วันนี้ฤกษ์งามยามดีเอานิยายตอนใหม่มาลงค่ะ
ตอนแรกว่าจะออกไปข้างนอกแต่ดูแล้วฝนยังพรำๆนิดๆตลอด เลยไม่เอาดีกว่าค่ะ
บทที่ ๒๒
ตอนเช้าวันรุ่งขึ้นหลังจากดื่มกาแฟ
พร้อมพูดคุยโดยได้กำลังใจจากคนรักและเพื่อนรักทั้งสอง ณีนนารา
ได้โทรศัพท์ไปถามถึงสถานะการณ์ที่บ้านจากนิชานันท์น้องสาว
ซึ่งเธอก็มีอาการสบายใจไปเปราะหนึ่งที่มารดาไม่ได้มีอาการตกใจจนล้มป่วยที่รับรู้ว่าเธอฝืนคำสั่ง
“เป็นไงบ้างล่ะณีน
แม่แกล้มป่วยเข้าโรงพยาบาลหรือเปล่า เหมือนในนิยายเวลาที่รู้ว่าลูกเป็นเกย์”
ปูรณ์เอ่ยถามเพื่อนรักด้วยคำหยอกล้อ
“โห ปูรณ์
ถามแรงนะเนี้ย เกิดแม่ณีนเข้าโรงพยาบาลจริงๆล่ะคะ” เบญจ์หันไปถามแล้วมองหน้าเพื่อนของแฟนสาว
“ไม่หรอกเรารู้ว่าแม่ยัยณีนไม่เป็นอะไร
ไม่งั้นณีนมันต้องเช็ดน้ำตาตั้งแต่เดินมาแล้ว” ปูรณ์บอกด้วยความมั่นใจ
“เออ แกเก่ง
แต่ช่วงนี้งดคำพูดแนวจิกกัดประชดประชันนะ เพราะฉันอารมณ์ไม่ดี”
ณีนนาราเอ่ยเตือนเพื่อนรัก
“เออ
รู้ละคราวนี้เล่ามาได้แล้ว ว่าน้องนันท์ว่างไงบ้าง
คนข้างๆแกนู่นที่กระสับกระส่ายอยากรู้แต่ไม่กล้าถาม”
ปูรณ์พูดพลางชี้ไปที่เบญจ์ที่นั่งข้างณีนนาราพร้อมกุมมือให้กำลังใจ
“แม่ยังสบายดีแต่โกรธมาก
ไม่พูดเรื่องของเราและสั่งห้ามให้พี่ณัชและยัยนันท์พูดถึงเช่นกัน
นันท์ก็เลยบอกว่าให้ทำตัวเงียบๆไปสักพักก่อน เพราะตอนนี้ถึงไปขอโทษแม่
แม่ก็ไม่คุยด้วย แลต้องใช้เวลาสักพักใหญ่
แต่ณีนรู้ดีสักพักใหญ่ของนันท์นี่อาจจะกินระยะเวลาเป็นปี
แล้วให้โทรไปถามพี่ณัชเองว่าแม่ว่าอย่างไรเพราะส่วนมากแม่จะปรึกษาพี่ณัชมากกว่า
แต่คงต้องรอให้พี่ณัชเลิกงานก่อน ตอนนี้ณีนไม่อยากกวนพี่ณัช”
ณีนนาราเล่าให้เพื่อนและแฟนสาวฟัง
“แล้วณีนจะบินกลับไทยไปหาทางคุยกับแม่เลยไหม”
เบญจ์ถามด้วยความเป็นห่วง
“ไม่ค่ะ ณีน
คิดว่าจะเลื่อนมากลับพร้อมปูรณ์ ขอให้พักผ่อนสมองให้ปลอดโปร่งสักนิดนะคะ
ตอนนี้ณีนไม่อยากจะคิดวิธีไปง้อคุณแม่เลย ไม่อยากปวดหัวค่ะ” ณีนนาราเผยความในใจ
“ตามใจแกไปเที่ยวฝรั่งเศสก่อนก็ดี
ไปปล่อยความคิด เผื่อจะได้มีกำลังมาต่อสู้กับความโมโหของแม่แกตอนกลับเมืองไทย
แถมแกกลับพร้อมฉันด้วยจะได้มีเพื่อนนั่งคุย เดินทางคนเดียวมันน่าเบื่อ” ปูรณ์ดีใจที่ไม่ต้องเดินทางกลับกรุงเทพคนเดียว
