สรุปแล้วรางวัลที่อยากได้คือนิยายตอนใหม่ใช่ไหมคะ
งั้นนี่เลยค่ะรางวัลมาอัพให้ก่อนไปกินข้าวกลางวัน แต่ตอนนี้ยังไม่ได้ตรวจทานอย่างละเอียดเท่าไหร่นะคะ
อาจจะมีพิมพ์ผิด เขียนไม่เข้าใจ ก็ทนอ่านไปละกันนะคะ
บทที่ ๑๑
เบญจ์กับณีนนาราตกลงที่จะอยู่เที่ยวทะเลด้วยกันอีก
2 วัน ก่อนที่จะต้องกลับไปทำงานให้เสร็จเรียบร้อย
“คืนนี้นอนกับเบญจ์นะคะ
ไม่ต้องไปเปิดห้องใหม่หรอกเสียดายเงินห้องนี้ออกกว้างขวาง นะคะๆ”
“แล้วจะนอนยังไงล่ะคะ
ห้องนี้มีเตียงเดียวนี่นา”
“นอนได้สิคะเบญจ์นอนไม่ดิ้นนะคะ
จะนอนเฉยๆไม่ก่อกวนอะไรเลยรับรองค่ะ”
เบญจ์หันไปจับมือณีนนาราพร้อมส่งสายตาอ้อนวอนไปให้
“ไม่เป็นไรค่ะ
เบญจ์ไม่ก่อกวนเดี๋ยวณีนก่อกวนเอง”
ณีนนาราพูดแบบหน้าตายแล้วยักคิ้วให้เบญจ์
“โอ๊ย
ณีนพูดอย่างนี้เป็นด้วยเหรอเนี้ยะ ไปกินข้าวเย็นกันดีกว่า
คืนนี้จะได้มีเวลานั่งคุยกันนานๆ”
เบญจ์พูดแล้วรีบมาจูงมือณีนนาราออกไปห้องอาหาร
สองสาวไปนั่งกินข้าวกันที่ห้องอาหารของโรงแรมเพราะณีนนาราบอกว่าเหนื่อยไม่อยากออกไปข้างนอก
เนื่องจากเมื่อเช้าตื่นแต่เช้าขับรถมาที่นี่ เมื่อทั้งคู่กินอาหารเสร็จจึงรีบกลับไปพักผ่อนที่ห้อง
“เหนื่อยเหรอคะ
ไปอาบน้ำก่อนไหมจะได้นอนพัก พรุ่งนี้จะได้ตื่นแต่เช้าไปดูพระอาทิตย์ขึ้นกันไงคะ”
“ไม่อะยังไม่อยากอาบน้ำ
ขอนั่งดื่มชา Camomile กับดูดาวได้ไหมคะ”
“ได้เลยค่ะ
เดี๋ยวเบญจ์โทรไปสั่ง room service ให้นะคะคนดี แต่วันนี้ไม่ดื่มไวน์เป็นเพื่อนเบญจ์หน่อยเหรอ”
“ไม่ค่ะ
ไม่อยากเมาเดี๋ยวโดนเบญจ์แกล้ง”
เมื่อ room service นำเครื่องดื่มมาส่งทั้งคู่จึงนั่งอยู่ริมระเบียงจิบเครื่องดื่มไปดูดาวไป
“เอ่อ ณีนคะ” เบญจ์อึกอักพยายามจะพูดอะไรบางอย่าง
“มีอะไรคะ
ดูทำท่าเข้า”
“คือว่า เบญจ์ขอกอดณีนได้ไหมคะ” เบญจ์ตัดสินใจรีบพูดออกไป
“โหยเรื่องแค่นี้เองได้อยู่แล้วค่ะ
มานี่มาณีนกอดเบญจ์เอง ณีนอาจจะแสดงออกไม่เก่งหรือไม่แสดงออกเวลาอยู่ในที่สาธารณะแต่ไม่ได้หมายความว่าณีนไม่รักนะคะ
