หนังบนชั้นนั้นมีหลายเรื่อง เวลาคนเดินเข้ามาบอกว่าขอยืมหนังไปดูหน่อยสิ แต่บนชั้นมีแต่หนังนอกกระแสคูรจะหยิบอะไรให้เขาเหล่านั้นยืมคะ โดยส่วนตัวก็มีไม่กี่เรื่องที่หยิบไปให้ยืมได้โดยไม่กลัวเพื่อนด่าว่าเอาอะไรมาให้ดูเนี้ย วันนี้เรื่องแรกที่จะมาพูดถึงคือ
Happy Go Lucky
หนังเรื่องนี้เป็นหนังอังกฤษ ฟอร์มเล็ก ของ Mike Leigh (ผู้กำกับ Vera Drake) จริงๆแล้วหนังอังกฤษที่ไม่ได้ร่วมลงทุนก็จัดเป็นฟอร์มเล็กหมด เป็นหนังเกี่ยวกับคุณครูสาวอายุ 30 กว่า ที่คิดในแง่บวกตลอดเวลา ดูไปก็คิดไปว่าจะมีคนอย่างนี้จริงๆบนโลกไหมเนี้ย พร้อมทั้งเล่าเรื่องราวของคนทำงานในอังกฤษอย่างเป็นจริงไม่ใช่เรื่องเพ้อฝัน ดูกันแบบไม่ต้องคิดอะไรให้มากมาย ไม่ต้องคิดว่าผู้กำกับต้องการสะท้อนอะไรในสังคมชนชั้นล่างของอังกฤษออกมา ดูแล้วยิ้มกับความพยายามที่ Poppy ต้องการให้คนอื่นๆมีความสุขกับชีวิต ฉะนั้นเรื่องนี้จริงหยิบมาให้คนอื่นยืมได้อย่างไม่ต้องคิดอะไรมาก ไม่ต้องกลัวว่าคนที่ยืมไปจะไม่ชอบหรือไม่เข้าใจ เพราะหนังเรื่องนี้มันไม่มีอะไรจะเสีย ไม่มีพิษไม่มีภัย ไม่ต้องตีความหลายชั้น
โดยส่วนตัวที่ซื้อดีวีดีมาเพราะ เป็นหนังอังกฤษ, ชอบ Mike Leigh และที่สำคัญที่สุด Sally Hawkins ชอบเธอมาจาก Little Britain กับ Fingersmith หนังเรื่องนี้ถ้าจะดูลึกลงไปก็จะพบถึงประเด็นปัญหาทางสังคมอยู่ด้วยที่พบได้ในสังคมไทยสมัยนี้ ทั้งเรื่องผู้ปกครองปล่อยให้ลูกหลานเล่นเกม ไม่พาออกไปทำกิจกรรมนอกบ้าน ปัญหาทำร้ายกันในโรงเรียน (ที่อังกฤษปัญหานี้รุนแรงมาก เมื่อก่อนเคยคิดว่าปัญหานี้ในเมืองไทยไม่ค่อยรุนแรง แต่เท่าที่เสพย์ข่าวในปัจจุบัน รุนแรงเหมือนกัน) ปัญหาด้านการศึกษา (ซึ่งตอนนี้ในสังคมไทยนั้นต้องการครูผู้สอนที่มีคุณภาพมากกว่า tablet pc) ถ้าจะดูจริงๆหนังเรื่องนี้มันเหมือนยาที่ถูกเคลืบไว้ด้วยช๊อกโกแลต บริโภคได้ง่ายแต่พออมไปสักพักเพื่อพิจารณารสชาติจะพบความขมแฝงไว้ แต่ถ้าเมื่อใดใส่ปากแล้วกลืนเลยก็จะพบแต่ความอร่อย
ถ้าสนใจจะดูแต่ไม่รู้จะหาแผ่นจากไหนก็นี่ค่ะในyoutube มี
ปัญหาการศึกษาน่าจะถือว่าเป็นปัญหาสำคัญเลยนะ
ReplyDeleteแต่ก็ไม่ได้มีการแก้ปัญหาอย่างจริงจังสักเท่าไหร่
เด็กเป็นกำลังของชาติ แต่ไม่ได้รับการปลูกฝังสิ่งที่ดี สิ่งที่ควร
ถูกเลี้ยงด้วยวัตถุ ขาดการอบรมจิตใจ ระเบียบวินัย จิตสาธารณะนี่น้อยมาก เด็กบางคน พ่อ แม่ ไม่ค่อยมีเวลาให้ แต่บางคน พ่อ แม่ ทำให้ทุกอย่าง จนคิดเองไม่เป็น ไม่มีความพอดีเลย
เดี๋ยวไปดูหนังให้จบก่อน
ถ้าครูไทยคิดแง่บวกกันเยอะ ๆ อย่างในหนังก็คงดีนะ
เดี๋ยวนี้คนที่อยากเป็นครูน้อยมั้งคะเหมือนจำใจมาเป็นเลย ไม่ค่อยมีครูที่จิตใจเป็นครู เลยทำให้คิดแง่บวกกันน้อย
ReplyDeleteปัญหาการศึกษาคงแก้ไม่ได้อีกนานนะคะ ใครมีลูกก็แก้ปัญหากันเองแล้วล่ะค่ะ แต่ให้ลูกเรียนอะไรเยอะแยะเกินไปก็ไม่ได้ช่วยอะไรเลย เห็นค่าใช้จ่ายของเด็กสมัยนี้แล้วอยากถามพวกมีลูกเกิน 1 คน ทำงานเท่าไหร่ถึงจะพอค่าใช้จ่ายเนี้ย ขนาดต่างจังหวัดยังเยอะเลย ในกรุงเทพไม่ต้องพูดถึง สังคมเด็กไทยในโรงเรียนมันเป็นสังคมประดิษฐ์มากเกินไปแล้วค่ะ ต้องมีเงิน ต้องมีมือถือ ต้องสวย ต้องมีแฟน เอ่อคือตั้งใจเรียนกันก่อนไหม ทำงานกันก่อนไหม ดีนะคะที่ตอนช่วงเรียนมัธยมต้นเพจเจอร์ตัวอักษรเพิ่งมี พอมัธยมปลายถึงมีมือถือ แต่แม่คงหันมาบอกว่าแกจะบ่นอะไรแกเป็นคนแรกของชั้นเลยมั้งที่มีมือถือ (ก็ต้องป้องกันตัวว่าอยู่บ้านคนเดียว แถมแม่ให้เองไม่ได้ขอสักหน่อย 555)
เราว่าปัญหาแก้ยากนะคะ และเราก็ไม่เห็นเค้าลางเลยนะว่าจะมีอะไรดีขึ้น
ReplyDeleteแต่เราเชื่อนะ ถ้าเราคิดดี ทำดี เป็นคนดี
แล้วเราก็สอนความคิดพวกนี้ให้กับลูกหลาน คนรอบตัวของเรา
ถ่ายทอดสิ่งดี ๆ ความคิดดี ๆ ลูกหลาน คนรอบตัว ก็ถ่ายทอดให้คนอื่น
เราว่าซักวันจะต้องเห็นผลนะคะ เราต้องเชื่อว่ามันจะต้องดีขึ้นคะ