Monday, 29 February 2016

Leap Year



สวัสดีวันจันทร์ที่ ๒ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๙ จริงๆไม่ได้มีแพลนจะเขียนบล็อกหรืออะไรเลย แต่เราคงไม่มีโอกาสได้เขียนโดยเริ่มต้นด้วยคำว่า ๒๙ กุมภาพันธ์ บ่อยๆเลยขอสักหน่อย พอคิดจะเขียนก็มีเรื่องเล็กๆน้อยในหัวเต็มไปหมดแต่ไหนๆปีที่มีวันนี้ จะเรียกว่าปี Leap Year เราจึงขอพูดถึงหนัง rom-com เรื่องนี้เลยละกัน อาจจะมีเรื่องอื่นแทรกตอนจบนิดหน่อยเพราะวันนี้รางวัลออสการ์ประกาศด้วย อ้อ อีกหนึ่งเรื่องใหญ่ป๋าสอของน้องหลินปิงถูกศาลชั้นต้นตัดสินว่ามีความผิดจริงกรณียักยอกเงินค่าโฆษณาจาก อสมท แต่เรื่องนี้คงต้องต่อสู้กันอีกนาน เป็น ๑๐ ปีก็ว่าได้

กลับมาเรื่อง Leap year หรือ ภาษาไทยเรียกว่าปีอธิกสุรทิน คือ ปีที่มีการเพิ่มหนึ่งวัน ซึ่งก็คือวันนี้นั่นเอง ส่วนเรื่องทำไมต้องเพิ่มวันน่าจะรู้กันแล้วเนอะ ไม่รู้แนะนำว่าถามอากู๋เลยค่ะ ส่วนเรื่องหนังนี้มาจากความเชื่อของชาวไอร์แลนด์ว่าวันนี้เป็นวันเดียวที่ผู้หญิงจะขอผู้ชายแต่งงานได้ (Leap Year Proposal)  ส่วนใครอยากอ่านว่าต้นตอของประเพณีนี้มีมาอย่างไรแนะนำให้อ่านจากนี่ค่ะ  Leap Year Proposal: What's The Story BehindIt?  

หนังเรื่องนี้เป็นหนังเมื่อปี 2010 ค่ะ แต่เราได้ดูจาก HBO เมื่อปี 2012 ซึ่งปีนั้นเป็น Leap Year เช่นกัน ทำไมถึงจำได้ ต้องขอบคุณ function ‘on this day’ จาก fb  หนังเรื่องนี้ก็ตามสไตล์ romantic comedy นะคะ เดาได้หมดไปตั้งแต่ต้นจนจบ แต่แค่ดู Matthew Goode กวนทีนก็คุ้มแล้ว ยังไม่รวมภาพบรรยากาศสวยๆของไอร์แลนด์อีก ใครอยากได้หนังดูขำๆไม่เครียดนี่แนะนำกันเลย อีกอย่างใครสงสารตา Hec ผู้แสนดีจาก Imagine Me & You มาดูเรื่องนี้กันได้เลยค่ะเฮียแกสมหวังแน่นอน แต่ถ้า Matt ดึงดูดไม่พอก็ Amy Adams นางเอกก็น่าจะพอดึงดูดได้อยู่นะ