ณีนเคยบอกแล้วว่าเวลาณีนรักใครนั้นณีนก็จะทุ่มให้เกินร้อยค่ะ” ณีนนาราหันไปกอดเบญจ์พร้อมหอมไปที่ขมับของเบญจ์
“ไม่เอาอะค่ะแค่หอม
อันนี้เพื่อนเขาหอมกัน เป็นแฟนกันต้องทำอย่างนี้ต่างหาก”
เบญจ์หันไปจุมพิตที่ปากของณีนนาราครั้งแล้วครั้งเล่าโดยที่ณีนนาราเอาแต่หัวเราะ
เมื่อเบญจ์เห็นณีนนาราไม่ขัดขืนแล้วจึงรวบรวมความกล้าสอดใส่ลิ้นเข้าชิมความหวาน
ทั้งคู่จุมพิตกันอย่างดูดดื่มแล้วณีนนาราก็ผลักตัวออกห่างด้วยอาการหายใจไม่ทัน
“พอแค่นี้ก่อนนะคะ”
ณีนนาราเอ่ยขอร้อง พร้อมด้วยอาการหน้าแดง และหายใจไม่ทัน
“ค่ะ
ขอโทษนะคะ” เบญจ์ขอโทษแต่ยังคงนั่งกอดณีนนารา ก่อนที่จะตัดสินใจขอตัวไปอาบน้ำก่อน
สองสาวตื่นขึ้นมาตั้งแต่เช้าตรู่เพื่อที่จะจูงมือไปดูพระอาทิตย์ขึ้นด้วยกัน
ณีนนารามีโทรศัพท์ตามจากวรชญาให้ไปพบพรุ่งนี้เช้า ทำให้ทั้งสองตัดสินใจกลับกรุงเทพตั้งแต่บ่ายวันนี้เลย เบญจ์ขับรถไปส่งณีนนาราที่คอนโด
พอถึงคอนโดแล้วก็ไม่ยอมกลับบอกว่าพรุ่งนี้คอยเอารถไปคืนที่บ้าน
ขออยู่กินข้าวเย็นกับณีนนาราก่อน ณีนนาราตกลงเพราะใจจริงเธอก็อยากมีใช้เวลากับเบญจ์ให้มากอีกนิด
แต่เธอเหนื่อยเกินกว่าที่จะทำอาหารทั้งคู่เลยสั่งพิซซ่ามากิน
ถือว่าเป็นการทำความรู้จักนิสัยใจคอกันอีกนิด เพราะณีนนาราชอบ Pepperoni ส่วนเบญจ์ชอบ
Original แค่ Cheese กับ Tomato ทั้งคู่นั่งดูโทรทัศน์กันอีกสักพัก
ณีนนาราไม่อยากให้เบญจ์ขับรถดึกจึงขอร้องแกมบังคับให้เบญจ์คอนโดได้แล้ว
แถมตอนเช้าเบญจ์ต้องขับรถไปคืนที่บ้านอีก
“ไล่กันจังเลย
กลับก็ได้แต่ขอกอดทีนะคะ” เบญจ์วิ่งไปกอดแล้วแอบหอมแก้ม ทำให้ณีนนาราเขินหน้าแดง
“ขี้โกง
กลับไปได้แล้วค่ะถึงห้องอย่าลืมโทรมาบอกนะคะ พรุ่งนี้เจอกันค่ะ
ณีนไปสำนักงานแต่เช้าเลย”
เบญจ์โทรมารายงานตัวเมื่อถึงห้องแล้ว
“คิดถึงนะคะ
แล้วก็นอนหลับฝันดีค่ะ”
“เช่นกันค่ะ”
“เช่นกันนี่ยังไงคะ
คิดถึงเหมือนกันหรือนอนหลับฝันดีคะ” เบญจ์แกล้งถามเพราะรู้ดีว่าณีนนาราเขินที่จะพูดออกมา
