Tuesday 21 August 2012

หัดเขียน 23


วันนี้ฤกษ์งามยามดีเอานิยายตอนใหม่มาลงค่ะ ตอนแรกว่าจะออกไปข้างนอกแต่ดูแล้วฝนยังพรำๆนิดๆตลอด เลยไม่เอาดีกว่าค่ะ

บทที่  ๒๒

ตอนเช้าวันรุ่งขึ้นหลังจากดื่มกาแฟ พร้อมพูดคุยโดยได้กำลังใจจากคนรักและเพื่อนรักทั้งสอง ณีนนารา ได้โทรศัพท์ไปถามถึงสถานะการณ์ที่บ้านจากนิชานันท์น้องสาว ซึ่งเธอก็มีอาการสบายใจไปเปราะหนึ่งที่มารดาไม่ได้มีอาการตกใจจนล้มป่วยที่รับรู้ว่าเธอฝืนคำสั่ง


“เป็นไงบ้างล่ะณีน แม่แกล้มป่วยเข้าโรงพยาบาลหรือเปล่า เหมือนในนิยายเวลาที่รู้ว่าลูกเป็นเกย์” ปูรณ์เอ่ยถามเพื่อนรักด้วยคำหยอกล้อ

“โห ปูรณ์ ถามแรงนะเนี้ย เกิดแม่ณีนเข้าโรงพยาบาลจริงๆล่ะคะ” เบญจ์หันไปถามแล้วมองหน้าเพื่อนของแฟนสาว

“ไม่หรอกเรารู้ว่าแม่ยัยณีนไม่เป็นอะไร ไม่งั้นณีนมันต้องเช็ดน้ำตาตั้งแต่เดินมาแล้ว” ปูรณ์บอกด้วยความมั่นใจ

“เออ แกเก่ง แต่ช่วงนี้งดคำพูดแนวจิกกัดประชดประชันนะ เพราะฉันอารมณ์ไม่ดี” ณีนนาราเอ่ยเตือนเพื่อนรัก

“เออ รู้ละคราวนี้เล่ามาได้แล้ว ว่าน้องนันท์ว่างไงบ้าง คนข้างๆแกนู่นที่กระสับกระส่ายอยากรู้แต่ไม่กล้าถาม” ปูรณ์พูดพลางชี้ไปที่เบญจ์ที่นั่งข้างณีนนาราพร้อมกุมมือให้กำลังใจ

“แม่ยังสบายดีแต่โกรธมาก ไม่พูดเรื่องของเราและสั่งห้ามให้พี่ณัชและยัยนันท์พูดถึงเช่นกัน นันท์ก็เลยบอกว่าให้ทำตัวเงียบๆไปสักพักก่อน เพราะตอนนี้ถึงไปขอโทษแม่ แม่ก็ไม่คุยด้วย แลต้องใช้เวลาสักพักใหญ่ แต่ณีนรู้ดีสักพักใหญ่ของนันท์นี่อาจจะกินระยะเวลาเป็นปี แล้วให้โทรไปถามพี่ณัชเองว่าแม่ว่าอย่างไรเพราะส่วนมากแม่จะปรึกษาพี่ณัชมากกว่า แต่คงต้องรอให้พี่ณัชเลิกงานก่อน ตอนนี้ณีนไม่อยากกวนพี่ณัช” ณีนนาราเล่าให้เพื่อนและแฟนสาวฟัง

“แล้วณีนจะบินกลับไทยไปหาทางคุยกับแม่เลยไหม” เบญจ์ถามด้วยความเป็นห่วง

“ไม่ค่ะ ณีน คิดว่าจะเลื่อนมากลับพร้อมปูรณ์ ขอให้พักผ่อนสมองให้ปลอดโปร่งสักนิดนะคะ ตอนนี้ณีนไม่อยากจะคิดวิธีไปง้อคุณแม่เลย ไม่อยากปวดหัวค่ะ” ณีนนาราเผยความในใจ

“ตามใจแกไปเที่ยวฝรั่งเศสก่อนก็ดี ไปปล่อยความคิด เผื่อจะได้มีกำลังมาต่อสู้กับความโมโหของแม่แกตอนกลับเมืองไทย แถมแกกลับพร้อมฉันด้วยจะได้มีเพื่อนนั่งคุย เดินทางคนเดียวมันน่าเบื่อ”  ปูรณ์ดีใจที่ไม่ต้องเดินทางกลับกรุงเทพคนเดียว