เรื่องย่อก็คือ Anna สาวนิวยอร์กเกอร์ คบกับแฟนหนุ่มมา 4 ปีแล้ว แฟนนัดกินข้าววันวาเลนไทน์(มั้ง ดูนานแล้ว) แอนนาก็หวังว่าแฟนหนุ่มจะขอแต่งงานแต่กลับเป็นว่าของขวัญ ที่ได้คือต่างหูเพชร ซึ่งก่อนไปเจอแฟนแอนนามีการฝึกฝนทำท่าตกใจถ้าหนุ่มขอแต่งงานกับเพื่อนของเธอ เมื่อไม่ได้เป็นอย่างหวังเจ้แกก็เล่านู่นนี่ให้พ่อฟังว่าแฟนไปทำงานที่ดับลิน พ่อก็เกิด enlighten ขึ้นมาว่าปีนี้มีวันที่ 29 กุมภา นี่นาแล้วที่ ไอร์แลนด์วันนั้นจะเปิดโอกาสให้ผู้หญิงขอผู้ชายแต่งงานได้
แอนนาจับเครื่องไปดับลินเลยแต่ๆถ้าง่ายๆก็ไม่ใช่หนังรอม/คอมสิ เจอพายุค่ะเครื่องบินเลยหันหัวไปลงที่คาร์ดิฟ เวลส์แทน   อุปสรรคก็เริ่มต้นขึ้นแอนนาต้องจ้างเจ้าของผับชื่อ Declan ขับรถไปส่งที่ดับลินด้วยรถกระป๋องบุโรทั่ง แล้วก็กัดกันไปตลอดทาง ตามสไตล์อะนะ ทุกท่านก็คงรู้ว่าจบยังไง แต่ดูเถอะดูขำๆถ้าไม่มีอะไรทำ ตา Matt กวนทีนได้ใจ

อันนี้ตัวอย่างหนัง



ส่วนนี่เพลงประกอบ คือในเรื่องใช้อีกเวอร์ชั่นแต่เราชอบเวอร์ชั่นนี้มากกว่าเยอะ



ส่วนวันนี้เรื่องน่าสนใจอีกเรื่องคือ ประกาศผลรางวัลออสการ์ โดยส่วนตัวเราไม่ค่อยติดตามดูเท่าไร เราชอบทางฝั่ง BAFTA มากกว่า ไม่ว่าอะไรก็แล้วแต่เราบังเอิญได้ดู เราไม่ได้ตื่นเต้นที่ Leo ได้รางวัล(ซะที) ไม่ได้เสียใจที่ Carol ไม่ได้สักรางวัลเพราะ Cate แม้จะเล่นดีแต่ไม่ว่าเวทีไหน Brie Larson จาก Room ก็นอนมา ถึงหลายคนว่าเธอจะแสดงไม่ดีเลยก็ตาม แต่เราไม่ได้ดู Room คงออกความเห็นไม่ได้ เราดีใจที่ Alicia Vikander ได้สมทบหญิงยอดเยี่ยม เธอแสดงดีจริงๆใน The Danish Girl แถมการดูประกาศรางวัลครั้งนี้มีดีที่ทำให้เราได้ลิสหนัง, หนังสั้น, หนังต่างประเทศ, การ์ตูน และสารคดีที่น่าดูมาอยู่ในมือหลายเรื่องทีเดียว อย่าง A Girl in The River : The Price of Forgiveness และ Bear Story

Cate อย่างสวยตอนเดินพรมแดง เดี๋ยวต้องไปคอยดูว่าคุณหนูน้อยให้กี่คะแนนที่กระทู้พันทิป


ขอปิดท้ายด้วยการแสดงของ Jess Glynne บนเวที The Brit Awards 2016 ถ้าใครสนใจดูแบบเต็มๆมีให้ดูทาง Youtube นะคะ การประกวดทางฝั่งอังกฤษเขาใจดีมีให้ดู Livestream ยังมีให้ดูย้อนหลังด้วย ได้แต่เสียได้ที่น้อง Jess ไม่ได้รางวัล คือก็ต้องยกให้เจ้าแม่ Adele เขาไปอะนะ แม้จริงๆเราลุ้น Jess, Laura Marling กับ Florence and the Machine อยู่บ้างก็ตาม
 