“ทั้งสองอย่างค่ะ
ไปนอนแล้วนะคะ ราตรีสวัสดิ์ค่ะ”
วันรุ่งขึ้นณีนนาราไปพบวรชญาตั้งแต่เช้า
เนื่องจากเธอมีโครงการณ์ใหม่ที่คิดว่าน่าสนใจจึงมาปรึกษาณีนนาราให้หาผู้ที่เหมาะสมมารับทำงานชิ้นใหม่นี้
เมื่อคุยงานกันเสร็จประมาณ 11.00 น. ณีนนาราเปิดประตูห้องเข้ามาเจอเบญจ์นั่งยิ้มรออยู่ที่ห้องทำงานแล้ว
พร้อมชวนไปกินอาหารกลางวันร้านประจำของทั้งคู่ เมื่อทั้งคู่ไปถึงร้านอาหาร
ณีนนาราแปลกใจที่เห็นปูรณ์นั่งรอที่ดต๊ะอยู่แล้ว
“มาได้ยังไงเนี้ยะยัยปูรณ์”
“เบญจ์ชวนมาเองล่ะค่ะ
มาเลี้ยงขอบคุณ ถ้าไม่ได้ปูรณ์
ณีนก็คงยังนิ่งเฉยไม่แสดงความรู้สึกให้เบญจ์รู้เหมือนเดิม”
“ใช่ๆ
นี่ผู้มีพระคุณนะ” ปูรณ์พูดพร้อมยิ้มกวนๆส่งมาให้เพื่อนรัก
“จ้า
ผู้มีพระคุณ ถือว่าฉันเลี้ยงตอบแทนที่อุตส่าห์ขับรถไปส่งที่ปราณละกัน”
ทั้งสามคุยกันเรื่องสัพเพเหระ
โดยเบญจ์จะโดนปูรณ์แซวตลอดเวลากับการเอาใจณีนนาราอย่างออกนอกหน้า
“นี่เบญจ์อย่าเอาใจณีนมันมากเดี๋ยวมันเคยตัว
ส่วนแกคุณณีนนาราหัดแสดงความรู้สึกเยอะๆหน่อยนะเดี๋ยวเบญจ์เขาจะเบื่อแล้วทิ้งแกไปฉันขี้เกียจปลอบ”
“เออ คุณศิราณี
แต่จะช่วยฉันมากถ้าแกเลิกเปลี่ยนแฟนทุกปีเหมือนกันนะ ฉันขี้เกียจนั่งฟังแกระบาย”
ณีนนาราสวนกลับไป
“กลับเถอะอิ่มแล้ว
ฉันมีงานต่อด้วย
แถมนั่งเป็นก้างระหว่างข้าวใหม่ปลามันตามันร้อนน่ะ”
ปูรณ์บอกพร้อมเรียกพนักงานมาเก็บเงิน
“ขับรถมาหรือเปล่า”
“อืม
เดี๋ยวต้องไปหาแม่ที่บ้านก่อน แล้วไปธุระต่อ” ปูรณ์ตอบ
“ฝากความคิดถึง
แม่กับน้องปาล์มด้วยนะ”
“จะกลับไปสำนักงานอีกไหมคะ”
เบญจ์หันไปถามความเห็นจากแฟนสาว
“ไม่อะค่ะไปเดินเล่นแล้วกลับคอนโดกันเถอะ”
ทั้งสามจึงแยกย้ายกันโดยปูรณ์มีธุระที่สำนักพิมพ์แห่งหนึ่ง
ส่วนณีนนารากับเบญจ์ตัดสินใจที่จะไปเดินย่อยอาหารแล้วค่อยกลับคอนโด
“ร้อนจังเลย
ขอไปล้างหน้าล้างตาหน่อยนะคะ”
เบญจ์เอ่ยขอเจ้าของห้อง
“จะอาบน้ำไหมคะ
เบญจ์น่าจะใส่เสื้อผ้าของณีนได้”
“งั้นรบกวนด้วยนะคะ
