Friday 20 November 2015

ความเหงา และ ความเชื่อ



หลายวันมานี้ไปเจอหัวข้อที่น่าสนใจค่ะ ความเชื่อ กับ ความเหงา บอกก่อนว่าเป็นหัวข้อที่แยกจากกันนะคะ เพียงแต่จะมาเขียนไว้ในบล๊อกเดียว ขอเริ่มต้นด้วย ว่าด้วยความเหงาก่อนละกัน
ความเหงา เราอ่านเจอแฟนเพจหนึ่งที่ดังมากเรื่องธรรมะ ว่า
“แท้จริงแล้วรากเหง้าของความเหงา
ไม่ได้เกิดจากคนอื่นที่ทำให้เราขาดความสุข
แต่เกิดจากเราเองที่ ทำให้คนอื่นมีความสุขไม่เป็น”
เราก็เริ่มหันกลับมามองตัวเองกับความเหงา แล้วเราค้นพบว่าเราไม่เคยรู้จักอารมณ์เหงามานานแล้วนะ จำไม่ได้ว่าครั้งสุดท้ายความเหงามาเยี่ยมเยือนเมื่อไร นี่ไม่ได้บอกว่าตัวเองเป็นคนเก่งอะไร อาจจะเป็นเพราะเราอยู่บ้านใหญ่มีหลายคน สิ่งที่เราต้องการที่สุดคือการอยู่คนเดียว เงียบๆ อ่านอะไรไปคนเดียว ฟังเพลงเก่าๆยุค 90s  

แล้วข้อความที่เขาเขียนมาเราเห็นด้วยไหม เราไม่เห็นด้วยค่ะ เรารู้สึกว่ามีอีกหลายคนที่ทำให้คนอื่นมีความสุขได้ ยิ้มแย้มได้ เขาก็สามารถเหงาได้ ความเหงามันไม่เข้าใครออกใครหรอก อยู่คนเดียวก็อาจจะเหงาแต่บางครั้งอยู่กันหลายคนเหงายิ่งกว่าอีก เราว่าในบางครั้งความเหงามันเป็นจุดก่อเกิดปัญหา ทำให้คนคิดมากขึ้น ในทางกลับกันเราอยากให้มองว่า ความเหงาไม่ใช่สิ่งไม่ดี แต่จะทำให้เรา appreciate กับความรื่นเริงก็ได้นะ แวะมาเยี่ยมบางทีมันก็คงไม่เลวร้ายนัก มันก็เหมือนความอ่อนแอนั่นแหละ เพราะเมื่อเรากลับไปเข้มแข็งเราก็จะรู้สึกดี
ท้ายนี้สำหรับเราความเหงามันคือความรู้สึกไม่ต้องไปหาต้นตอหรอกปล่อยๆมันไปเดี๋ยวก็เลิกเหงาเอง หาอย่างอื่นทำซะ

ความเชื่อ เรื่องความเชื่อนี้เรามีประเด็นมาจากการโจมตีของที่ปารีสเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา อ้อ อาจจะรวมกรณีการเจ็บป่วยของคุณ ปอ ทฤษฎี ด้วย
คุณๆคิดกันไหมคะว่า เราคนไทยถูกสอนให้เชื่อตามหลักพระพุทธศาสนา คือ
กาลามสูตรกังขานิยฐาน ๑๐
๑.อย่าปลงใจเชื่อ ด้วยการฟังตามกันมา (มา อนุสฺสเวน)
๒.อย่าปลงใจเชื่อ ด้วยการถือสีบๆกันมา (มา ปรมฺปราย)
๓.อย่าปลงใจเชื่อ ด้วยการเล่าลือ (มา อิติกิราย)
๔.อย่าปลงใจเชื่อ ด้วยการอ้างตำรา หรือคัมภีร์ (มา ปิฏกสมฺปทาเนน)
๕.อย่าปลงใจเชื่อ เพราะตรรก (มา ตกฺกเหตุ)
๖.อย่าปลงใจเชื่อ เพราะอนุมาน (มา นยเหตุ)
๗.อย่าปลงใจเชื่อ ด้วยการคิดตรองตามแนวเหตุผล (มา อาการปริวิตกฺเกน)
๘.อย่าปลงใจเชื่อ เพราะเข้าได้กับทฤษฎีที่พินิจไว้แล้ว (มา ทิฏฐินิชฺฌานกฺขนฺติยา)
๙.อย่าปลงใจเชื่อ เพราะมองเห็นรูปลักษณะน่าจะเป็นไปได้ (มา ภพฺพรูปตาย)
๑๐.อย่าปลงใจเชื่อ เพราะนับถือว่า ท่านสมณะนี้เป็นครูของเรา (มา สมโณ โน ครูติ)
แต่คนไทยส่วนมากก็ยังงมงายกับสิ่งที่มองไม่เห็น อย่างพวกหมอดู เจ้าเข้าทรง และแม้แต่พระสงฆ์ เอง อ่านข่าวแล้วอเนจอนาถใจจังค่ะ เราโอเคกับการสวดมนต์นะคะ ถือว่าเป็นเครื่องยึดเหนี่ยว แต่การที่หนังสือพิมพ์ออกข่าวขอบคุณพวกบ้าเพราะอาการปอดีขึ้น เราว่ามันไม่ใช่ สื่อไทยทุกแขนงสมควรเลิกให้ค่ากับคนอยากดังพวกนี้ได้แล้วค่ะ
ส่วนกรณีปารีส คือต้องยอมรับว่าปารีสนั้นมีปัญหาเรื่องชนชั้นระหว่างคนมุสลิมกับคนขาว แม้ชาวมุสลิมเหล่านี้จะเกิดในฝรั่งเศสก็ตาม แต่หลายๆอย่างมันมีความเลื่อมล้ำ ทำให้ถูกชักจูงจากพวกคลั่งเอาศาสนาบังหน้า มาทำร้ายประเทศบ้านเกิดเมืองนอนของตัวเอง เรามีความเห็นว่าศาสนาไม่ว่าศาสนาอะไรควรสอนกันแต่พอดี ทั้งพุทธศาสนาและคริสต์ศาสนาด้วย คือเราเจอพวกสุดโต่งทุกศาสนาในชีวิตนะคะ และสุดโต่งนี่หมายถึงทั้งทางด้านเชื่อเกินร้อยกับไม่เชื่อเลย มันไม่ดีกันคนละแบบ เราอยากได้พวกทางสายกลางเยอะๆจัง

ปล.เราไม่ใช่แนวเข้าวัดทำบุณนะคะ แต่อย่างกาลามสูตรนี่เราว่ามันอยู่ในพื้นฐานความเป็นจริงที่เราอ่านแล้วชอบ

ส่วนเพลงเราชอบเพลงนี้นะ ทำดีบ้าง ไม่เบียดเบียน แต่ที่สำคัญที่สุดอย่าทำชั่ว

1 comment:

  1. ง่ายๆ สั้นๆ เราชอบ entry นี้นะ

    ReplyDelete