“อย่ามาพูดขึ้นเครื่องทีไรแกก็หลับไม่ก็นั่งเล่นเกม
ความเหงาไม่เคยเยื้องย่างมาหาแกได้ฉันรู้”
ณีนนาราหันไปพูดความจริงใส่เพื่อน
“ไปฝรั่งเศสก่อนก็ดี
เบญจ์จะได้ไปลิสรายการขนมอาหารที่ชอบไปกินกัน เราอยู่กันแต่ในปารีสใช่ไหมคะปูรณ์”
เบญจ์หันไปถามเพื่อนรักของแฟนสาว
“ใช่
ก็ไปเดินพวกพิพิธภัณฑ์ เดินพวกนี้ดีอย่างไม่เจอทัวร์ลง
ไม่งั้นคงโหวกเหวกโวยวายตามประสา เราอยากไป Picasso Museum ด้วย
ว่าจะไปหลายทีละแต่ก็มีการเปลี่ยนแผนทุกที ความจริงอยากไป Giverny ด้วย น่าจะขับรถกันไปนะ เราอยากไปบ้านของ Claude Monet” ปูรณ์บอกสถานที่ที่เธออยากไปต่อเพื่อนๆ
“ดีนะเราก็ชอบรูปของ
Monet กับ Renoir แต่ชอบ Monet มากกว่า
ว่าไงคะไปกันไหม” เบญจ์หันไปถามแฟนสาว
“ไปสิคะ
ณีนก็ชอบพวกรูปแนว Impressionist ที่สำคัญณีนจะไปทานขนมกับไอศครีมร้านโปรดด้วยค่ะ” ณีนหันมายิ้มหวานให้
“ได้ถือว่าเป็นเสียงเอกฉันท์ไม่ต้องถามความเห็นตะวัน
ฮาฮาฮา” ปูรณ์หัวเราะอย่างชอบใจเพื่อสร้างบรรยากาศให้สนุกสนานขึ้น
“แกนี่
แกก็ต้องถามตะวันด้วยสิ เผื่อตะวันอยากไปไหนเป็นพิเศษ” ณีนนาราหันไปต่อว่าปูรณ์ขำๆ
“ไม่หรอกตะวันน่ะ
เขาง่ายๆอยู่แล้วเราก็รู้ๆกันอยู่ เราเตรียมเรื่องไป Parc Astérix แล้วแต่ว่าจะถามตะวันก่อนว่าเคยไปมาหรือยัง
แกจำการ์ตูนเรื่องนี้ได้ไหมล่ะ ที่ตะวันชอบมากตอนเรียนอะ
มีทั้งพวกกุญแจอะไรเต็มไปหมด” ปูรณ์ถาม
“จำได้สิตอนนี้ตอนนี้ตะวันก็ยังชอบอยู่นะห้องตะวันที่เมืองไทยยังเต็มไปด้วยไอ้เจ้าพวกนี้อยู่เลย
ตะวันน่าจะอยากไปนะเพราะคราวที่แล้วตะวันจะไปปาร์คปิด” ณีนนาราตอบ
“น่าไปจัง เจ้าการ์ตูนนี้เราก็เพิ่งรู้จักตอนโตแล้ว”
เบญจ์รีบเห็นด้วย
“ได้งั้นเย็นนี้ตอนตะวันกลับมาเราจะเสนอแผนเลยว่าจะไปไหนกันบ้าง
แค่นี้เวลาที่เราอยู่ปารีสกันก็น่าจะหมดแล้ว ค่อยมาเดินชมเมืองกับนั่ง Bateaux Mouches กันตอนเย็นๆวันไหนวันหนึ่งก็ได้”
“เรื่องเที่ยวนี่ทำให้สมองคุณเพื่อนรักแล่นสุดๆเลยนะคะ”
ณีนนาราแซวปูรณ์
“ไม่ได้สิ
นานจะได้เที่ยวแบบกับเพื่อนรู้ใจไม่งั้นก็มากับยัยปาล์ม
คนนั้นก็เน้นกินอย่างเดียวบอกว่าจะจำไปพัฒนารสชาติอาหารและขนมที่ตัวเองชอบทำ