“อย่ามาพูดขึ้นเครื่องทีไรแกก็หลับไม่ก็นั่งเล่นเกม ความเหงาไม่เคยเยื้องย่างมาหาแกได้ฉันรู้”
ณีนนาราหันไปพูดความจริงใส่เพื่อน

“ไปฝรั่งเศสก่อนก็ดี เบญจ์จะได้ไปลิสรายการขนมอาหารที่ชอบไปกินกัน เราอยู่กันแต่ในปารีสใช่ไหมคะปูรณ์” เบญจ์หันไปถามเพื่อนรักของแฟนสาว

“ใช่ ก็ไปเดินพวกพิพิธภัณฑ์ เดินพวกนี้ดีอย่างไม่เจอทัวร์ลง ไม่งั้นคงโหวกเหวกโวยวายตามประสา เราอยากไป Picasso Museum ด้วย ว่าจะไปหลายทีละแต่ก็มีการเปลี่ยนแผนทุกที ความจริงอยากไป Giverny ด้วย น่าจะขับรถกันไปนะ เราอยากไปบ้านของ Claude Monet” ปูรณ์บอกสถานที่ที่เธออยากไปต่อเพื่อนๆ

“ดีนะเราก็ชอบรูปของ Monet กับ Renoir แต่ชอบ Monet มากกว่า ว่าไงคะไปกันไหม” เบญจ์หันไปถามแฟนสาว

“ไปสิคะ ณีนก็ชอบพวกรูปแนว Impressionist ที่สำคัญณีนจะไปทานขนมกับไอศครีมร้านโปรดด้วยค่ะ” ณีนหันมายิ้มหวานให้

“ได้ถือว่าเป็นเสียงเอกฉันท์ไม่ต้องถามความเห็นตะวัน ฮาฮาฮา” ปูรณ์หัวเราะอย่างชอบใจเพื่อสร้างบรรยากาศให้สนุกสนานขึ้น

“แกนี่ แกก็ต้องถามตะวันด้วยสิ เผื่อตะวันอยากไปไหนเป็นพิเศษ” ณีนนาราหันไปต่อว่าปูรณ์ขำๆ

“ไม่หรอกตะวันน่ะ เขาง่ายๆอยู่แล้วเราก็รู้ๆกันอยู่ เราเตรียมเรื่องไป Parc Astérix แล้วแต่ว่าจะถามตะวันก่อนว่าเคยไปมาหรือยัง แกจำการ์ตูนเรื่องนี้ได้ไหมล่ะ ที่ตะวันชอบมากตอนเรียนอะ มีทั้งพวกกุญแจอะไรเต็มไปหมด” ปูรณ์ถาม

“จำได้สิตอนนี้ตอนนี้ตะวันก็ยังชอบอยู่นะห้องตะวันที่เมืองไทยยังเต็มไปด้วยไอ้เจ้าพวกนี้อยู่เลย ตะวันน่าจะอยากไปนะเพราะคราวที่แล้วตะวันจะไปปาร์คปิด” ณีนนาราตอบ

“น่าไปจัง เจ้าการ์ตูนนี้เราก็เพิ่งรู้จักตอนโตแล้ว” เบญจ์รีบเห็นด้วย

“ได้งั้นเย็นนี้ตอนตะวันกลับมาเราจะเสนอแผนเลยว่าจะไปไหนกันบ้าง แค่นี้เวลาที่เราอยู่ปารีสกันก็น่าจะหมดแล้ว ค่อยมาเดินชมเมืองกับนั่ง Bateaux Mouches  กันตอนเย็นๆวันไหนวันหนึ่งก็ได้”

“เรื่องเที่ยวนี่ทำให้สมองคุณเพื่อนรักแล่นสุดๆเลยนะคะ” ณีนนาราแซวปูรณ์

“ไม่ได้สิ นานจะได้เที่ยวแบบกับเพื่อนรู้ใจไม่งั้นก็มากับยัยปาล์ม คนนั้นก็เน้นกินอย่างเดียวบอกว่าจะจำไปพัฒนารสชาติอาหารและขนมที่ตัวเองชอบทำ ส่วนคนอื่นๆแกก็รู้มาช๊อปกันลูกเดียว” ปูรณ์บ่น

“งั้นแกก็สบายใจได้เบญจ์กับตะวันทั้งสองคนไม่ชอบเดินช๊อปปิ้ง ส่วนฉันขอนั่งอยู่ตามคาเฟ่อ่านหนังสือดีกว่าเดินไปเบียดเสียดซื้อของ” ณีนนาราบอกเพื่อเพิ่มความสบายใจให้กับปูรณ์