ขออาบน้ำแล้วจะได้มีแรงแปลงานบทสุดท้ายให้คุณเจ้านายให้เสร็จเสียที”
ณีนนาราจัดเตรียมเสื้อผ้าให้
เบญจ์ไปอาบน้ำแต่งตัวแล้วมาทำงานต่อให้เสร็จโดยมี ณีนนารานั่งอ่านหนังสืออยู่ข้างๆ
นานๆครั้งเบญจ์จะหันมาปรึกษาว่าควรใช้คำไหนในการแปลดี
เมื่องานเสร็จก็ใกล้หนึ่งทุ่มแล้ว ณีนนาราเตรียมทำอาหารค่ำไว้แล้ว
“รู้งี้มานั่งแปลข้างๆณีนตั้งนานแล้ว
งานเสร็จไวมากเลยค่ะ ณีนทำอะไรกินคะหอมสุดๆ”
“ไก่ผัดเม็ดมะม่วงหิมพานต์กับข้าวกล้องค่ะ
แล้วก็มีซุปมิโซะใส่เต้าหู้ไว้แก้ติดคอค่ะ”
“หิวเลยค่ะ”
เบญจ์บอกพลางลูบท้องทำท่าว่าหิวมาก
ทั้งคู่กินอาหารกันไปคุยกันไป
เบญจ์อาสาล้างจานเมื่อกินเสร็จแล้ว
ณีนนาราจึงขอตัวไปอาบน้ำแล้วจะได้ออกมานั่งดูหนังด้วยกัน โดยเบญจ์เป็นคนเลือกหนังเรื่อง
La Vie En Rose
หนังอัตชีวประวัติของ Edith Piaf นักร้องชื่อดังชาวฝรั่งเศส
ทั้งคู่นั่งดูหนังกันไปเงียบๆ เมื่อหนังจบก็ประมาณ 22.30 น.แล้ว
“ณีนมีหนังเยอะเลยนะคะ
สงสัยทีหลังเบญจ์ต้องมาขอดูบ่อยๆแล้ว”
“ดึกแล้วนะคะ
จะกลับคอนโดยังไง ณีนเป็นห่วงไม่อยากให้นั่งแท๊กซี่กลับดึกๆ”
“งั้นนอนที่นี่ได้ไหมคะ
สัญญาว่าจะไม่ดื้อเชื่อฟังณีนทุกอย่างเลย”
“ก็ได้ค่ะ
แต่ต้องไม่ดื้อจริงๆนะคะ” ณีนนาราจึงปิดไฟให้เบญจ์ไปล้างหน้าแปรงฟัน
“เรียบร้อยแล้วค่ะ
นอนได้หรือยังคะ ขอ goodnight kiss
ด้วยนะคะ” เบญจ์ทำหน้าเจ้าเล่ห์
“เดี๋ยวโทรไปให้ปูรณ์ขับรถมารับไปส่งที่คอนโดเลยนี่” ณีนนาราขู่
“นะคะ แค่ goodnight kiss เอง”
“ก็ได้ค่ะ”
ณีนนาราหันไปหอมแก้มคนที่นอนอยู่ข้างๆ
“อันนั้นkiss แบบเด็กๆ
ต้องแบบนี้สิคะ”
เบญจ์หันไปจุมพิตที่ปากพร้อมบดขยี้ด้วยความร้อนแรงจากความต้องการภายในใจ อารมณ์ที่เตลิดไปตามของณีนนาราทำให้ทั้งสองใช้มือลูบไล้ไปทั่ว
จนกระทั่งณีนนารารู้สึกตัว
“ไหนว่าจะไม่ดื้อไงคะ”
“ไม่ดื้อค่ะ
ขอแค่กอดนอนนะคะคืนนี้ ไม่ทำอะไรถ้าณีนไม่อนุญาตค่ะ”
เบญจ์ดึงตัวณีนนาราเข้ามากอดเพื่อหยุดอารมณ์ของตัวเอง
แล้วเอื้อมมือไปปิดไฟที่หัวเตียง ณีนนารากล่าวขอบคุณพร้อมหอมแก้ม
