ตอนใหม่มาแล้วค่ะขอโทษที่ทำให้รอนานนะคะ ยุ่งจริงๆค่ะ
บางทีก็มีงานด่วน 2 ทุ่มยังนั่งปั่นงานอยู่เลย
บทที่ ๒๓
วันเสาร์-อาทิตย์ทั้งสี่สาวได้ไปใช้เวลาอยู่ที่
Parc Astérix ได้ย้อนกลับเหมือนได้ไปเที่ยวกับเพื่อนตอนสมัยมัธยมอีกครั้ง
ณีนนาราอาจจะไม่ได้เล่นของเล่นมากเพราะด้วยสภาพร่างกายที่ยังไม่เอื้ออำนวยเท่าใดนัก
เบญจ์ก็สมัครใจที่จะนั่งเป็นเพื่อนแฟนสาวปล่อยให้
ตะวันกับปูรณ์เล่นของเล่นถ่ายรูปกันอย่างเต็มที่
เย็นวันอาทิตย์หลังจากที่กลับมากจาก Parc Astérix เอาสัมภาระไปเก็บที่โรงแรม
ทั้งสี่สาวก็ไปนั่งเรือ Bateaux Mouches ล่องแม่น้ำ Seine
ที่สามารถเห็นสถานที่ที่น่าสนใจ เช่น Eiffel
Tower; Notre-Dame Cathedral ; the Alexander III Bridge, the Pont Neuf; the Orsay Museum, และ the Louvre Museum
“สวยจังเนอะ
ดูวิวนี้แล้วนึกถึงหนังเรื่อง Before Sunset จังค่ะ
หนังไม่ต้องหวือหวาไม่ต้องลงทุนทั้งเรื่องมีแค่ตัวเอก 2 คนคุยกัน แค่มี Script
ดีๆก็เพียงพอแล้วจริงๆ”
ณีนนารานั่งชมวิวพร้อมหันไปบอกเล่าความคิดของเธอให้แฟนสาวฟัง
“เรื่องนี้เราชอบนะ
เราชอบตัวเอกทั้ง 2 คนเลย Ethan Hawke กับ Julie Delpy จริงแล้วชอบมาตั้งแต่ภาคแรก
แต่ด้วยอายุและอะไรหลายอย่างเราชอบ Before Sunset มากกว่า Before
Sunrise นะคะ อาจจะเป็นคำพูด ความเข้าใจในชีวิต แถม Paris ยังสวยมากเหมาะกับการถกปัญหาชีวิต ถึงแม้ในเรื่องไม่สามารถบอกได้ว่าทั้งคู่ได้นอกใจแฟนหรือเปล่าในตอนจบแต่เราเชื่อว่า
Jesse ไม่กลับอเมริกาแน่นอนเพราะตกเครื่องแล้ว”
เบญจ์พูดไปพลางหัวเราะ
“ณีนชอบหลายๆบทในเรื่องนี้นะคะ
บางคำคมนี่จำติดฝังลึกเลยค่ะ โดยเฉพาะตอน Celine พูดว่า ‘Memories are wonderful
things, if you don't have to deal with the past.’ จริงนะคะพอฟังแล้วณีนจดไว้เลย
เบญจ์รู้หรือเปล่าคะว่าณีนมักจะจดคำคมจากหนังเก็บไว้ในสมุดเล่มเล็กๆเล่มหนึ่ง
ว่างๆก็เอามาอ่านดูค่ะช่วยเตือนความจำพร้อมคิดว่าทำไมณีนถึงชอบคำคมนี้จากเรื่องนี้กันนะ” ณีนนาราเล่าให้เบญจ์ฟัง
“แต่ตอนจบเบญจ์ชอบนะคะ
ชอบที่ Celine ร้องเพลง เพลงน่ารักดี” เบญจ์ก็ร้องเพลงคลอเบาๆให้แฟนสาวฟัง Let me sing you a waltz / Out of
nowhere, out of my thoughts / Let me sing you a waltz / About this one night
stand / You were, for me, that night / Everything I always dreamt of in life /
But now you're gone / You are far gone / All the way to your island of rain /
It was for you just a one night thing / But you were much more to me, just so
you know / I don't care what they say / I know what you meant for me that day /
I just want another try, I just want another night / Even if it doesn't seem
quite right / You meant for me much more than anyone I've met before...............