“โหดีมาก ไว้ฉันจะจัดทริปชวนแกกับตะวันมาบ่อยๆ” ปูรณ์รีบวางแผน

“เราน่ะเดินทางลำบาก เดินเยอะๆไม่มีปัญหาค่ะ ขอที่พักดีๆสะอาดๆก็พอค่ะ” เบญจ์รีบบอกเอาใจเพื่อน

ตอนเย็นหลังจากตะวันกลับมาจากทำงานทั้งสามสาวพร้อมนำเสนอรายละเอียดแผนการไปเที่ยวปารีสกัน พอตะวันรู้ว่าจะได้ไป Parc Astérix ถึงกับบอกว่าให้จองโรงแรมเพิ่มกับเลื่อนตั๋ว Euro Star ตะวันอยากไป Weekend ที่ Parc Astérix แล้วค่อยไป Giverny วันจันทร์ ส่วนวันอังคารให้จองตั๋วกลับเที่ยวช้าสุด ไปเดินเล่นที่ Picasso Museum แล้วเดินเล่นก่อนขึ้นรถไฟกลับอังกฤษ ทุกคนยินยิมพร้อมใจที่จะอยู่เที่ยวเพิ่มเพื่อเอาใจเจ้าของบ้านผู้น่ารักอย่างตะวันอยู่แล้ว ยิ่งปูรณ์พร้อมสนับสนุนสุดตัวกับความคิดนี้ของตะวัน เมื่อทุกคนเห็นด้วยกันกับแผนการเที่ยวครั้งนี้ปูรณ์จึงรับหน้าที่ไปเลื่อนตัวและจองโรงแรมพร้อมทั้งซื้อตั๋วพร้อมที่พัก THE HÔTEL DES TROIS HIBOUX

“ทุกคนเมื่อคืนเราจองทุกอย่างเรียบร้อยแล้วนะ จองห้องในปารีสวันที่เราไปถึงคืนวันศุกร์ จะอยู่ใกล้หอไอเฟล เราก็ไปดูวิวกันที่นั่น พอวันรุ่งขึ้นก็นั่งชัทเทิลบัสไปที่ Parc Astérix แล้วก็กลับมาปารีสบ่ายๆเย็นๆ เข้าไปพักที่โรงแรมนั่ง Bateaux Mouches ล่องแม่น้ำ เดินเล่นถ่ายรูป แล้ววันจันทร์เราเช่ารถไว้แล้วขับไป Giverny กัน วันอังคารก็ตามสไตล์เพราะ Picasso Museum ปิดปรับปรุงจนถึงฤดูร้อนปีหน้า (*ปิดถึง Summer 2013) แต่ไม่ต้องกลัวไปเราไปเดิน Louvre กันก็ได้ แล้วเย็นๆก็นั่ง Eurostar กลับ” ปูรณ์รายงานความคืบหน้าให้เพื่อนๆฟัง

“งั้นเดี๋ยวเราขับรถที่ฝรั่งเศสให้ได้นะ เพราะปกติขับกันแต่ทางขวานี่นา” เบญจ์เสนอตัว

“เราช่วยได้นะ แต่ให้เบญจ์ขับก็ดีเพราะเราชอบนั่งมองวิวข้างทางมากกว่า” ตะวันเสนอตัวช่วยขับรถ

“ไม่เป็นอะไรค่ะ เราขับได้แต่เขามีให้เช่าเครื่อง GPS ด้วยใช่ไหมคะ” เบญจ์ถาม

“เชื่อหัวไอ้ปูรณ์เถอะ เราได้จองไว้แล้ว” ปูรณ์พูดยิ้มๆ

“งั้นสบายมากค่ะ เบญจ์ขับให้เอง”

“คืนนี้ไปฉลองกันหน่อยไหม ไปนั่งกินข้าวที่ร้านไหนก็ได้ตรง High Street แล้วก็ไปนั่งคุยกันต่อที่ Charles Dickens เห็นตะวันบอกว่าเป็นผับที่เงียบๆนี่ คนไม่เยอะเท่าไหร่” ปูรณ์นำเสนอ

“ก็ดี  Dickens ใหญ่ดี ที่นั่งก็นั่งสบายไม่อึดอัด แต่ไปทานอาหารกันที่ Posillipo ก่อนก็ได้ เป็นอาหารอิตาเลี่ยนตะวันเสนอ