แล้วก็หลับไป
ส่วนเบญจ์พยายามข่มตาให้หลับเธอนอนลูบผมณีนนาราเหมือนกล่อมให้นอน
จนเผลอหลับไปโดยไม่รู้ตัว
ทั้งคู่ดำเนินชีวิตตามกิจวัตร
ถึงแม้เบญจ์จะแปลงานเสร็จเรียบร้อยแล้วเธอยังคงไปที่สำนักงานทุกวัน
จนทุกคนที่สำนักงานรู้ว่าทั้งสองสาวเป็นแฟนกัน
โดยณีนนาราบอกว่าเราไม่จำเป็นต้องไปบอกใครต่อใครว่าเธอทั้งสองเป็นอะไรกัน
แค่การแสดงออกก็น่าจะพอแล้ว ณีนนารายังคงมีนัดไปกินข้าวกับปูรณ์ทุกอาทิตย์
เบญจ์ไม่ได้ตามณีนนาราไปด้วยตลอดเวลาเพราะเธอเชื่อว่าเพื่อนรักทั้งสองคงมีอะไรคุยกันเพียงลำพังบ้าง แค่ณีนนาราพาเธอไปพบเพื่อนๆกลุ่มของเธอแล้วแนะนำว่าเป็นคนรู้ใจก็เพียงพอแล้ว
เบญจ์มีนัดไปกินข้าวกับครอบครัว
เธอจึงมาชวนณีนนาราไปด้วยกัน ในตอนแรกณีนนาราไม่แน่ใจว่าสมควรไปดีหรือไม่
“ไปเถอะค่ะ
ถ้าณีนยังไม่อยากเปิดตัวว่าเป็นคนพิเศษของเบญจ์ เบญจ์ก็จะบอกว่าณีนเป็นเพื่อนนะคะ เบญจ์อยากให้พ่อ-แม่ กับบูรณ์รู้จักณีน แถมครอบครัวเบญจ์เคารพในการตัดสินใจที่จะรักไม่ว่าคนๆนั้นจะเป็นเพศอะไรก็ตามค่ะ”
“ที่ณีนไม่กล้าไปก็กลัวว่าบ้านเบญจ์จะรับไม่ได้ค่ะ
เพราะที่บ้านณีนเขารับกับทางเลือกในชีวิตของณีนไม่ได้ ถ้าเบญจ์บอกไม่มีปัญหา ไปกันได้เลยค่ะ” ณีนนาราเปิดใจกับเบญจ์
ณีนนาราได้รับการต้อนรับที่ดีจากครอบครัวเบญจ์
เป็นสิ่งที่เธอไม่เคยได้รับความเข้าใจเช่นนี้จาก พ่อ-แม่ของเธอเลย
ถึงแม้พี่ชายกับน้องสาวจะเข้าใจในตัวเธอแต่ทั้งคู่ก็ไม่กล้าที่จะช่วยพูดให้ผู้ให้กำเนิดยอมรับในสิ่งที่เธอเป็น ขนาดจะนัดออกมากินข้าวพี่ชายกับน้องสาวยังต้องบอกไปว่ามีนัดกับเพื่อน
ทุกวันเกิดของพ่อหรือแม่ณีนนาราจะเข้าไปกราบสวัสดีพร้อมกับของขวัญเล็กๆน้อยที่เธอจะสรรหามาได้
แต่ก็ได้แค่คำว่าขอบคุณ ทีหลังไม่ต้องลำบากกลับมา
ไม่มีการกอดแสดงความรักความอบอุ่นมาให้เธอนานมาแล้วตั้งแต่ณีนนาราบอกเพศสภาพของเธอออกไป
B de Beauvoir 29-06-2012 @Thailand
หวานๆกันก่อนหยุดพักผ่อนนะคะ