เนื่องจากเป็นหวัดงอมแงมค่ะ น่าจะเพราะพักผ่อนน้อยตั้งแต่วันศุกร์แล้วก็โดนฝน เริ่มเจ็บคอตั้งแต่คืนวันเสาร์ ดีนะคะที่วันงานเมื่อวันอาทิตย์ยังไม่มีน้ำมูกไหลย้อย เมื่อคืนเลยทานยาต้องห้ามที่มีซูโดผสม 555 แอคติเฟดแผงสุดท้ายที่มี หลับตั้งแต่ 4 ทุ่ม แต่นอนเร็วหมดฤทธิ์ยาพอ 4 ก็ตื่นแล้วนี่มันอะไรกัน.... ตอนเช้าก็กินไปอีก 1 เม็ด สรุปทำงานแบบเบลอๆค่ะ เลยเอานิยายมาให้อ่าน ตอน1ยังไม่มีเวลาไปอ่านตามที่คุณคอมเม้นมาเลย แต่ถ้าไม่อัพมันดูจะห่างหายนานไปหน่อยเนอะ ทนอ่านไปก่อนละกันนะคะ
บทที่๒
ณ
สนามบินนานาชาติกรุง Oslo ประเทศ Norway
“Ha det fint!”
เบจญ์กล่าวลา Linn ลูกสาวครอบครัวอุปถัมภ์สมัยที่เธอมาเป็นนักเรียนแลกเปลี่ยนที่นอร์เวย์ในปีแรก
และครอบครัวนี้ก็ดูแล ช่วยเหลือหาทุนให้เธอจนเธอได้เรียนจนจบปริญญาโทที่นี่
“Ha en god tur!” Linn
พูดพร้อมกอดอำลา (เดินทางโดยสวัสดิภาพ)
“Tusen takk, bye bye” เบญจ์กล่าวขอบคุณพร้อมเดินเข้าเกทไป
เบญจ์นั่งมองออกไปนอกหน้าต่างจากที่นั่งชั้นประหยัด
โดยมีวัยรุ่นสาวชาวนอร์เวย์นั่งข้างๆ ชื่อ Caro กับ Tonje
จากการพูดคุยเธอทั้งสองจะไปเที่ยวเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ให้ทั่วในระยะเวลา 3 เดือน
เป็นของขวัญที่พวกเธอเรียนจบปริญญาตรีก่อนที่จะต้องมาเผชิญกับการเริ่มต้นช่วงชีวิตใหม่โดยมีคำว่าเป็น
‘ผู้ใหญ่’ แล้วด้วยการหางานทำเลี้ยงชีพ พวกเธอวางแผนกันตั้งแต่ 2 ปีก่อนเรียนจบ ทำงานเก็บเงินเพื่อไปเที่ยว
พวกเธอมีแผนเที่ยวที่กรุงเทพก่อน 3 วัน แล้วก็มุ่งหน้าสู่เกาะเต่า 1 อาทิตย์
นี่คือแผนคร่าวๆหลังจากนั้นพวกเธอยังไม่ได้วางแผน
เบญจ์จึงให้เบอร์มือถือของเธอแก่สองสาวเผื่อมีเรื่องฉุกเฉินอย่างน้อย วัยรุ่น 2
คนจะได้พอมีคนให้แนวทางว่าจะทำอย่างไรดีในที่ๆต่างบ้านต่างเมืองต่างภาษา
บางครั้งทั้งสองสาวอาจจะเจอเหตุการณ์ Lost in translation เหมือนที่เธอเคยประสบมาแล้วก็ได้
เบญจ์นั่งฟังเพลงจากไอพอดของเธอไป
ระยะเวลาประมาณสิบสามชั่วโมงครึ่งนั้นนานพอดูทีเดียวเวลาเดินทางคนเดียว เบญจ์ชอบนั่งฟังเพลงไทยยุคสมัยที่เธอเรียนมัธยมที่เมืองไทย
ฟังแล้วก็คิดว่าเพลงนี้ตรงกับชีวิตช่วงนี้ช่วงนั้นของเธอนะ
อย่างตอนนี้เป็นเพลงเหนื่อย ของวงDouble U เสียงของจั๊ก ชวิน