“ก็ดีนะ เราอยากนั่งดื่มไวน์ที่ Posilipo” ณีนนาราบอก พร้อมทั้งมีอาการแสดงความเห็นด้วยโดยการพยักหน้าจากเบญจ์และปูรณ์

“งั้นไปกันเลย วันนี้ไม่ต้องโทรไปจองหรอกคนไม่น่าเยอะ” ตะวันชักชวนให้ออกไปทานอาหารเย็นกันเลย


เมื่อถึงวันเดินทางไปเที่ยวฝรั่งเศส ปูรณ์ได้จัดการนำรถที่เช่ามาไปส่งคืน โดยมีตะวันขอลางานครึ่งวันบ่ายเพื่อกลับบ้านมาอาบน้ำและนั่งรถไฟไปขึ้น Eurostar ที่สถานี Ashford International ทั้งสี่จะไปถึงสถานี Paris Gare Du Nord แล้วก็จะนั่ง Metro ไปที่โรงแรมที่จองไว้ใกล้หอ Eiffel เมื่อ Check-in เรียบร้อยทั้งสี่ก็จะไปขึ้นดูวิวบนหอ Eiffel ที่ปูรณ์ได้จองตั๋วล่วงหน้าไว้แล้ว

“สวยจังค่ะ ตอนนั้นที่เบญจ์มากับเพื่อนไม่ได้ขึ้น Lift มาชั้นบน เพราะไม่ได้เตรียมตัวเอลยได้แค่เดินขึ้นบันไดไปชมวิว” เบญจ์ยืนโอบณีนนาราไว้

“ณีนก็ไม่เคยขึ้นมาชั้นบนสุดค่ะ เรื่องนี้ต้องขอบคุณยัยปูรณ์จริงๆ เรื่องเที่ยวเขาจะทำการบ้านมาดีตลอดค่ะไปกับปูรณ์ก็สบายดีไม่ต้องหาข้อมูลมาก แต่วิวสวยจริงๆ ดีใจที่เราได้มาดูด้วยกัน” ณีนนาราพูดพลางเอียงคอซบลงบนไหล่ของแฟนสาว

“คุณทั้งสองขา เห็นใจหัวใจคนไม่มีใครอย่างดิฉันกับตะวันบ้างนะคะ หวานกันตลอด” ปูรณ์แซวโดยมีตะวันหัวเราะเบาๆอยู่ข้างๆ

“อย่าไปขัดจังหวะเขาเลยปูรณ์เราไป ถ่ายรูปวิวกันดีกว่านะ” ตะวันชวนปูรณ์ไปถ่ายรูป และทิ้งเพื่อนรักกับแฟนสาวให้หวานกันสองคน

ณีนนาราหันไปยิ้มขอบคุณตะวันที่ชวนตัวกวนไปที่อื่น เธอชินแล้วกับความกวนของปูรณ์ แต่ในเวลานี้เธออยากดื่มด่ำกับความสวยงามบรรยากาศของเมืองหลวงประเทศฝรั่งเศสมากกว่า

B de Beauvoir 21-08-2012 @Thailand 


อีกนิดเดียวก็จะจบแล้วนะคะ แล้วคนเขียนก็จะเป็นไท แอบดีใจนิดๆ หุหุ 

Wednesday 8 August 2012

เพลงโปรด 3


ส่วนมาก จขบ โพสแต่เพลง อกหัก รักคุด อยู่ตัวคนเดียว ฉันเป็นฉันเอง แต่วันนี้เราจะมาเปลี่ยนแนวบ้างค่ะ ชอบฟังเพลงนี้ค่ะ เสียง India Arie กับ Musiq Soulchild ช่างลงตัวเพราะมาก ใครที่มีความรักน่าจะชอบนะคะ เพลงนี้แสลงทางเมกันเยอะมาก ฟังเข้าใจยากนิดๆ แต่จะยกท่อนที่ชอบมานะคะ ว่าแต่เคยพูดถึงไปหรือยังก็จำไม่ได้ LOL

Chocolate High


You become a habit
The more I consume, the more I gotta have it

คุณกลายเป็นความเคยชิน
ยิ่งฉันใกล้ชิดเท่าไหร่ ฉันก็ต้องการที่จะได้ใกล้ชิดมากขึ้น *ความจริง consume แปลว่า บริโภค แต่เราว่ามันจะดูแปลก

There is somethin' about your love
That makes me just want to open up
Your flavor is the sweetest thing in life
I'm addicted to your chocolate high