“เพลงนี้ณีนก็ชอบค่ะ
Julie Delpy เขาเก่งทั้งเขียนบท ทั้งแต่งเพลง แถมเล่นกีตาร์ด้วย”
“นี่คู่รักคู่ทรหดเขาให้มาชมวิวไม่ใช่ให้มานั่งจู๋จี๋กันสองคน
แล้วยังมีนั่งหัวโด่กันอีกเพียบบนเรือ” ปูรณ์หันมาแซว
“นี่เบาๆหน่อยจะตะโกนทำไมล่ะ”
ณีนนาราดุกลับไป
“พอๆทั้งคู่
นี่เรากำลังจะผ่าน Pont Alexandre
III สะพานที่เขาว่าสวยที่สุดใน Paris นะยิ่งเราล่องเรือเวลานี้ทำให้เราได้เห็นไปที่เขาเปิดยิ่งสวยมากขึ้น”
ตะวันรีบหย่าศึกพร้อมชี้ชวนให้เพื่อนๆดูวิว
“สวยจริงๆด้วยค่ะ
ณีน ปูรณ์” เบญจ์รีบเสริมความเห็นให้ปูรณ์กับณีนนาราหันไปดูวิว
เมื่อทั้งสี่ขึ้นมาจากเรือก็ตัดสินใจนั่งแท๊กซี่ไปที่ร้านอาหารที่ปูรณ์จองไว้แถบย่าน
Opéra ชื่อร้าน Aux Lyonnais เป็นของเชฟชื่อดัง Alain
Ducasse ที่เสริฟอาหารจากทางเมือง Lyon แถมยังมีไวน์จาก
Lyon ให้เลือกสรร หลังจากอิ่มอร่อยจากอาหารอันเยี่ยมยอดก็เดินทางมาพักผ่อนที่โรงแรมก่อน วันรุ่งขึ้นทั้งสี่จะขับรถไปเที่ยวเมือง Giverny ตอนเช้าเพื่อที่จะได้ไปถึง Monet’s House ก่อนที่ทัวร์ต่างๆจะมาถึง
หลังจากที่เดินชมบ้านชมสวนกันแล้ว ก็ได้นั่งพักผ่อนกันที่ทานอาหารกลางวันกันที่ Forêt
de Bizy โดยมีหัวหน้าทัวร์ได้เตรียมแซนด์วิชที่ออกไปซื้อตั้งแต่เช้าก่อนออกเดินทางมาให้เพื่อนร่วมอุดมการณ์การเที่ยวรับประทาน
เมื่อนั่งพักผ่อนหย่อนใจ ทั้งหมดก็ตัดสินใจที่จะขับรถกลับ Paris แต่เป็นการขับรถแบบไปตามเส้นทางชนบทเพื่อชมวิวไม่ใช่การขับรถโดยการใช้มอร์เตอร์เวย์เหมือนขามา
และตัดสินใจกันว่าจะลองทานอาหารเย็นตามร้านอาหารที่ขับผ่านก่อนเข้าเมืองดู
เพราะการรับประทานอย่างนี้มักจะได้ประสบการณ์อาหารแบบต้นตำรับแท้ๆ
ที่สำคัญณีนนารานั้นมีความรู้ภาษาฝรั่งเศสดีไม่มีอุปสรรคในการสื่อสารแน่นอน เบญจ์ขับรถมาถึงโรงแรมประมาณเกือบสามทุ่มสี่สาวก็แยกย้ายกันพักผ่อน
วันรุ่งขึ้นเป็นวันสุดท้ายใน
Paris ตอนเช้าเบญจ์กับปูรณ์ลงมาจัดการเรื่องส่งคืนรถเช่า
และตกลงกันว่าจะแยกย้ายกันเที่ยว แต่นัดมาเจอกันที่โรงแรมเพื่อมาเอาสัมภาระที่ฝากไว้เวลา
16.00 น. ก่อนที่จะนั่งแท๊กซี่ไป Gare du Nord เพื่อนั่งรถไฟกลับอังกฤษ
ปูรณ์ตัดสินใจว่าจะไปเดินเล่นย่านใจกลางเมืองเพื่อถ่ายรูปวิถีชีวิตคนฝรั่งเศส
เดินไปเรื่อยๆแบบไม่มีจุดหมายปลายทางที่แน่ชัด
ตะวันจะไปเดินย่านมหาวิทยาลัย La Sorbonne แล้วจะไปเดินหาหนังสือใหม่และมือสองจากร้าน
