้เขียน " B de Beauvoir" ทั้งสิ้น 555+ ตั้งนามปากกามามั่วๆหวังว่าคงไม่ไปเหมือนใครเข้านะคะ


ขอส่งบทนำและบทที่1 มาชิมลางก่อนนะคะ เจอคำผิดอ่านไม่เข้าใจช่วยบอกกันด้วยนะคะ




บทนำ

ในขณะที่วงจรชีวิตของแต่ละคนหมุนไปตามวาระและจังหวะชีวิต ในช่วงเวลาเดียวกันแต่คนละพื้นที่บนโลกอันสับสนวุ่นวายยุ่งเหยิง

13.00 น. ณ เมือง Larvik ประเทศ Norway หญิงสาวคนหนึ่งได้ตัดสินใจที่จะหยุดการใช้ชีวิตอย่างโดดเดี่ยวในประเทศที่เธอได้มาใช้ชีวิตตั้งแต่เรียนจนกระทั่งทำงานถึง 12 ปี ไว้เป็นเบื้องหลัง เบญจ์ เบญจวรการณ์ ได้ตัดสินใจที่จะไปเริ่มจังหวะชีวิตใหม่ที่เมืองไทย เธอพบทั้งความสุข สมหวัง ผิดหวัง ทุกข์ โดดเดี่ยว จริงๆแล้วเธอก็ยังไม่แน่ใจว่าจะไปใช้ชีวิตในประเทศบ้านเกิดได้จริงๆหรือไม่ ถึงที่นั่นจะมีครอบครัวเธออยู่ เธอชินกับการใช้ชีวิตลำพัง ไม่ต้องมีคนคอยห่วง แถมอากาศและการจราจรคงเป็นอุปสรรคต่อการใช้ชีวิตของเธอเป็นอย่างมากแน่นอน เบญจ์จึงบอกพ่อ-แม่ ว่าเธอทำ sabbatical สักปีกว่าๆ เพราะตั้งแต่ทำงานมาเธอไม่เคยหยุดพักระยะยาวเลย อย่างมากก็ลาพักร้อนกลับมาเยี่ยมครอบครัวปีละครั้งในระยะเวลาไม่เกิน 2 อาทิตย์  ถ้าเธอกลับไปใช้ชีวิตที่บ้านเกิดไม่ได้เบญจ์คิดว่าเธอคงจะยื่นสมัครงานกลับมาที่นอร์เวย์อีกครั้ง แต่เรื่องนี้มันยังเป็นอนาคตอยู่ ตอนนี้เธอคงต้องออกเดินทางไปยัง Oslo เพื่อไปร่ำลาครอบครัวอุปถัมภ์อย่างเป็นทางการ ก่อนกลับเมืองไทย

เวลาเดียวกันแต่คนละทวีป
18.00 น. ณ โรงแรมระดับ 5 ดาว แห่งหนึ่งในกรุงเทพมหานคร
หญิงสาวคนหนึ่งกำลังขะมักเขม้น ช่วยจัดหาโต๊ะให้กับญาติผู้ใหญ่ของทั้ง เจ้าสาวและเจ้าบ่าว อย่างเต็มที่ เพื่อนในกลุ่มแต่งงานทั้งทีเธอจะช่วยน้อยกว่านี้ได้อย่างไร ถึงเธอไม่เชื่อในการแต่งงาน รวมไปถึงเธอไม่ได้มีความรักให้ต่อเพศตรงข้าม แต่เธอไม่เคยมีความคิดให้เพื่อนสนิทไม่เชื่อในการแต่งงานเหมือนเธอ ทุกคนมีความคิดของตัวเองทั้งสิ้น ทุกคนต้องเผชิญกับการตัดสินใจของตัวเองทุกอย่าง ในเมื่อได้ตัดสินใจอะไรสักอย่างหนึ่งลงไปแล้ว ผลที่จะตามมาเราก็ต้องน้อมรับ เช่น เธอได้บอกกับครอบครัวไปแล้วว่าเธอไม่มีความสิเน่หาในผู้ชาย ไม่คิดจะแต่งงาน มีหลานให้พ่อ-แม่ ตอนนี้เธอต้องเผชิญกับความเพิกเฉยจากบุคคลที่ให้กำเนิดของเธอ แต่เธอก็ยังเคารพท่านทั้งสอง ขอบคุณที่เลี้ยงเธอดูมาอย่างดี ให้เธอได้มีโอกาสไปเรียนต่อในประเทศที่ได้ชื่อว่าค่าครองชีพสูงแห่งหนึ่งในโลก จึงได้เป็น ณีน ณีนนารา  กิจรุ่งเรืองทวี อย่างวันนี้