ทำให้เธอนึกถึงเวลาช่วงก่อนหน้านี้สัก 1 ปี
ที่เธอเริ่มรู้สึกเหนื่อยกับการยื้อความสัมพันธ์ของเธอกับแฟนสาวชาวนอร์เวย์ไว้ Mia
เป็นแฟนผู้หญิงที่เธอจริงจังเป็นคนแรก ในตอนแรกที่ Mia มาบอกเธอว่าเลิกกันเถอะ เพราะ Mia เบื่อกับชีวิตเรียบง่ายของเบญจ์แล้ว
แล้วตอนนี้ก็เริ่มที่จะพูดคุยกับผู้หญิงคนอื่นซึ่งเป็นคนที่เธอไปปรึกษาปัญหาระหองระแหงระหว่างเธอกับเบญจ์นั่นเอง
ในตอนแรกเบญจ์พยายามทำทุกวิถีทางที่จะประคับประคองให้ความสัมพันธ์ให้ยั่งยืนจีรัง
ท้ายที่สุดเธอก็รู้สึกว่าเหนื่อเกินที่จะพยายามแล้ว ในเมื่อมีเธอคนเดียวที่พยายาม
แต่อีกฝ่ายก็พร้อมจะลาจากอย่างเดียว ช่วงนั้นทำให้เธอนั่งฟังเพลงเหนื่อยตลอดทั้งวันทั้งคืน
แต่เบญจ์ไม่ใช่คนที่จะฟูมฟายไม่ยอมรับความจริง ชีวิตต้องก้าวเดินต่อไป
เพียงแต่เธอยังไม่เจอคนที่ใช่ คนที่เธอพร้อมจะยอมทุ่มเทความรักให้อีกครั้ง
มีหลายคนบอกว่าเธอเวลารักใครก็รักมาก ทุ่มเทให้ได้ทุกอย่างแต่เมื่อถึงเวลาตัดขาด
เธอก็ตัดได้อย่างไม่เหลือเยื่อใย พร้อมทั้งขอเวลาทำใจสัก 1 อาทิตย์
เธอก็พร้อมจะมีหนทางใหม่ให้กับชีวิต
เมื่อเครื่องลงจอดที่สนามบินสุวรรณภูมิ
พร้อมได้กล่าวคำล่ำลากับสองสาว Caro กับ Tonje แล้วเบญจ์ก็ออกมารอพี่ชายที่อาสามารับเธอด้วยความเป็นห่วงไม่ยอมให้เธอเช่าลีมูซีนจากสนามบินกลับบ้านเอง
ครอบครัวเธอเป็นชนชั้นกลางที่แม่เป็นครูภาษาไทยโรงเรียนมัธยมชายล้วนมีชื่อแห่งหนึ่ง
และพ่อเป็นเจ้าของบริษัทสถาปนิกเล็กๆ เล็กจริงๆเพราะบริษัทก็ตั้งอยู่ที่บ้านมีพนักงานประจำไม่เกิน
3 คน ถ้างานล้นมือจริงๆพ่อถึงจะไปจ้าง freelance ที่รู้จักกันช่วยทำงานให้ ส่วน บูรณ์
พี่ชายเธอนั้นด้วยความที่เป็นคนเรียนเก่งจึงสอบชิงทุน กพ ไปเรียนที่ฝรั่งเศสตั้งแต่จบ
ม.6 จนกระทั่งเรียนจบปริญญาเอก ตอนนี้ก็กลับมาทำงานที่กระทรวง
พร้อมทั้งรับสอนพิเศษตามมหาวิทยาลัยเอกชนในบางโอกาส สำหรับเบญจ์นั้นถือว่าโชคดีกว่ามากที่สอบชิงทุนแลกเปลี่ยนได้ตอนม.4
และไปนอร์เวย์ตอนม.5 เธอได้เจอกับครอบครัวอุปถัมภ์ที่เอ็นดูเธอเหมือนลูกสาวคนเล็ก
พอหมดระยะเวลาทุนแลกเปลี่ยน ครอบครัวอุปถัมภ์ที่คนพ่อทำงานเป็นอาจารย์ในมหาวิทยาลัยได้หาลู่ทางขอทุนในระดับปริญญาตรีที่
University of Oslo ให้