Gibert Jeune พร้อมทั้งจะไปซื้อขนมไปฝากคนที่สำนักงานด้วย ส่วนสองสาวคู่รักตกลงกันว่าจะไปเดินเล่นที่ Louvre
แล้วก็ไปนั่งดื่มโกโก้ร้อนที่ร้าน Angelina ใกล้ๆกับพิพิธภัณฑ์
Louvre ซึ่งเป็นร้านโปรดของณีนนารา
“อยากให้เมืองไทยมีพิพิธภัณฑ์เยอะๆเหมือนที่
Paris จังเลยค่ะ เด็ก เยาวชนจะได้มีที่ไปชื่นชมงานศิลป์แล้วก็มีกิจกรรมทำ
ไม่ต้องวันๆนั่งเล่นเกมเล่นอินเตอร์เนตอยู่ที่บ้าน”
“ใช่ที่นี่พิพิธภัณฑ์ไม่น่าเบื่อเหมือนเมืองไทย
มีกิจกรรมให้ทำเยอะแยะ เด็กๆสนุกแถมได้ความรู้ แต่เบญจ์เคยไปที่
จามจุรีสแควร์ไหมเขามี นิทรรศการ ‘Dialogue in the Dark – บทเรียนแห่งความมืด’ น่าสนใจมากณีนเคยดูจากรายการโทรทัศน์ก็ยังไม่มีโอกาสได้ไปซะที”
“ไม่เคยไปค่ะไว้ไปกันค่ะ
นิทรรศการอย่างนี้น่าจะประชาสัมพันธ์เยอะๆหน่อยเด็กจะได้ไปกันนะคะไม่ใช่วันๆไปนั่งจีบกันตามที่เรียนพิเศษ”
“นานๆที
จะได้ยินเบญจ์พูดจารุนแรงแบบนี้นะคะ แต่ณีนเห็นด้วยที่สุดค่ะ
ดีนะที่เรามีลูกไม่ได้” ณีนนาราพูดพลางหัวเราะเบาๆ
“ได้นะคะ
ถ้าณีนย้ายไปอยู่นอร์เวย์กับเบญจ์ ที่นู่นมีคู่เกย์ที่มีลูกเยอะทั้งตั้งท้องเองและ
รับเด็กมาเป็นลูกบุญธรรม” เบญจ์แหย่ณีนนารา
“แหม
ก็รู้นี่คะว่าณีนรักเด็กบางคน เล่นได้เป็นครั้งคราว
แต่ถ้าต้องมีดูแลสู้รบกับเด็กร้องไห้ไม่ไหวค่ะ” ณีนนาราหันไปยิ้มให้กับแฟนสาว
“ไปกันเถอะค่ะ
บ่ายโมงแล้วเดี๋ยวณีนจะไปนั่งทานอาหารกลางวันกับโกโก้ร้อนที่ Angelina ไม่ใช่เหรอ
ตอนนี้คนน่าจะซาแล้ว
เราจะได้ไม่ต้องรีบค่อยๆทานแล้วก็กลับไปเจอปูรณ์กับตะวันที่โรงแรม”
“ใช่ค่ะ
ทานเสร็จแล้วเดี๋ยวซื้อมากาฮองที่ Pierre Hermé ไปให้ตะวันไว้ทานกับชาด้วยค่ะ
เห็นตะวันบอกว่าอยากลองชิมของร้านนี้เพราะปกติก็ซื้อลองไปทั่วแต่ยังไม่เคยชิมของ Pierre
Hermé”
ทั้งคู่ก็ไปนั่งทานอาหารกันที่พร้อมทั้งคุยเรื่องเหตุการณ์ที่ณีนนาราได้ตัดสินใจไว้บ้างแล้ว
“เบญจ์ให้ณีนสั่งนะคะ
ขอแบบหนักนิดนึงนะคะ เพราะเบญจ์หิวใช้พลังไปกับการเดินเยอะวันนี้”
“ได้เลยค่ะ
ต้องเผื่อท้องไว้ดื่มโกโก้ร้อนกับของหวานด้วยนะคะ ร้านนี้เสริฟ The Best Hot Chocolate in The World
เลยนะคะ”
“ค่ะเชื่อค่ะ
ว่าแต่พอกลับไปอังกฤษแล้วณีนจะกลับเมืองไทยพร้อมปูรณ์เลยหรือเปล่าคะ
เบญจ์จะได้เลื่อนตั๋วถูก”
“กลับพร้อมปูรณ์ค่ะ