บทที่๑

“ปูน ถึงไหนแล้ว ฉันมาถึงงานแต่ง รีน่า-กรณ์ ตั้งนานแล้วนะ ตัวเป็นเกลียวหัวเป็นน๊อต ยังไม่มีใครมาถึงเลย ยัยบัวก็บอกว่าเพิ่งแต่งหน้าเสร็จกำลังเดินทาง ส่วนอุ๊บอกว่ากำลังเลี้ยวเข้าที่จอดรถ”  ณีนนาราถาม นางสาวปูรณ์ เกียรติเกรียงไกร เพื่อนที่สนิทที่สุดของเธอ

“โอ๊ย จะบ่นไปไหน ถึงแล้วกำลังเดินไปที่ห้องงานนี่แหละ ใครบอกว่าเธอเงียบๆไม่พูดไม่บ่น ฉันเถียงตายเลย บ่นฉันจนหูชาประจำ ทีกลับคนอื่นนั่งเงียบ ถึงแล้วเธออยู่ตรงไหนล่ะ”  ปูรณ์ ต่อว่ากลับมา

“อยู่ตรง backdrop แกมาช่วยจัดคิวถ่ายรูปละกันนะ เดี๋ยวฉันต้องไปเชิญแขกผู้ใหญ่ฝ่ายรีน่าไปนั่งโต๊ะ vip ถ้าบัวกับอุ๊มาถึงแล้วก็ บอกให้ช่วยดูแลแขกผู้ใหญ่ละกัน งานนี้แขกผู้ใหญ่เยอะเหมือนกัน ขาดเหลืออะไรก็ไปบอกพี่ชายรีน่าละกัน”  ณีนนาราสั่งงานออกมาเป็นชุด

“ไปเถอะเดี๋ยวดูแลตรงนี้เอง”  ปูรณ์รับปากเพราะรู้ว่าเพื่อนสนิทของเธอคนนี้ ถ้ารับปากอะไรเพื่อนไว้แล้วจะทำให้ลืมตาย อย่างกับเป็นงานของตัวเอง

หลังงานเลี้ยงงานแต่งงานผ่านพ้นไปด้วยดี ทั้งสี่สาวกลับมาพักผ่อนที่คอนโดของณีนนารา เนื่องจากใกล้โรงแรมที่จัดงานที่สุด ที่สำคัญณีนนาราอาศัยอยู่คนเดียวพวกเธอจึงสามารถมานั่งจิบไวน์คุยกันไปโดยไม่ต้องเกรงใจใคร

“เฮ้อ เมื่อยมาก นี่ฉันไม่ได้ใส่ส้นสูงนานขนาดนี้แล้วเหรอเนี้ย มียานวดแก้ปวดไหมณีน ต้องการอย่างแรง” อุ๊ร้องถาม

“รอเดี๋ยวนะ ใครต้องการยาอะไรอีกไหม”  ณีนนาราบอกและถามกลับในประโยคเดียว พร้อมเดินไปหยิบยาที่ตู้ยา

“ไม่ล่ะ ฉันอยากได้ โรเซ่ เย็นเจี๊ยบในตู้แช่มากกว่า แต่เดี๋ยวฉันบริการตัวเองได้” ปูรณ์ตอบกลับมา

