Wednesday 23 November 2016

แนะนำนิยายยูริที่ยังเขียนไม่จบ ๑



ช่วงนี้ไม่ได้ซื้อนิยายอ่านเลยค่ะ มีหนังสือท่วมหัวจากงานหนังสือที่ผ่านมากับบรรดาหนังสือเกี่ยวกับในหลวงรัชกาลที่ ๙ ออกมาเยอะมากมาย นิยายยูริก็ไม่ได้ซื้อเลยว่าจะเคลียร์บรรดาที่มีอยู่ก่อนค่อยๆซื้อเพิ่ม เงินมีน้อยเราต้องใช้สอยอย่างประหยัด

ช่วงนี้เลยเน้นนิยายอ่านฟรี เรามีมาแนะนำ ๓ เรื่อง ๓ รส เผื่อเป็นทางเลือกให้บรรดานักอ่านที่รอนิยายจากคุณนักเขียนคนโปรดกันอยู่  ส่วนใครนิยมเป็นเล่มเหมือนว่า “สนามกามเทพ” ของ พระจันทร์สีม่วง เปิดจองแล้ว เรารอใน MEB ค่ะ ตอนนี้นิยายยูริเป็นเล่มคงไม่ได้เงินจากเราแน่ๆ อีกหนึ่งเรื่องที่นักเขียนเปิดจองก็ Bitter But Sweet ของ THEK34  เรื่องนี้กลับกลายเป็นว่าเราชอบคู่ แพทตี้กับแคท มากกว่า ร้อนแรงและเผ็ดมาก เรื่องนี้ค่อนข้างมั่นใจว่านิยายมาแน่ๆน้องคนเขียนเขามีสโคปเวลาแน่นอน ส่วนใครเป็นแฟน คิลิน เห็นเปิดตัวบน FB แล้วเรื่องของ จันทรามาริลีน ใครคิดถึงองค์สราญวลีกับบีลันน่าจะมีกล่าวถึงบ้างแน่ๆ หรือจะไปอ่านนิยายสายหื่นฮาของ Ki-Flyn ก็สนุกสนานดีเช่นกันค่ะ 

มาถึงนิยายที่แนะนำบ้าง
๑.    Dare You To Love ของ เคียร์ –Keir-  นิยายความรักระหว่างคุณครูภาษาอังกฤษในโรงเรียนมัธยมชื่อดังกับลูกศิษย์สาว ม.๔ คุณครูผู้ที่ตัวจริงต้องอยู่ข้างในเปลือกต้องระวังตัวกับการแสดงตัวตนเพื่อความนับถือในฐานะแม่พิมพ์ ส่วนนักเรียนผู้เรียบร้อยแต่กล้าเปิดเผยความต้องการและความรัก เรื่องนี้เคียร์อัพนิยายทุกวันอาทิตย์ที่ comeon ค่ะ อ่านได้เรื่อยๆแต่ถ้าจะหา NC คงไม่มีค่ะเดี๋ยวคุณครูจะโดนข้อหาพรากผู้เยาว์ก่อน
๒.    Cotton Candy ของ KTY นิยายอัพทุกวันอาทิตย์ที่ comeon เหมือนเรื่องแรกความรักระหว่าง อดีตพี่สะใภ้กับน้องสาวคนละแม่ของสามี ดูลำดับชั้นงงๆ แต่ KTY ชอบเขียนให้ความสัมพันธ์แบบเกี่ยวกันขั้น ๒ แบบนี้เสมอๆ สนุกงงๆตามแบฉบับของนักเขียนค่ะ
๓.    Sweet Island อลหม่านรักบานฉ่ำ ของ บินละเว/binlaway ในเด็กดี อันนี้ไม่เคยรู้จักคุณนักเขียนมาก่อนแต่พอได้อ่านสนุกดี ภาษาดีมาก พอเสริชดูก็ไม่แปลกใจเขียนดีเพราะมีเรื่อง เวียงร้อยดาว ถูกนำไปเป็นละคร อัพบ่อยด้วย มิเรอิ ที่แอบรัก วิชิตา อยู่เงียบๆตั้ง ๔ ปี เขียนตัวละครให้แบบอ่านแล้วอยากได้มีไหมแถวนี้ ใครนึกไม่ออกก็ แบบเหมือนมีพี่ทรายแห่ง รอกลับมารักเธอ ทั้งสองคน สุดแสนจะ perfect นิยายเรื่องนี้บางทีอ่านไปก็อืมนักเขียนปูแนวทางจะไปทำละครไหมเนี่ย ฉากบู๊นี่นึกว่าดูละครเวอร์วังจริงๆ รู้สึกจะเป็นนิยายยูริเรื่องแรกของคุณนักเขียนเท่าที่เห็นในเด็กดีนะคะ อาจจะมีฟิคหรือเขียนที่อื่นมาก่อนก็ไม่ทราบได้ แต่อ่านเถอะสนุกจริง
ลาไปด้วยเพลง Cool Girl