เบญจ์เลื่อนตั๋วได้เลย ณีนก็จะได้โทรไปจองตั๋วกลับ”
“ไม่อยากอยู่พักผ่อนอีกนิดเหรอคะ
ก่อนที่จะต้องไปทำงานกับต้องไปง้อคุณแม่”
“ณีนอยากกลับไปทำงาน
อยากไปนอนคอนโดแล้วณีนคิดถึงเตียงที่คอนโดจะแย่”
“ค่ะ
ว่าไงว่าตามกัน เรื่องคุณแม่ณีนมีแผนอะไรไหมคะ”
“ไม่มีเลย
คงต้องปล่อยให้เวลาช่วยเยียวยารักษาความสัมพันธ์ของแม่กับณีนให้ค่อยดีขึ้นตามลำดับซึ่งไม่รู้ว่าจะพอมีทางไหม”
“แต่ถ้าณีนไม่ทำอะไรเลยไม่ไปง้อคุณแม่
ความเย็นชาจะยิ่งเพิ่มขึ้นนะคะ ความห่างก็อาจจะยิ่งเพิ่มขึ้น
และยิ่งนานออกไปณีนกับแม่ก็คงจะกลับมาคุยกันลำบากขึ้น”
“ที่ณีนพูดว่า
ณีนไม่มีแผนแต่ไม่ได้หมายความว่าณีนจะไม่ทำอะไรเลยนะคะ
ก็คงเข้าไปหาคุณแม่เอาของโปรดจากอังกฤษไปให้ท่าน แม่ก็คงเย็นชากลับมาเหมือนเดิม”
“เบญจ์จะเป็นกำลังใจให้นะคะ
แต่เบญจ์คงไม่ไปด้วยนะคะไม่งั้นคุณแม่เห็นหน้าเบญจญ์จะอารมณ์เสียมากขึ้น”
“ขอบคุณที่เข้าใจนะคะ
แต่ณีนคงแบบทำให้แม่รู้ว่า ถึงณีนมีเบญจ์ ณีนก็คงยังรักเคารพท่านเหมือนเดิม
การที่มีแฟนเป็นเพศหญิงไม่ได้มีอุปสรรคต่อการใช้ชีวิต
เพียงแต่ครอบครัวเข้าใจยอมรับไม่กีดกัน
การที่คนสองคนจะรักกันอาศัยอยู่ด้วยกันไม่ใช่ต้องเป็นแค่ระหว่างหญิงกับชายเท่านั้น
ชีวิตณีนต้องดำเนินต่อไป ณีนยังต้องทำงาน
ต้องมีคนรักที่ต้องดูแลเอาใจใส่ซึ่งกันและกัน เมื่อคนเราเกิดมาจนโตชีวิตคงขึ้นอยู่กับความต้องการของครอบครัวไม่ได้
เพียงแต่จะพยายามทำให้กระทบต่อครอบครัวน้อยที่สุด”
“ค่ะเราสองคนจะช่วยกันทำให้ครอบครัวและคนใกล้ชิดเห็นว่า
เราสองคนนั้นพอดีกัน เข้ากันดี พร้อมจะรักษา ประคับประคองรักครั้งนี้ให้ดีที่สุด
ไม่ต้องให้มีคนมาอิจฉาในรักเรา
ขอแค่เขามองอย่างยินดีในรักของเราก็คงเพียงพอแล้วใช่ไหมคะ”
“ใช่ค่ะ
เพราะณีนก็ไม่ใช่คนที่ดีพร้อม เบญจ์ก็ไม่ใช่คนที่perfect แต่เราสองคนลงตัวกันในความรัก
ในการใช้ชีวิตร่วมกัน
ฉะนั้นปัญหาที่มีหรืออาจจะเข้ามาในภายหน้าเราสองคนคงร่วมมือร่วมใจฝ่าฟันกันไปได้แน่
ยามที่เบญจ์อ่อนแอณีนจะไปเป็นผู้ให้กำลังใจช่วยเหลือเองค่ะ
และณีนก็มั่ใจว่ายามที่ณีนอยู่ในช่วงเวลาที่ยากลำบากเหมือนตอนนี้เบญจ์ก็จะอยู่เคียงข้างไม่ต้องเดินนำหน้าให้ณีนหลบอยู่ข้างหลัง
แค่เดินจับมืออยู่ข้างๆกัน
คอยบีบมือให้กำลังใจพร้อมมีบ่าไว้ให้ซบเวลาที่ณีนต้องการก็เพียงพอแล้ว แล้วเราจะจูงมือเดินไปด้วยกันนะคะ”