“ฉันขอยาแก้ปวดสัก 2 เม็ดนะ ณีน รู้สึกครั่นเนื้อครั่นตัวจังเลย” บัวพูด

“แล้วคืนนี้ใครจะอาศัยยัยณีนที่นี่บ้างคืนนี้ พรุ่งนี้วันอาทิตย์ไม่ต้องทำงานกันนี่ สาวออฟฟิศทั้งสอง” ปูรณ์ถามอุ๊และบัว

“เดี๋ยวฉันไปส่งบัวเอง รายนี้ไม่กลับบ้านไม่ได้หรอกเดี๋ยวคุณหญิงแม่ห่วงตาย แถมพวกเราคงได้ยินเสียงโทรศัพท์จากพี่ที แต่เช้าแน่ๆประมาณว่าอยู่ไหนให้ไปรับไหมครับ” อุ๊ล้อเลียนความเป็นคุณหนูประจำบ้านของบัว

“อะยานวดจ๊ะอุ๊  นี่ไทลินอล” ณีนนารายื่นยาไปให้เพื่อน พร้อมทั้งเดินไปช่วยปูรณ์เอาเครื่องดื่มมายังโซฟา

“บัวขอคาโมมายล์ทีนะจ๊ะ ณีน” บัวรีบบอก

“ส่วนเราก็น้ำเปล่าดีกว่า กลัวเจอตำรวจจับเป่า เมื่อกี้ไวน์แดงที่งานรีน่าไป 2 แก้วแล้ว” อุ๊ร้องขอ

“จ้าได้เลย ไม่มีใครเหมือนรายนั้นหรอก ที่งานมีไวน์ให้ดื่มไม่ดื่ม ต้องมาดื่มไวน์ที่เราซื้อมาเก็บไว้ตลอด” ณีนนาราแกล้งบ่นกระทบปูรณ์  ในบรรดาเพื่อนสาว 5 คนในกลุ่มที่เรียนด้วยกันมาตั้งแต่ ม.1 ที่โรงเรียนหญิงล้วนแห่งหนึ่ง เธอสนิทกับปูรณ์มากที่สุด อาจจะเป็นเพราะปูรณ์มีบุคลิกไม่เหมือนใคร ปูรณ์เป็นคนที่เด็ดเดี่ยวเหมือนจะสนิทกับทุกคนแต่ก็เป็นคนที่เก็บตัวมากๆ ไม่ค่อยมีคนรู้เรื่องเกี่ยวกับตัวปูรณ์เท่าไหร่ นอกจากณีนนาราที่ถึงแม้ไม่ได้เจอกัน ปูรณ์ก็จะโทรมาหาอัพเดทเรื่องราวในชีวิต หรือโทรมาบ่นสัพเพเหระให้เธอฟังแทบทุกวัน

“ก็เราไม่ชอบไวน์แดงนี่ ณีนก็รู้” ปูรณ์รีบแก้ตัว

“บัว งานแต่งของบัวกับพี่ที จัดเมื่อไหร่นะ จะได้ลงตารางไว้ เผื่ออาจจะตรงช่วงที่เราจะไปอังกฤษน่ะ” ณีนนาราถาม

“อีก 6 เดือนจ้า ไม่น่าจะตรงกับช่วงที่ณีนจะไปอังกฤษทุกปีนะ เราจำได้ณีนมักจะไปช่วงมิถุนายน เราได้โรงแรมแล้วนะที่.... พี่ทีเขาอยากได้โรงแรมริมเจ้าพระยา” บัวบอกชื่อโรงแรมหรูริมแม่น้ำเจ้าพระยาแห่งหนึ่งมา

“ก็ดีแต่งหลังจากเรากลับมาแล้ว แต่หวังว่าออแกไนเซอร์ที่บัวจ้างจะดีกว่างานรีน่านะ เรารู้สึกว่าเหนื่อยมากลุ้นจังว่างานจะล่มไหม พวกเขาดูชิลมากๆเลย” ณีนนาราบอกออกไป

“รับรองงานของบัว ณีน, ปูน, อุ๊ ไม่ต้องทำอะไรเลย แค่เอาตัวมาร่วมงานก็พอ” บัวรีบบอก