Thursday 10 November 2016

ชวนดู Deliciously Ella




ชวนดูมารายการทำอาหารกันค่ะ จริงๆแล้วต้องบอกว่าชวนดูสาวทำอาหารกันค่ะ เราเป็นคนชอบดูรายการทำอาหารด้วยที่คิดว่าถ้าพร้อมแบบมีพื้นที่ของตัวเองเราอยากทำอาหารอย่างที่เราชอบกินเอง ตอนนี้ด้วยที่อยู่บ้านหลายคนมากมาย ไม่ค่อยอยากไปหยิบจับอะไรในครัวมากนักเขามีอะไร เขาทำอะไรก็กิน หรือสิ่งที่ทำก็อาจจะต้มบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป ต้มไข่ ทอดไข่ ไม่ก็เอาของเหลือมาทำเป็นข้าวผัด เห็นอย่างนี้เราทำอาหารได้นะคะ ฮาฮา
ปกติเราจะเปิด Youtube ดูวิธีทำอาหารตอนนี้ของ Jamie Oliver กับ Sortedfood ช่วงนี้เปิดไปดูอาหารและขนมที่เป็น superfood หรือ clean food เยอะขึ้น แล้วเมื่อวานมีคลิปแนะนำสำหรับเราคือ “Sweet Potato Brownies

กดไปดูเสร็จ โอ๊ย Ella น่ารักมาก สำเนียง RP English เราโคตรชอบผู้หญิงสำเนียงแบบนี้ ยิ่งผู้หญิงใส่เสื้อเชิ้ต สูง ผมยาวสี brunette ยิ่งกรี๊ด (แม้น้อง Ella จะมีแหวนที่นิ้วแล้วเราก็ยังดู แต่ถ้าไม่มีคงกรี๊ดกว่าเดิม)
หลังจากนั้น google สิคะ รออะไร ปรากฏว่าเจอคลิปที่เธอไม่พูดที่ Oxford Union พูดถึงทำไมถึงมาเขียนบล็อกเกี่ยวกับอาหารแนวนี้ ทำไมถึงมีการทำอาหาร และทำไมถึงทำหนังสือ ปรากฏว่าเธอป่วยค่ะ จากโรคหายากชื่อ Postural tachycardia syndrome พอเธอป่วยก็เริ่มแบบไม่ไหวคิดว่าฉันยังอายุแค่ 20 เพิ่งเรียนมหาวิทยาลัย ยังสนุกกับการใช้ชีวิตเลยเสริชหาวิธีรักษาก็เจอว่าการกินของจากธรรมชาติก็ช่วยรักษาได้นั่นคือจุดเริ่มต้นของการเขียนบล็อก จากคนที่ไม่กินผักผลไม้ กินแต่ขนมและชอบ pick 'n' mixเป็นที่สุด เขียนบล็อกมีคนติดตามมหาศาลจนมาเป็นธุรกิจหลายอย่างของเธอตอนนี้


คลิปนี้ฟังที่มาที่ไปและดูนักศึกษา Oxford ไปด้วยก็เจริญหูเจริญตาดีนะคะ



พอฟังคลิปนั้นเราก็เริ่มคิดละว่า Ella ครอบครัวต้องไม่ธรรมดาก็เสริชสิคะ สรุปเป็นอย่างที่คิดคือพ่อเป็นนักการเมืองที่ค่อนข้างมีชื่อของอังกฤษ ส่วนแม่เป็นคนจากตระกูล Sainsbury เจ้าของ supermarket ดัง ส่วนเรื่องที่ฮือฮาของครอบครัวเธอคือพ่อกับแม่ประกาศหย่ากันตอนปลายปี 2015 (แต่งงานมา 28 ปี) พ่อเธอไปมีความสัมพันธ์กับช่างภาพผู้ชายและ came out เราคิดว่ามันเจ๋งดีนะด้วยสถานภาพทางสังคมและอีกหลายๆอย่าง และ Ella ก็บอกว่าเธอโอเคกับพ่อเธอดีใจที่เขามีความสุข 

ยิ่งอ่านเราก็ยิ่งกรี๊ดElla ดูเป็นคน open-minded ดีแถมไม่แปลกใจเลยทำไมถึงชอบเธอเราจะเป็นพวกมี soft spot กับเด็ก private school ของอังกฤษรักสำเนียง มารยาท (โปรดเข้าใจว่าเป็นความชอบไม่ได้หมายความว่าเราจะเหยียดชนชั้น) ถ้ามีโอกาสไปอังกฤษเราอยากไปลองร้าน Deli ของเธอนะ ไปซื้อขนมคลีนๆทั้งหลายด้วย แรงบันดาลใจในการหัดกินคลีน(บางมื้อ)ในอนาคต อ้อ บางคนเรียกเธอว่าจะเป็น Next Nigella สำหรับเราเธอคงไม่อยากเป็นหรอก คนเราไม่มีใครอยากเป็น Next…. นะ อยากเป็นตัวเองกันทั้งนั้น
เชิญเยี่ยมชม website เธอ https://deliciouslyella.com/