“ค่ะ
เราสองคนจะจูงมือไปด้วยกัน”
จบ(บริบูรณ์)
B de Beauvoir
09-09-2012 @Thailand
กรุณาฟังเพลงนี้ไปด้วยนะคะ
Angel ของ Leona Lewis
I feel it, you feel
it
That this was meant
to be.
I know it, you know
it
That you were made
for me.
We can't deny it any
longer
Day by day it's
getting stronger.
I want it, you want
it
It's what the people
want to see.
We're like Romeo and
Juliet
Families can't divide
us.
Like the tallest
mountain or the widest sea
Nothing's big enough
to hide us.
When we make love its
overwhelming
I just touch the
heavens
You're an angel,
you're an angel
I said this world,
this world.
Could leave us any
day
But my love for you,
it will never go away.
And i don't wanna go
to sleep
Cuz' you are like a
dream
For every night I say
a prayer,
And I swear you are
the answer
You're an angel,
you're an angel, you're an angel.
So we take it and
each moment our love grows
I see it, you see it,
What we have is made
of gold
We're so filled with
meaning,
Nothing can make us
shallow.
So I hold it, and you
hold it
The promise of
tomorrow.
When we make love its
overwhelming
I just touch the
heavens.
You're an angel,
you're an angel
And I said this
world, this world
Could leave us any
day
But my love for you,
it will never go away.
And i don't wanna go
to sleep
Cuz' you are like a
dream
For every night I say
a prayer,
And I swear you are
the answer
You're an angel,
you're an angel, you're an angel.
I don't need three
wishes
Oh I just need one
For us to never be
finished
For us to never be
done
When they say it's
over
We'll just say I love
you
And when they say
it's finished
We'll just keep on
building.
And I said this
world, this world
Could leave us any
day
But my love for you,
it will never go away.
And i don't wanna go
to sleep
Cuz' you are like a
dream
For every night I say
a prayer,
And I swear you are
the answer (x2)
You're an angel,
you're an angel, you're an angel.
Yes you are. You're
an angel.
