25 พฤศจิกายน วันรณรงค์ยุติความรุนแรงต่อเด็กและสตรีสากล
ช้าไป 4 วัน ที่จะเขียนถึง “International
Day for the Elimination of Violence Against Women”
หรือทั้งเดือนนี้คือเดือนแห่งการยุติความรุนแรงต่อเด็กและสตรีในประเทศไทย
คุณรู้หรือไม่ว่าตามสถิติของภาครัฐที่ได้รับการแจ้งว่ามีการกระทำความรุนแรงต่อเด็กและสตรีจะมีประมาณ
30,000 กว่าเคส
ซึ่งก็ทราบๆอยู่ว่าสถิติภาครัฐเชื่อไม่ค่อยได้เพราะตามสถิติที่มีการค้นคว้าคือ
จะมีการกระทำการรุนแรงทุก 15 นาที เท่ากับ 1 ชั่วโมง 4 ครั้ง 1 วัน 96 ครั้ง 1 สัปดาห์ 672 ครั้ง 1 เดือน 20,160 ครั้ง
และ 1 ปี จะมีการทำความรุนแรงต่อเด็กและสตรีถึง 7,358,400 ครั้ง
(เจ็ดล้านสามแสนห้าหมื่นแปดพันสี่ร้อย) ดูตัวเลขแล้วน่าตกใจไหมคะ
คือเรานั่งกดเครื่องคิดเลขเองยังตกใจเลยค่ะ
จริงอยู่ที่การยุติความรุนแรงคงทำให้หมดไปไม่ได้ภายในหนึ่งวันหรือหนึ่งเดือน
แต่ก็จะเป็นการย้ำเตือนให้บุคคลที่ไม่ได้ทำร้ายหรือถูกทำร้ายนิ่งเฉย
เพิกเฉยอย่าไปเห็นว่าการทำร้ายกันในครอบครัวไม่ใช่เรื่องของเรา
เป็นเรื่องภายในครอบครัว เพราะการนิ่งเฉยถือว่าเป็นการรุนแรงอย่างหนึ่ง
ฉะนั้นถ้าพบเห็นการกระทำรุนแรงแจ้ง 1300 ได้เลยค่ะ แจ้งเป็น anonymous ได้เลยไม่ต้องแจ้งชื่อที่อยู่ถ้ากลัวไม่ปลอดภัย
วันนี้เป็นวันสุดท้ายของเทศกาลหนัง Bangkok
International Film Festival on Ending Violence Against Women and Girls ที่ เซ็นทรัลเวิล์ด คงไปดูไม่ทันแล้วเราจึงเอาหนังสั้นฝีมือคนไทยมาแบ่งปัน
ส่วนเพลงนี้ Behind the wall แต่งและร้องโดย Tracy Chapman อัลบัมนี้ตั้งแต่ปี
1988 ปัญหา domestic violence ก็ยังคงมีอยู่
เมื่อก่อนคนโทรไปแจ้งคงกลัวว่าจะโดนบอกว่าปัญหาผัวเมียไม่ต้องยุ่ง
แต่ไม่ต้องกลัวแล้วนะคะ ทำร้ายร่างกายยังไงก็ผิดไม่มีคำว่าปัญหาภายในครอบครัว
เราเป็นคนนึงที่ไม่ชอบการใช้ความรุนแรงค่ะ. ไม่ว่าเพศไหนกระทำต่อเพศไหน
ReplyDeleteในเมื่อมนุษย์ได้ขึ้นชื่อว่าเป็นคน. ต่างสื่อสารกันด้วยภาษา. ทำไมจึงต้องใช้การสื่อสารด้วยการลงไม้ลงมือ เพื่อ? เพื่อที่ฝ่ายที่แข็งแรงกว่าจะเป็นผู้ชนะและสยบผู้อ่อนแอกว่า
ถ้าคนเราคิดซักนิดก่อนลงมือกระทำตามส่วนต่ำของจิตใจ. ว่าคนที่โดนกระทำก็มีความรู้สึกเช่นกัน. และถ้าหากเราโดนกระทำบ้างจะรู้สึกอย่างไร
เรื่องตบตีกันในครอบครัวไม่ใช่เรื่องปกตินะคะ. แต่เป็นความรุนแรงที่ไม่สมควรเกิดขึ้นเลยในสถาบันเล็กๆของสังคม สังคมเล็กๆ ที่สมควรจะมีความรักและเข้าใจกัน. และถ้าไม่เข้าใจก็ควรจะพยายามสื่อสารด้วยการพูดคุย และแสดงความรู้สึกนึกคิดออกมามากกว่าค่ะ
เราเชื่อเรื่องในการทำโทษนะคะ แต่เรื่องทำร้ายร่างกายเรานี่รังเกียจค่ะ ไม่เข้าใจว่าพวกเขาที่ทำนี่ได้รับการสั่งสอนกันมาอย่างไร
ReplyDelete