“ขอให้จริงเถอะย่ะ แต่ว่าพอจบงานเธอแล้วนะยัยบัว กลุ่มเราก็คงไม่มีงานแต่งไปอีกนาน นอกจากยัยอุ๊จะหาเหยื่อได้ ฮาฮาฮา” ปูรณ์พูดไปหัวเราะไป

“ถ้าฉันมีฉันจะบอกย่ะ ยายปูนตัวก่อกวน แล้วเธอกับณีนไม่คิดจะมีใครเป็นตัวเป็นตนบ้างเหรอ” อุ๊หันไปค้อน พร้อมถามด้วยรู้จักรสนิยมของสองสาวเพื่อนซี้ดี

พวกเธอเรียนโรงเรียนหญิงล้วนกันมาตั้งแต่ระดับประถมจนกระทั่งจบชั้นมัธยม บางคนอาจจะมีแฟนเป็นผู้หญิงด้วยกัน บางคนอาจจะดูห้าวๆเป็นทอมบอย แต่พอจบออกมาจากโรงเรียนหลายคนเหล่านั้นกลับไปใช้ชีวิตเป็นหญิงสาวสวยหวาน มีแฟน แต่งงานมีลูก แต่ทั้งณีนนารากับปูรณ์นั้นไม่เป็นทั้งสองกรณี เพราะเธอทั้งสองไม่ได้เป็นทอมบอยตัดผมสั้น หรือทำตัวเท่ อยากเป็นผู้ชายสมัยตอนที่อยู่โรงเรียน ขณะนี้พวกเธอก็ยังคงมีความรักให้แต่กับผู้หญิงเพศเดียวกัน และที่สำคัญพวกเธอไม่ได้ชอบทอมบอยที่พยายามทำตัวให้เป็นผู้ชาย พูดครับแทนที่จะเป็นค่ะ ณีนนารากับปูรณ์นั้นมีความชื่นชมในความอ่อนหวาน อ่อนโยนในผู้หญิงด้วยกันเอง รสนิยมนี้เป็นที่รู้กันในหมู่เพื่อนสนิทกลุ่มนี้ แต่ไม่มีใครยุ่งกับเรื่องส่วนตัวของกันและกัน ยุคนี้แล้วความรักไม่ใช่เฉพาะระหว่างหญิงกับชายเท่านั้น

“ฉันน่ะ ยังคงคอนเซปไม่เดือดร้อน เพลงของพี่แอมน่ะแก รู้จักไหม
 อยู่มันคนเดียว
ใครมันอยากจะนินทา ใครจะถาก ด้วยวาจา
จะไปห่วงมันทำไม เราจะอยู่ มันลำพัง
เราจะกอด กับลมไป จนมันแก่ จนตายไป
จะไปห่วงทำไมกัน ไม่เดือดร้อน
ไม่มี เรื่องให้ร้อนใจ อยู่อย่างนี้ มันเรื่อยไป
สบายดีเหมือนกัน อยู่กับบางคน
มันประสาทจะกินตาย ที่ต้องเหนื่อย คอยเอาใจ
ที่ไม่ถูกอารมณ์กัน ถ้าต้องอยู่ กับบางคน
ที่ต้องอยู่ ไปวันวัน จะไปอยู่ ทำไมกัน” ปูรณ์ร้องเพลงพร้อมทำหน้ากวนใส่อุ๊

“ส่วนเราเหรอ ไม่มีใครหรอก ทำงานดีกว่า อุ๊ก็รู้ว่าเราชอบทำอะไรคนเดียว แถมเราก็ไม่ค่อยเจอใคร ส่วนมากคนที่เราติดต่องานด้วยก็ติดต่อกันทางเมลทั้งนั้น” ณีนนาราตอบ

“ยัยณีนน่ะเหรอ มันยังคงคอนเซป ขอเพียงเห็นหน้า เห็นเขามีความสุขก็พอแล้ว อย่ามาทำตาเขียวใส่ฉัน ฉันพูดความจริง” ปูรณ์หันมาจิกกัด