ส่วนคนอื่นๆแกก็รู้มาช๊อปกันลูกเดียว” ปูรณ์บ่น
“งั้นแกก็สบายใจได้เบญจ์กับตะวันทั้งสองคนไม่ชอบเดินช๊อปปิ้ง
ส่วนฉันขอนั่งอยู่ตามคาเฟ่อ่านหนังสือดีกว่าเดินไปเบียดเสียดซื้อของ”
ณีนนาราบอกเพื่อเพิ่มความสบายใจให้กับปูรณ์
“โหดีมาก
ไว้ฉันจะจัดทริปชวนแกกับตะวันมาบ่อยๆ” ปูรณ์รีบวางแผน
“เราน่ะเดินทางลำบาก
เดินเยอะๆไม่มีปัญหาค่ะ ขอที่พักดีๆสะอาดๆก็พอค่ะ” เบญจ์รีบบอกเอาใจเพื่อน
ตอนเย็นหลังจากตะวันกลับมาจากทำงานทั้งสามสาวพร้อมนำเสนอรายละเอียดแผนการไปเที่ยวปารีสกัน
พอตะวันรู้ว่าจะได้ไป Parc Astérix ถึงกับบอกว่าให้จองโรงแรมเพิ่มกับเลื่อนตั๋ว Euro Star ตะวันอยากไป Weekend ที่ Parc Astérix แล้วค่อยไป Giverny วันจันทร์
ส่วนวันอังคารให้จองตั๋วกลับเที่ยวช้าสุด ไปเดินเล่นที่ Picasso Museum แล้วเดินเล่นก่อนขึ้นรถไฟกลับอังกฤษ ทุกคนยินยิมพร้อมใจที่จะอยู่เที่ยวเพิ่มเพื่อเอาใจเจ้าของบ้านผู้น่ารักอย่างตะวันอยู่แล้ว
ยิ่งปูรณ์พร้อมสนับสนุนสุดตัวกับความคิดนี้ของตะวัน เมื่อทุกคนเห็นด้วยกันกับแผนการเที่ยวครั้งนี้ปูรณ์จึงรับหน้าที่ไปเลื่อนตัวและจองโรงแรมพร้อมทั้งซื้อตั๋วพร้อมที่พัก
THE HÔTEL DES TROIS HIBOUX
“ทุกคนเมื่อคืนเราจองทุกอย่างเรียบร้อยแล้วนะ
จองห้องในปารีสวันที่เราไปถึงคืนวันศุกร์ จะอยู่ใกล้หอไอเฟล
เราก็ไปดูวิวกันที่นั่น พอวันรุ่งขึ้นก็นั่งชัทเทิลบัสไปที่ Parc Astérix แล้วก็กลับมาปารีสบ่ายๆเย็นๆ
เข้าไปพักที่โรงแรมนั่ง Bateaux Mouches ล่องแม่น้ำ
เดินเล่นถ่ายรูป แล้ววันจันทร์เราเช่ารถไว้แล้วขับไป Giverny
กัน วันอังคารก็ตามสไตล์เพราะ Picasso Museum
ปิดปรับปรุงจนถึงฤดูร้อนปีหน้า (*ปิดถึง Summer 2013) แต่ไม่ต้องกลัวไปเราไปเดิน Louvre กันก็ได้ แล้วเย็นๆก็นั่ง Eurostar กลับ” ปูรณ์รายงานความคืบหน้าให้เพื่อนๆฟัง
“งั้นเดี๋ยวเราขับรถที่ฝรั่งเศสให้ได้นะ
เพราะปกติขับกันแต่ทางขวานี่นา” เบญจ์เสนอตัว
“เราช่วยได้นะ
แต่ให้เบญจ์ขับก็ดีเพราะเราชอบนั่งมองวิวข้างทางมากกว่า” ตะวันเสนอตัวช่วยขับรถ
“ไม่เป็นอะไรค่ะ
เราขับได้แต่เขามีให้เช่าเครื่อง GPS ด้วยใช่ไหมคะ” เบญจ์ถาม
“เชื่อหัวไอ้ปูรณ์เถอะ