Wednesday, 3 February 2016

"เพียงเรา" โดย คุณวรกร



บล็อกที่ ๓ ของปีมาไวเกินคาด ความจริงตั้งใจว่าจะเขียนบล็อกหลังจากไหว้ตรุษจีน แต่เรื่อง “เพียงเรา” ของคุณวรกร ลงขายใน Meb เพิ่งบ่นไปบล็อกที่แล้วเองว่ายังไม่มาซะทีคนอ่านไม่มีอะไรจะอ่าน ไหนๆก็มาแล้ว ซื้อแล้ว อ่านจบแล้ว ก็ขอรีวิวเลยละกัน ถ้ารอนานไป ดิฉันก็จะขี้เกียจไม่รีวิว นี่ไม่ได้ไปรีวิวที่ไหนเลย มาเขียนกันในนี้แบบยาวๆ(เหรอ) คือไม่รู้ว่าจะยาวเท่าไรหรอก พูดไปงั้น แบบนี่นึกไปพิมพ์ไปอาจจะไม่ประติดประต่อเท่าไรนะคะ

“เพียงเรา” เป็นภาคต่อของ “เพียงเงา” นิยายเล่มแรกที่เราเขียนถึงและเชียร์ให้อ่านในบล๊อกนี้ เรื่องของสองสาว อติกานต์ และ รตี ใครไม่เคยอ่านเล่มแรกแล้วมาอ่านเล่มนี้เลยได้ไหม ได้ค่ะ แต่เราว่าอ่านเล่มแรกก่อนเถอะมันฟินกว่านะ แถมจะเข้าใจคาแรคเตอร์ตัวละคร พื้นฐานว่าอะไร ทำไม อย่างไร นิสัยของตัวละครถึงเป็นอย่างนี้ เช่น ทำไมรตีก็ยอมจัง ทำไมอติกานต์นิสัยงี่เง่าเอาแต่ใจจัง ฮาฮา แรงไปปะ ทั้งนี้เราเชื่อว่าแฟนนิยายยูริพันธ์แท้คงไม่มีใครไม่เคยอ่านเพียงเงาหรอก ย้ำอีกรอบอ่านเถอะ

เรื่องย่อใน MEB
ครั้งก่อน...เราไม่เข้าใจกัน แต่ครั้งนี้...ไม่มีใครเข้าใจเรา

เรื่องราวความรักในตอนต่อ ที่รอการพิสูจน์ความเข้าใจอีกครั้ง
เมื่อความรักไม่ได้มีแค่...เรา
ปัญหาที่เกิดจึงเป็นเรื่องยากที่สองคนจะแก้ไข
อุปสรรคที่ยากจะผ่านไป เป็นเครื่องพิสูจน์สองใจที่มี
เพราะรักครั้งนี้ ไม่ได้มี...เพียงเรา

อ่านเรื่องย่อคงพอเดาแนวทางนิยายได้เนอะ อย่างที่บอกทุกครั้งก่อนการรีวิว ช่วงต่อไปนี้จะมีการเปิดเผยเนื้อหาของนิยายนะคะ บอกไปถึงตอนจบด้วย ถ้ายังไม่ได้อ่านและอยากไปอ่านนิยายก่อน กรุณากดปิด entry นี้ไปเลย แต่ถ้าไม่ mind เพราะคิดว่าน่าจะพอเดาแนวทางของเรื่องได้ แม้กระทั่งอยากจะรู้ตอนจบก่อนตัดสินใจอ่านก็ไม่ว่ากันค่ะ ทั้งนี้ทั้งนั้นนี่เป็นความเห็นส่วนบุคคลล้วนๆ อาจจะมีทั้งชอบและไม่ชอบ เราบอกว่าชอบไม่ได้หมายความว่าคุณจะชอบ หรือถ้าเราบอกว่าไม่ชอบก็ไม่ได้แปลว่าคุณๆจะเห็นเหมือนกับเรานะคะ

ฟังเพลงน้อง Troye Sivan ไปด้วยอ่านนิยายไปด้วยก็ได้นะคะ เราว่าเพลงนี้แทนตัวตนของรตีได้อยู่นะ ส่วนเรื่องราวของอติกานต์เพลงอะไรยังคิดไม่ออกเพลงที่แนวใหม่ๆหน่อย ใครนึกออกแนะนำด้วยก็ดีค่ะ

Love it's hard, I know
All your lights are red, but I'm green to go
Used to see you high, now you're only low
All your lights are red but I'm green to go