ขอจบกันไปง่ายๆอย่างนี้ค่ะ
ชีวิตคนเราคงไม่สามารถทำให้คนที่ไม่เห็นด้วยในรักของเพศเดียวกันอย่างคุณณิชาหันมาเห็นด้วยได้
เรื่องอย่างนี้คงต้องร่วมฝ่าฟันกัน แต่ถ้าฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งท้อใจจนยอมแพ้ความรักก็จะจบลงค่ะ
ความรักเมื่อมีปัญหาต้องร่วมมือกันสู้ปล่อยให้ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งสู้คนเดียวคงไม่ได้
จขบ มีความเชื่อว่าชีวิตของคนสองคนจะเริ่มขึ้นจริงๆก็ต่อเมื่อได้ใช้ชีวิตร่วมกัน
ร่วมบ้านร่วมห้องเดียวกัน เพราะนิสัยทั้งหลายจะแสดงออกมาให้เห็น
ฉะนั้นรักครั้งนี้ของณีนกับเบญจ์จะเป็นยังไงก็ตามแต่ทุกท่านจะคิดนะคะ
คุณแม่จะยอมรับไหมก็แล้วแต่ว่าผู้อ่านจะมีประสบการณ์อย่างไร
เขียนไม่ดี เขียนผิด ถูกใจ ไม่ถูกใจ
อย่างไรก็ขอบคุณนะคะที่อุตส่าห์ทนอ่านกันมานาน แม้ช่วงหลังๆ จขบ
จะยุ่งจนอัพช้า(มาก)ไปบ้าง แต่หลังจากนี้จะมาอัพบล๊อกเรื่องบ้าๆบอๆเหมือนเดิมค่ะ
หากยังสนใจติดตามจะขอบพระคุณมาก ฮาฮาฮา
โอ้ว เปิดมาปุ๊บก็เจอตอนใหม่เลยคะ
ReplyDeleteขอเจิมก่อนนะคะ. เดี๋ยวจะตามมาอ่าน
จขบ.เป็นไทแล้ว ยาฮู้
จะจัดงานฉลองเมื่อไหร่ ที่ไหน ก็กระซิบบอกด้วยนะคะ
^___^
ReplyDeletebykt
อ่านจบแล้วคะ จบแบบนี้ก็ดีนะคะ มันเป็นความเป็นจริงที่เราคงไม่สามารถที่จะทำให้ใครทุกคนยอมรับได้ ขนาดคู่ปกติ ก็ยังมีเลยที่พ่อ แม่ หรือเพื่อนๆ ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งไม่ชอบหรือไม่ถูกใจ
ReplyDeleteแต่สิ่งสำคัญ อย่างที่จขบ.บอกเมื่อเกิดปัญหา ก็คงต้องร่วมมือฝ่าฟันไปด้วยกัน นั่นจึงจะเรียกว่ารักคะ
แล้วก็ชอบตอนที่ ณีณพูดว่า
" ณีนก็มั่นใจว่ายามที่ณีนอยู่ในช่วงเวลาที่ยากลำบากเหมือนตอนนี้เบญจ์ก็จะอยู่เคียงข้างไม่ต้องเดินนำหน้าให้ณีนหลบอยู่ข้างหลัง แค่เดินจับมืออยู่ข้างๆกัน คอยบีบมือให้กำลังใจพร้อมมีบ่าไว้ให้ซบเวลาที่ณีนต้องการก็เพียงพอแล้ว แล้วเราจะจูงมือเดินไปด้วยกันนะคะ"
คนที่รักกันก็ไม่ต้องการอะไรมากมายนะคะ แค่ช่วงเวลาที่ยากลำบากขอให้อยู่ใกล้ๆ ให้กำลังใจ จับมืออยู่ข้าง ๆ กัน ^_^
ชอบคำคมที่ว่า "Memories are wonderful things, if you don't have to deal with the past." ด้วยนะคะ
คุณจขบ. จดคำคมไว้ในสมุดเล็ก ๆ เหมือน ณีนหรือเปล่าคะ
ขอบคุณนะคะ สำหรับนิยายและข้อคิดดี ๆ และก็สถานที่ท่องเที่ยว อาหาร (อิอิ) ที่ทำให้เราหิวทุกครั้งที่อ่านเลยคะ
กระโดดหอมแก้มให้รางวัลหนึงครั้งนะคะ
(ให้แมวที่บ้านกระโดดไปหอมแล้วกันนะคะ 555)
แม่ยกมากันแล้ว ต่อไปนี้ทุกคนจะได้กลับมาอ่านเรื่องไร้สาระเหมือนเดิมแล้วนะคะ ดีใจด้วยที่ได้อ่านจนจบ 555