และให้ที่พักอาศัยแก่เธอโดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายอีกด้วย เบญจ์จึงแค่ทำงานพาร์ททามหลังเลิกเรียน
รวมถึงพ่อ-แม่ยังส่งเงินมาให้เธอใช้เดือนละประมาณ 10,000 บาท อาจจะเยอะในสายตาหลายๆคนแต่ท่านทั้งสองก็ได้คิดคำณวนแล้วว่าถ้าเธอเรียนเมืองไทย
นี่คงจะเป็นค่าเดินทาง ค่ากิน ค่าอยู่ของเธอ
ที่สำคัญพวกท่านก็ไม่ได้ส่งเสียเพิ่มเติมให้พี่ชายของเธอ
เนื่องจากพวกท่านเห็นบูรณ์ได้รับทุนจาก กพ อยู่แล้ว และเป็นลูกชายที่โตพอจะดูแลตัวเองได้
“ไง
รอนานไหมล่ะ พอดีที่จอดรถหายากน่ะ”
บูรณ์กล่าวทักน้องสาว
“ไม่หรอกเพิ่งได้กระเป๋า
เดินออกมารอสัก 10 นาทีไม่นานเกินไปจากนี้” เบญจ์ตอบพร้อมยิ้มให้
เธอไม่เป็นคนจี๋จ๋ากับครอบครัวอยู่แล้ว ถึงบูรณ์จะแก่กว่าเธอ 4 ปี
เธอก็ไม่เคยเรียกเขาว่าพี่
“มีกระเป๋าแค่
2 ใบเล็กๆเองเหรอ”
บูรณ์ถามแบบไม่สนใจคำตอบพร้อมเดินพาเธอไปที่รถญี่ปุ่นขนาดเล็กที่เขาบอกว่าประหยัดน้ำมันดี
หลังจากเก็บกระเป๋าใส่รถเรียบร้อยสองพี่น้องก็มุ่งหน้ากลับบ้านย่านตลิ่งชัน
“ไง
เห็นแม่บอกว่าอาจจะมาอยู่ถาวรไม่ใช่เหรอ ทำไมของมีแค่นี้เองล่ะ”
“ยังไม่แน่หรอกคือมีความคิดว่าอยากกลับมาทำงานที่ไทยถาวร
แต่ก็กลัวทนอากาศ ทนคน ไม่ได้ ถ้าคิดจะอยู่แน่นอนก็จะให้ Linn ส่งของทางเรือมาให้
ตอนนี้ฝากไว้ที่บ้านเขาล่ะ ส่วนมากก็มีแต่หนังสือเสื้อผ้าหนาๆเท่านั้นเอง”
“เราจัดการเรื่องคอนโดให้แล้วนะ”
บูรณ์กล่าวถึงคอนโดที่เบญจ์ซื้อไว้ เมื่อ 3 ปีก่อน
พอทำงานเก็บเงินได้เบญจ์ก็มีความคิดจะซื้อคอนโดใกล้รถไฟฟ้าไว้อยู่เอง
ตอนแรกก็ปล่อยให้พวกฝรั่ง expat เช่า พอตัดสินใจกลับมาเมืองไทย เธอเลยขอให้บูรณ์จัดการหาคนมาซ่อมบำรุง
พร้อมกับซื้อเฟอร์นิเจอใหม่มาใส่ แต่คงประมาณสัก 1
เดือนกว่าเธอจะได้ย้ายเข้าไปอยู่คอนโด เนื่องจากผู้เช่าเพิ่งย้ายออกไปได้แค่ 2
อาทิตย์ ดีนะที่ส่วนมากเธอจะให้เช่าระยะสั้นไม่เกิน 3 เดือน
“ขอบใจนะบูรณ์
แม่กับพ่อคงบ่นเล็กๆเรื่องที่เราจะไม่อยู่บ้านล่ะสิ” เบญจ์ถาม
“นิดหน่อย
เราก็เลยบอกไปว่าเบญจ์จะมานอนบ้านตั้งเดือนหนึ่งก่อนย้ายเข้าคอนโดนี่ก็นานเป็นประวัติการณ์แล้วนะ”
บูรณ์ตอบขำๆ บูรณ์เข้าใจน้องสาวของเขาดี
เบญจ์เป็นคนมีโลกส่วนตัวสูงตั้งแต่เด็กแล้ว
ไม่นานทั้งสองก็มาถึงบ้าน