นิยายของคุณวรกรที่เยี่ยมที่สุดในความคิดของเราคือภาษาที่ใช้ค่ะ ภาษาสวยบรรยายได้ให้คนอ่านเคลิ้มตามความน่ารักของคู่นางเอก ทำให้เราหลงรักความใจดีของรตี แสดงความแสบเอาแต่ใจขี้อ้อนของอติกานต์ ทำให้เราเสียน้ำตาได้เมื่ออ่านตอนดราม่าความรัก เพียงเงาทำได้ดีเท่าไหน เพียงเราก็ทำได้ไม่ต่างกันค่ะ

เพียงเรา สะท้อนให้เห็นว่าโลกของหญิงรักหญิง อาจจะรวมไปถึงชายรักชาย แม้กระทั่งคู่ชายหญิงถ้าครอบครัวฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งไม่ยอมรับย่อมปัญหาจะเกิดตามมา มันไม่ใช่โลกของคนเพียง ๒ คนเท่านั้น บนโลกแห่งความจริง แต่ปัญหาของคู่รักเพศเดียวกันมันต้องฟันฝ่ากันอีกเยอะ ถ้าคิดจะรักกันอยู่ด้วยกันมีทรัพย์สินด้วยกันต้องหาช่องทางไม่ให้เกิดปัญหาถ้าเกิดมีใครคนหนึ่งเสียชีวิตไปก่อน หรือฝ่ายใดป่วยทุพลภาพ แล้วญาติพี่น้องเขามาแย่งเอาสมบัติที่สร้างกันมาไปเพราะชื่อในทรัพย์สินเป็นชื่อคนเดียว อย่าคิดว่าไม่เป็นไร

เนื้อเรื่อง เพียงเา โดยส่วนตัวเราเดาว่าเรื่องจะเป็นอย่างไรได้อยู่ตั้งแต่อติกานต์มีอาการปวดศีรษะ ปัญหาทางสายตา ส่วนการเขียนแนวคุณวรกรคือต้นเรื่องจะปูเรื่องมาเรื่อยๆ ดีหน่อยที่เล่มนี้มันสามารถหวานกันได้ตั้งแต่หน้าแรก แล้วค่อยมาดราม่าตรงกลางเล่มแบบหนักๆ ตบท้ายด้วยจบ Happy มีความสุข ข้อดีคือแม้จะดราม่าก็จะมีช่วงทำให้ยิ้มได้บ้าง ไม่ถึงน้ำตาไหลไม่หยุด แบบอ่านไปด่าคนเขียนไปว่ามาทำให้ฉันตาบวมอะไรแบบนี้ เล่มนี้อ่านแล้วชอบรตียังไงก็ยังชอบเหมือนเดิม คือชอบคนยอม ตามใจ อาจจะเรียกว่าเป็นคนเอาแต่ใจ หุหุ

สรุป เราชอบนะคะ เพียงเรา แต่ชอบ เพียงเงา มากกว่า โดยส่วนตัวเรื่องมัน completed แล้วนะแต่จะมีภาคต่อก็ไม่เสียหายทำให้ รตี เปิดเผยมีตัวตน ไม่ใช่เป็นแค่เพื่อนของอติกานต์ แม้ในชีวิตจริงหลายๆคนจะเปิดเผยไม่ได้ว่าเขาไม่ใช่แค่เพื่อนนะ

EDIT


เพิ่งเจอเพลงที่เหมาะกับนิยาย มาเพิ่มเติมข้อความกันทีเดียว


“The Meaning”



In “Wolves without Teeth,” Nanna and Raggi sing back and forth about a powerful love that stands in the face of a frightening world that wants to hunt and hurt both of the protagonists.

ฟังเพลงไทยกันบ้างเนอะ ก็ เรารักกัน อะใครจะทำไม

 

ใครไหว้ตรุษจีนเอาใจช่วยนะคะ เรานี่แบบเหนื่อยทุกปี