เราได้จองไว้แล้ว” ปูรณ์พูดยิ้มๆ
“งั้นสบายมากค่ะ
เบญจ์ขับให้เอง”
“คืนนี้ไปฉลองกันหน่อยไหม
ไปนั่งกินข้าวที่ร้านไหนก็ได้ตรง High Street แล้วก็ไปนั่งคุยกันต่อที่ Charles Dickens
เห็นตะวันบอกว่าเป็นผับที่เงียบๆนี่ คนไม่เยอะเท่าไหร่” ปูรณ์นำเสนอ
“ก็ดี Dickens ใหญ่ดี ที่นั่งก็นั่งสบายไม่อึดอัด แต่ไปทานอาหารกันที่
Posillipo ก่อนก็ได้ เป็นอาหารอิตาเลี่ยน” ตะวันเสนอ
“ก็ดีนะ
เราอยากนั่งดื่มไวน์ที่ Posilipo” ณีนนาราบอก
พร้อมทั้งมีอาการแสดงความเห็นด้วยโดยการพยักหน้าจากเบญจ์และปูรณ์
“งั้นไปกันเลย
วันนี้ไม่ต้องโทรไปจองหรอกคนไม่น่าเยอะ” ตะวันชักชวนให้ออกไปทานอาหารเย็นกันเลย
เมื่อถึงวันเดินทางไปเที่ยวฝรั่งเศส
ปูรณ์ได้จัดการนำรถที่เช่ามาไปส่งคืน
โดยมีตะวันขอลางานครึ่งวันบ่ายเพื่อกลับบ้านมาอาบน้ำและนั่งรถไฟไปขึ้น Eurostar ที่สถานี Ashford
International ทั้งสี่จะไปถึงสถานี Paris Gare Du Nord แล้วก็จะนั่ง Metro ไปที่โรงแรมที่จองไว้ใกล้หอ Eiffel
เมื่อ Check-in เรียบร้อยทั้งสี่ก็จะไปขึ้นดูวิวบนหอ
Eiffel ที่ปูรณ์ได้จองตั๋วล่วงหน้าไว้แล้ว
“สวยจังค่ะ
ตอนนั้นที่เบญจ์มากับเพื่อนไม่ได้ขึ้น Lift มาชั้นบน เพราะไม่ได้เตรียมตัวเอลยได้แค่เดินขึ้นบันไดไปชมวิว”
เบญจ์ยืนโอบณีนนาราไว้
“ณีนก็ไม่เคยขึ้นมาชั้นบนสุดค่ะ
เรื่องนี้ต้องขอบคุณยัยปูรณ์จริงๆ เรื่องเที่ยวเขาจะทำการบ้านมาดีตลอดค่ะไปกับปูรณ์ก็สบายดีไม่ต้องหาข้อมูลมาก
แต่วิวสวยจริงๆ ดีใจที่เราได้มาดูด้วยกัน”
ณีนนาราพูดพลางเอียงคอซบลงบนไหล่ของแฟนสาว
“คุณทั้งสองขา
เห็นใจหัวใจคนไม่มีใครอย่างดิฉันกับตะวันบ้างนะคะ หวานกันตลอด”
ปูรณ์แซวโดยมีตะวันหัวเราะเบาๆอยู่ข้างๆ
“อย่าไปขัดจังหวะเขาเลยปูรณ์เราไป
ถ่ายรูปวิวกันดีกว่านะ” ตะวันชวนปูรณ์ไปถ่ายรูป และทิ้งเพื่อนรักกับแฟนสาวให้หวานกันสองคน
ณีนนาราหันไปยิ้มขอบคุณตะวันที่ชวนตัวกวนไปที่อื่น
เธอชินแล้วกับความกวนของปูรณ์
แต่ในเวลานี้เธออยากดื่มด่ำกับความสวยงามบรรยากาศของเมืองหลวงประเทศฝรั่งเศสมากกว่า
B de Beauvoir 21-08-2012 @Thailand
อีกนิดเดียวก็จะจบแล้วนะคะ
แล้วคนเขียนก็จะเป็นไท แอบดีใจนิดๆ หุหุ