“นี่ณีนยังไม่เลิกมีความสุขกับการมองพี่วีเฉยๆ ก็มีความสุขอีกเหรอ” บัวถาม พร้อมกับที่อุ๊หันหน้ามาพยักพเยิดเป็นเชิงถามด้วยอีกคน

“มันจะเลิกได้ไง ทำงานก็เป็นหุ้นส่วนกัน เจอหน้ากันแทบทุกวันแต่มันก็ไม่เคยปริปากบอกความรู้สึกมันต่อพี่วีเลยสักครั้ง อมพะนำมาตั้งแต่ ม.1 จนถึงตอนนี้” ปูรณ์ได้ทีเผาณีนนารา

“ฉันก็แค่ชื่นชมคุณวีน่ะ เป็นผู้หญิงที่เรียนเก่งทำงานเก่ง แล้วแกก็รู้ว่าคุณวีเขาไม่ชอบผู้หญิง เขาป๊อปจะตายสมัยอยู่โรงเรียน ไปอยู่ฝรั่งเศสกับอังกฤษก็มีแฟนเป็นตัวเป็นตั้งหลายคน เพียงแต่เธอไม่มีความคิดที่จะผูกมัดกับใครเท่านั้นเอง”  ณีนนาราพูดออกมาเสียยืดยาว

“แกขอยืนดูอยู่ห่างๆอย่างห่วงๆ ประมาณ
หากเธอสมหวัง...ในวันหนึ่ง
ให้รู้ว่าฉันยังแอบเห็นและชื่นชม
หากเธอท้อแท้...ฉันยังอยู่
หากแม้นไม่เห็นฉัน ....
จงโปรดรู้ไว้ว่า ... เธอใช่อยู่คนเดียว
เบื่อคนดีว่ะ”  ปูรณ์พูดออกมาอย่างเหลืออด

พี่วี หรือ คุณวี วรชญา วิวัฒนา ที่ถูกกล่าวถึงคือ ลูกพี่ลูกน้องของปูรณ์ ที่เรียนโรงเรียนเดียวกับสาวๆทั้ง 5 คน แต่อายุมากกว่า 5 ปี ขณะนี้เป็นเจ้าของบริษัทสื่อสิ่งพิมพ์ขนาดกลางค่อนไปทางเล็กที่ณีนนาราเป็นหุ้นส่วนด้วย ที่ณีนนาราตกลงร่วมลงทุนกับวรชญาก็เพราะเธอเห็นด้วยกับแนวทางของบริษัท ที่มีจุดมุ่งหมายในการตีพิมพ์หนังสือและสื่อช่วยให้ความรู้กับผู้หญิงและเด็ก หรือแนว feminism ตามความรู้ที่วรชญาได้จบปริญญาเอกมา รวมถึงเป็นหัวข้อตอนเรียนปริญญาโทของณีนนาราด้วย ถึงแม้จะจุดมุ่งหมายเพื่อเผยแพร่งานด้าน feminism แต่เพื่อความอยู่รอดของบริษัท จึงมีการแปลนิยายและตีพิมพ์หนังสือที่น่าสนใจอื่นๆด้วย
ตอนที่วรชญาลาออกจากองค์กรระหว่างประเทศ และมีแนวคิดที่จะตั้งบริษัทขึ้น เธอก็เลยให้ปูรณ์มาถามณีนนาราว่าสนใจจะร่วมงานด้วยกันไหม เนื่องจากวรชญาคุ้นเคยดีกับณีนนารา ผู้เป็นทั้งรุ่นน้องที่โรงเรียนและเป็นเพื่อนสนิทกับลูกพี่ลูกน้องเธอ ที่สำคัญณีนนาราเป็นเพียงไม่กี่คนที่เรียนทางด้าน Gender มาโดยตรงเหมือนกับวรชญา
ทันทีที่ได้รับคำชวนณีนนาราแทบจะตกปากรับคำชวนทันที เพราะจะได้ทำงานที่เธอเห็นว่าเป็นประโยชน์ต่อผู้หญิงในประเทศไทย ถึงแม้บริษัทจะอยู่ด้วยการตีพิมพ์สื่อแนว feminism อย่างเดียวไม่ได้ ทำให้หน้าที่หลักของเธอคือหาต้นฉบับที่น่าสนใจมาตีพิมพ์ ณีนนาราตกลงร่วมลงทุนในบริษัทโดยถือหุ้น 30% ของบริษัทอีก 60% เป็นของวรชญา ส่วน 10 ที่เหลือเป็นของปูรณ์ ที่ถูกวรชญามัดมือชกเข้ามาถือหุ้นด้วย ปูรณ์ไม่เคยเข้ามาดูแลกิจการเพราะลำพังงานเขียนบทความลงนิตยสารและงานแปลก็เต็มมือไปหมดอยู่แล้ว พร้อมบอกว่าหุ้น 10 % นั้นเธอยกให้เป็นกรรมสิทธิ์ของณีนนารา หน้าที่ดูแลหลักจึงตกมาเป็นภาระของณีนนารา เพราะณีนนารารับแค่งานแปลเล็กๆน้อยๆ ไม่ได้รับงานสอนหนังสือเป็นอาจารย์พิเศษเหมือนกับ วรชญา แต่อำนาจการตัดสินใจในการตีพิมพ์ต้นฉบับการตัดสินใจสุดท้ายก็อยู่ที่วรชญา แม้วรชญาจะปรึกษากับณีนนาราทุกครั้งก่อนการตัดสินใจก็ตาม