พ่อกับแม่รอเจอเบญจ์อยู่ทั้งๆที่เวลานี้ก็จะเที่ยงคืนอยู่แล้ว
ทั้งคู่ต่างถามไถ่ถึงการเดินทาง หาอาหารเบาๆให้กิน พูดคุย
ก่อนที่เบญจ์จะขอตัวไปพักผ่อนเมื่อเกือบตีสอง ความจริงเบญจ์ไม่ได้เหนื่อยอะไรมาก
งานของเธอต้องเดินทางบ่อยแถมเวลานี้ที่นอร์เวย์ก็แค่ประมาณสามทุ่มเอง
แต่เธอกลัวพ่อ-แม่เธอจะเหนื่อย พรุ่งนี้เธอตกลงกับครอบครัวไว้แต่แรกแล้วว่าจะไปพักผ่อนที่หัวหินกัน
2 คืน แล้วเบญจ์จะอยู่ต่อพักผ่อนคนเดียวจนครบอาทิตย์
B de Beauvoir 12-06-2012 @Thailand
เป็นเรื่องที่แต่งขึ้นทั้งสิ้นนะคะ และลิขสิทธิ์ก็เป็นของคนแต่งทั้งหมดค่ะ
ชอบหนีไปเล่นน้ำฝนคนเดียว ไม่ชวนกันมั่ง เลยเป็นหวัดอีกแล้ว :P
ReplyDeleteเดี๋ยวนี้มียาแก้หวัดแบบทานแล้วไม่ง่วงนะคะ พักผ่อนเยอะ ๆ ดื่มน้ำมาก ๆ เดี๋ยวก็หายค่ะ
วันนี้ลงบทที่ 2 งั้นพรุ่งนี้ก็จะได้อ่านบทที่ 3 ใช่ไหมคะ 555
น้ำฝนไม่ได้อยากเล่นเลย ถ้าน้องน้ำฝนก็ว่าไปอย่าง :p ล้อเล่นค่ะ
Deleteยาแก้หวัดนี้มีอยู่แล้ว กินของเก่าน่ะค่ะ
ตอบจริงๆคือไม่รู้ว่าจะเอาตอน3 มาลงเมื่อไหร่ เพราะคิดว่าอาจจะรีไรท์ แต่ก็กำลังจะว่ารีไรท์ดีไหม ตอนนี้ดูเป็นคนเยอะ ;) ยังหาจุดลงตัวไม่ได้ เพราะถ้าคิดว่ารีไรท์คงประมาณเขียนใหม่หมดเลย 555+ หรือจะลงไปให้คุณอ่านไปเรื่อยๆก่อนดี คงขอเวลาไปรักษาหวัดก่อน อาการแย่ค่ะ
ช่วงนี้พักผ่อนเยอะ ๆ นะคะ ให้หายจากอาการหวัดก่อน แล้วค่อยมาแต่งนิยายต่อคนอ่านไม่รีบค่ะ ^^
Deleteมีคนเคยแนะนำให้ทานวิตามินซี แล้วจะหายเร็ว คุณลองทานดูนะคะ
คืนนี้นอนหลับฝันดีค่ะ ตื่นเช้ามาขอให้หวัดหายไป :)
ตามมาอ่านตอนที่สอง จบตอนเร็วจัง
ReplyDeleteกำลังติดตามเรื่องราว รอลุ้นว่าเบญจ์จะเจอกับณีนอย่างไร
หายป่วยเร็วๆนะคะ
clearsky
ยินดีที่มีคนหลงเข้ามาอ่านค่ะ ตอนสองจบเร็วเพราะคนเขียน กะๆเอาเวลาเขียนค่ะ ว่าน่าจะจบตอนประมาณหน้านี้ เป็นคนไม่ค่อเรียบร้อยเท่าไหร่
Deleteวันนี้เป็นอย่างไรบ้างคะ อาการดีขึ้นบ้างรึยัง ทานยาแล้วนอนพัก สู้ สู้ ค่ะ ^^
ReplyDeleteวันนี้วันพฤหัสเริ่มดีขึ้นแล้วค่ะ เพื่อนที่เป็นสัตว์แพทย์วินิจฉัยอาการทาง fb เลยนะคะสั่งให้ไปซื้อยามากิน เพื่อนคนอื่นเลยแซวว่านี่คนนะไม่ใช่หมา แมว 555+
Delete"ดีนะคะที่มีเพื่อนเป็นหมอ 555 ยังไงก็ต้องมีความรู้เรื่องยาอยู่แล้ว ;)