ReplyDeleteเป็นแม่ยกงั้นต้องเตรียมพวงมาลัยแบงค์กาโม่ ไว้คล้องคอ จขบ.แล้วหละ
Deleteรับกี่พวงดีคะ
เย้ ในที่สุดก็จบซะที ตามอ่านมาหลายเดือน คุณจขบ.ก็ทำสำเร็จ ยินดีด้วยค่ะที่มีนิยายที่เขียนเอง ให้คนได้อ่านจนจบค่ะ
ReplyDeleteอ่านอยู่เพลินๆ อ้าว ตอนจบนึกว่าจะมาจบที่เมืองไทย แต่ไม่เป็นไรค่ะ ให้คนอ่านจินตนาการไปเอง ว่าต่อไปจะเป็นอย่างไร เรื่องความรักอยู่ที่คนสองคนเท่านั้นที่จะร่วมกันฝ่าฟันกันไป
คุณแสงจันทร์ ท่าจะถูกใจกับตอนจบมากนะคะ คอมเม้นท์ซะยาวเลย คุณจขบ.ปลื้มแย่เลยซิเนี่ย ถึงขนาดกระโดดหอมแก้มเลยเหรอคะ ปลื้มเว่อร์เลยคุณ 5555
เมื่อวานที่คอนเสริทน้องเนสท์เราไม่ได้ไปดูค่ะ ดูในทีวีนี่ละ ต่อไปก็จะได้เห็นหน้าน้องอาทิยต์สุดท้ายแล้ว วันเสาร์ที่จะมาถึงมาฉลองเดอะวินเนอร์ผู้หญิงคนต่อไปกันค่ะ
โหโห คุณ clearsky ท่าทางจะทุ่มสุดตัวเลยนะคะ. มีทำนายผลล่วงหน้าด้วยอะ. งั้นเราช่วยส่งใจให้อีกแรงนะคะ
Deleteน้องเนสท์ สู้ๆ นะจ๊ะ. ช่วยทำให้ความฝันของพวกเจ๊ เป็นจริงด้วยนะคะ ^_^
แก้ข่าวนะคะ ที่หอมเนี่ยแมวที่บ้านคะ ส่งไปหอมคะ ไปหอมจขบ. สุ่มสี่สุ่มห้า โดนคนที่บ้านจขบ.ส่องด้วยหนังสติิ้ก แย่เลยนะคะ
วันจันทร์อันแสนเร่งรีบ. แต่คนเหมือนจะเครื่องยังอืดอยู่เลยคะ. ต้องเผาหัวให้เครื่่องร้อนอีกสักนิดคงจะดีขึ้น
ได้ทราบข่าวเด็กที่หัวไปติดซอกข้างบันไดเลื่อนกันมั้ยคะ. ยังไงก็ระมัดระวังลูกๆ หลานๆ กันด้วยนะคะ
ขอบคุณที่ติดตามอ่านกันมา เพราะมันเป็นเรื่องที่หัดเขียนจริงๆ เขียนผิด เขียนมั่ว ตลอด แถมช้าด้วย แต่ก็พยายามเขียนให้จบค่ะ เพราะไม่ชอบเรื่องค้างคาเวลาอ่านของคนอื่น
Deleteคุณแสงจันทร์ ใช่เลยน่ากลัวมากเลยค่ะ เด็กที่ผมไปติดบันไดเลื่อน เราแขยงขนลุกไปหมด ถ้าเป็นตัวเองจะเป็นยังไง แค่ฟังอาการของน้องก็ใจเสียแล้ว ก็ต้องดูแลบุตรหลานกันให้ดีค่ะ แต่มันไม่น่าเกิดขึ้นง่ายขนาดนั้น ก็ได้ส่งใจไปช่วยน้องให้หายค่ะ
Deleteเจ้หลงมาอ่าน ขอมาสิงบล็อกนี้เป็นครั้งคราว อ่านหัดเขียนจบแล้ว ยอมรับอ่อนภาษาอังกฤษจริง ถนัดภาษาขอมมากกว่า อิอิ
ReplyDeleteปล. ผิดไหมแอบชอบคุณ Moonlight ซะงั้น
ลืมลงชื่อ
ReplyDeleteInmymind
อันนี้คงต้องถามคุณ moonlight เองนะคะ
ReplyDeleteว่าแอบชอบได้ไหม
ขอบคุณที่ทนอ่านจนจบค่ะ
ขอแอบแบบนี้ต่อไปดีกว่า มะ มะ ไม่กล้าถาม แบบมันเขิลลลลลลลลลลล
ReplyDeleteไม่ได้ทนค่ะอ่านแบบมีความสุข โดยเฉพาะตอนหวานๆ ชอบบบบบค่ะ ได้ความรู้อีกด้วย โลกนี้ช่างกว้างใหญ่มีอะไรให้ค้นหาอีกเยอะแยะเลย
อาริงาโตะ โกไซมัสึ
Inmymind