และ IG ดูไปก็อิจฉาความน่ารักของเธอ รีบแต่งงานไปไหนเพิ่ง 24 เอง
https://www.instagram.com/deliciouslyella/?hl=en



ปล.เธอแต่งงานแล้วและก็ไม่แปลกใจที่สามีก็เป็นลูกชายนักการเมืองพื้นเพทางการศึกษาก็ไม่ต่างกัน


Thursday 3 November 2016

จุดเริ่มต้นของคุณอยู่ตรงไหนที่ทำให้กลายมาเป็น “คนชอบอ่านหนังสือ”




เจอกระทู้นี้มาค่ะ ผ่านตาในหน้า timeline มีคนมาตอบหลากหลายทำให้เราหันมามองว่าจุดเริ่มต้นของเราคืออะไร
ต้องบอกว่าที่บ้านค่ะ เพราะผู้ใหญ่ที่บ้านอ่านหนังสือค่ะ ตอนสมัยเด็กๆเป็นที่ชื่นชมของผู้ใหญ่เวลามาบ้านว่าเด็กวัยประถมต้นอย่างเราอ่านหนังสือพิมพ์ แม้จุดเริ่มคือหน้าบันเทิงก็ตาม แต่พอได้อ่านมันก็จะมีข่าวให้ติดตามอ่านเรื่อยๆ สมัยโน้นที่บ้านรับหนังสือพิมพ์รายวัน 3 ฉบับค่ะ ไทยรัฐ เดลินิวส์ และมติชน อีกทั้งยังมีนิตยสารรายสัปดาห์อย่างสกุลไทย มติชนรายสัปดาห์ และนิตยสารรายปักษ์ (เดี๋ยวนี้เด็กๆจะรู้จักคำนี้กันไหม) อย่าง ดิฉัน กับ พลอยแกมเพชร ที่บ้านถือคติว่าจะอ่านอะไรก็อ่านไปเถอะ อีกอย่างไม่ใช่ว่าเขาจะให้อ่านแต่หนังสือสำหรับผู้ใหญ่นะคะ เขาสมัครนิตยสาร “สวนเด็ก” ให้เด็กๆอ่านแต่ดูเหมือนคนอินจะน้อย เพราะดูเหมือนจะมีแค่เราที่ชอบมากยิ่งตอนมีนิยายภาพเรื่องยาว “ชีวิตจำลอง” เราอ่านแล้วลองเอาหลายอย่างไปทำเป็นเมนูกิน
เราแทบจะเป็นไม่กี่คนในรุ่นเดียวกันที่โรงเรียนสมัยมัธยมอ่าน ดิฉัน และ พลอยแกมเพชร สมัยนั้นพวกคนมีชื่อเสียงนี่จำได้หมดจนพี่คนหนึ่งแกล้งแซวว่าจะไปเปิดหนังสือGOSSIPให้ เพราะพูดถึงใครเราก็อ๋อ เมื่อโตขึ้นอยู่ในวัยมีเงินรายอาทิตย์ทุกวันเราจะซื้อหนังสือพิมพ์เข้าไปโรงเรียน แน่นอนเพื่อนิยายตอนเช้าเราก็อ่านคนแรกหลังจากนั้นก็กระจายไปทั่วทั้งชั้น (ชั้นหนึ่งมีไม่กี่ห้อง) ส่วนนิตยสาร The Boy เธอกับฉัน ฯลฯ เราก็เป็นลูกค้าประจำ คงไม่ต้องสงสัยเงินรายอาทิตย์หมดไปกับของพวกนี้เสื้อผ้านี่ไม่ได้เงินเราหรอก
พอย้อนไปดูพฤติกรรมการอ่านหนังสือวัยเด็กทำให้เรารู้ว่าทำไมเราถึง “อ่านหนังสือจับฉ่าย” ขนาดนี้ คืออ่านหมดแต่จะไม่ค่อยเน้นหนังสือวิชาการเนื้อหาหนักๆ ไม่ใช่อ่านไม่ได้นะคะแต่มันเหนื่อยที่จะคิด วิเคราะห์ตาม

เหตุผลที่สำคัญที่สุดคือ ซื้อหนังสืออ่านมันเท่กว่าซื้ออย่างอื่น แต่ก็กระดากปากที่จะเรียกตัวเองว่า NERD หรือ GEEK เพราะเรื่องวิชาการนี่ค่อนข้างโง่ ฮาฮาฮา