Deleteเสาร์ อาทิตย์ ที่ผ่านมาก็พาแมวไปหาหมอ เธอไม่กินอะไรมา 2 วันแล้ว ผอมมาก ไม่ร้อง ไม่หนีไปเที่ยวด้วย นอนอย่างเดียว หมอบอกว่าเป็นปอดอักเสบ ไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่าแมวก็เป็นโรคแบบนี้ได้ โดนพ่นยา ฉีดยา ไป 2 วัน วันจันทร์นัดดูอาการอีก ถ้ายังหายใจไม่ดีขึ้นจะทำเรื่องส่งตัวไป รพ.สัตว์จุฬา เพราะอาจจะโดนตีแล้วกระบังลมฉีก ปรากฎว่าเธอมีแรงขึ้นหน่อยก็หนีไปนอกบ้านแล้ว 555 คงกลัวจะโดนเอ็กซเรย์ ตอนนี้ก็จะกลับมาบ้านเฉพาะตอนหิว คงไม่เป็นอะไรแล้วมั้ง
ดีใจด้วยนะคะ ใกล้จะหายป่วยแล้ว ระวังอย่าให้โดนฝนอีก
take care ค่ะ :)
* หายป่วยแล้วต้องรีบลงตอนต่อไปนะคะ มีแฟนนิยายเป็นของตัวเองแล้ว ;)"
ก็เชื่อว่าหมอหมากับหมอคนคงไม่ต่างกันเท่าไหร่555+
น้องแมวออกซ่าได้ก็คงไม่เป็นไรมากมั้งคะ ที่บ้านมีหมาตัวเล็ก 1 ตัวของน้องลูกพี่ลูกน้องกันค่ะ แต่เราก็เล่นด้วย เดี๋ยวจะมีมาอีกตัวเขาบอกว่าเอามาเป็นเพื่อนกับตัวนี้
ส่วนในบริษัทแมวเพียบเลย เราจับหมาได้แต่ไม่เคยจับแมวเลยค่ะ
หายป่วยก็ยังไม่หายทีเดียวหรอกค่ะ แต่ดีขึ้นแล้ว อาศัยช่วงนี้เป็นเด็กอนามัยมาก นอนตั้งแต่สี่ทุ่มทุกวันเลยค่ะ
ส่วนแฟนนิยายสงสัยจะมีใครไปเกณฑ์มาอ่าน555+ แต่กลัวทำให้คนอ่านผิดหวัง จริงๆนะคะ
ตอนที่สามพรุ่งนี้มะรืนนี้คงเอามาลงค่ะ ขอไปเป็นเด็กอนามัยรักษาตัวให้หายขาดสักวันสองวันก่อนนะคะ เคลียร์งานด้วยท่วมโต๊ะมากๆ
"เป็นนิยายเรื่องแรก เราว่าแค่กล้าที่จะเขียนก็เก่งแล้วนะคะ ส่วนอะไรที่คุณคิดว่ายังไม่เข้าที่เข้าทางก็ปรับปรุงได้นี่ค่ะ :)
ReplyDeleteเช้านี้มานั่งดูคลิปรายการเจาะใจ ยิ่งดูก็ยิ่งชื่นชมพลังใจของคุณเจี๊ยบ วรรธนา เป็นคนที่มีสติ คิดบวกได้แม้จะต้องเผชิญกับทุกข์ครั้งใหญ่ในชีวิต และเราคิดว่าคุณเจี๊ยบ เป็นแม่ที่เลี้ยงดูลูกได้ดีคนนึงเลยค่ะ "
ค่ะจะพยายามปรับปรุงแน่นอนค่ะ แต่ที่สำคัญคือต้องเขียนให้จบก่อน 555+ อันนี้สำคัญที่สุดค่ะ เสาร์-อาทิตย์นี้ว่างๆจะนั่งเขียนเพิ่มดูค่ะ
ไม่ได้ดูที่คุณเจี๊ยบมาออกรายการเจาะใจเลยค่ะ ยังไงจะไปหามาดู แต่เท่าที่คุณเจี๊ยบโพสใน fb เราก็เชื่อว่าเธอเป็นคนที่เข้มแข็งเพื่อลูกๆ พลังใจเต็มเปี่ยมค่ะ น่าจะพาลูกไปเกาหลีมา แอบอิจฉา 555