“ณีนเราเชื่อว่าเดี๋ยวณีนต้องมีคนที่ใช่แน่นอน” บัวพูดอย่างมาดมั่น

“อยู่คนเดียวก็สบายดีอยู่แล้ว เราไม่คิดอะไรหรอกบัว” ณีนนาราตอบ
ทั้ง 4 สาวต่างพูดคุยและจิบเครื่องดื่มของแต่ละคนไป จนใกล้ตีหนึ่ง อุ๊กับบัวก็ขอตัวกลับ ส่วนปูรณ์นอนค้างที่ห้องของณีนนารา ซึ่งเป็นเรื่องปกติ

B de Beauvoir 03-06-2012 @Thailand

3 comments:

  1. "แก้คำผิดก่อนละกันนะคะ
    -เธอชินกับการใช้ชีวิตลำพัง
    -ครอบครัวอุปถัมภ์
    -ขะมักเขม้น
    -สิเน่หา
    -ออฟฟิศ
    -ออแกไนเซอร์
    -พยักพเยิด
    -ถึงแม้จะมีจุดมุ่งหมายเพื่อเผยแพร่งานด้าน feminism
    -เพราะจะได้ทำงานที่เธอเห็นว่าเป็นประโยชน์ต่อผู้หญิงในประเทศไทย

    ลองดูอีกทีนะคะ เดี๋ยวจะมาถามประโยคที่ไม่เข้าใจอีกที ^^ "

    แก้ไขแล้วนะคะ ขอบคุณมากค่ะ ส่วนคำว่าอุปถัมภ์ หลงมาได้ไงคิดว่าแก้แล้วทุกคำแล้วซะอีก อ่านไม่เข้าใจก็ทนๆไปหน่อยนะคะ 555+ อย่าว่าคนอ่านไม่เข้าใจเลยบางคำคนเขียนยังงงเลย

    ReplyDelete
  2. ขอบคุณนะคะเดี๋ยวคืนนี้จะลองอ่านตามคำแนะนำค่ะ ตอนเรียนภาษาไทยเราก็แย่ สรุปไม่มีดีวิชาไหนเลย 555+

    เดี๋ยวยังไงพรุ่งนี้จะมาแก้ไขอีกทีคืนนี้ลาไปก่อนค่ะ

    ReplyDelete
  3. เผอิญได้เข้ามาอ่านงานเขียนชิ้นแรกของคุณ
    เขียนได้น่าติดตามดีค่ะ จะรออ่านตอนต่อไป
    เป็นกำลังใจให้ค่ะ


    clearsky

    ReplyDelete