มันมีบางอย่าในความรักของคุณ
ที่ทำให้ฉันอยากจะพัฒนาความรักของเราต่อไป
รสชาติความรักมันเป็นสิ่งที่หวานหอมที่สุดในชีวิต
ตอนนี้เสพย์ติดอยู่กับความรักของคุณ

เดี๋ยวเลี่ยนไปเนอะ คนอ่านอาจจะแบบไม่ใช่ จขบ เขียนเองแน่ๆ หุหุ แต่ชอบจริงนะคะเพลงนี้ ไม่ว่าจะเนื้อหา แนวเพลง ทำนอง และนักร้อง

Tuesday 7 August 2012

หัดเขียน 22


ตอนนี้อาจจะสั้นไปหน่อยนะคะ นั่งแต่งเมื่อคืนก่อนนอนอาจจะมีอาการง่วงเบลอมึนงงจากฤทธิ์ยาทำให้เขียนไม่รู้เรื่องไปบ้าง (คนอ่านบอกว่าแกก็เขียนไม่เคยรู้เรื่อง) ทนอ่านไปหน่อยนะคะคาดว่าอีกไม่กี่ตอนจะจบแล้วล่ะค่ะ หึหึ คนเขียนหมดมุก


บทที่  ๒๑

สามสาวเดินทางกลับมาถึงบ้านอย่างปลอดภัย โดยมาถึงก่อนตะวันเพียงเล็กน้อย ทั้งสี่คนนั่งคุยปรึกษาปัญหาของณีนนาราในโต๊ะอาหาร ในที่สุดณีนนาราก็ตัดสินใจได้ว่าจะโทรศัพท์ทางไกลกลับไปหาคุณณิชาช่วงเวลาเช้าของเมืองไทย ประมาณ 7.00 น. ก็คือประมาณตีหนึ่งเวลาอังกฤษ

“ว่าไงคะพร้อมหรือยัง”  เบญจ์บีบมือให้กำลังใจแฟนสาวขณะนั่งรอเวลาโทรศัพท์กลับไปหาคุณณิชา

“พร้อมนะคะ แต่กลัวค่ะ ณีนรู้ผลที่จะต้องตามมา เป็นซึ่งที่ณีนควบคุมไม่ได้ เพราะเรื่องอย่างนี้ไม่ได้เหมือนหนังสือหรือตัวเลขที่เราวางแผนจะให้เป็นไปตามใจตัวเองได้ ณีนจะไม่แคร์เลยถ้าคนที่ณีนกำลังจะโทรไปไม่ใช่คนที่ให้กำเนิดณีนมา เป็นคนที่ณีนรัก” ณีนนาราระบายความในใจออกมา

“เบญจ์จะไม่บอกว่าอย่ากลัว เพราะณีนทำไม่ได้ เบญจ์เองก็ทำไม่ได้ แต่แค่จะบอกว่าเบญจ์เคารพในการตัดสินใจของณีนนะคะไม่ว่าอย่างไร แม้ว่าณีนจะบอกให้เบญจ์รอ” เบญจ์พยายามให้กำลังใจในการตัดสินใจของแฟนสาว

“ไม่ต้องรอค่ะ เป็นกำลังใจให้ณีนนะคะ ขอแค่นั่งจับมือณีนไว้ตอนณีนคุยกับแม่ก็พอแล้ว จะตีหนึ่งแล้ว ไม่ผลัดวันประกันพรุ่งเลื่อนเวลาแล้ว เพราะยิ่งเครียดคิดแล้วทำเลยดีกว่า” ณีนนาราพูดพร้อมตัดสินใจหยิบโทรศัพท์กดเบอร์โทรศัพท์ของคุณณิชาทันที

ช่วงระยะเวลาที่ลำบากใจที่สุดคือช่วงได้ยินเสียงรอสาย ลุ้นว่าคุณณิชาจะรับโทรศัพท์หรือไม่ ถ้าไม่รับก็เหมือนได้ยืดระยะเวลาไปอีกนิดแต่ต้องทนอึดอัดออกไปอีก หรือถ้ารับมันก็คืออยู่ในช่วงเวลายืนอยู่ตรงเป้ารอให้พลแม่นปืนยิงประหารชีวิต

กริ๊ง.....ๆ........ๆ

“สวัสดีค่ะ”  เสียงคุณณิชาดังมาตามสาย

“สวัสดีตอนเช้าค่ะแม่” ณีนนาราพูดออกไป

“ว่ายังไงยัยณีน รู้แล้วใช่ไหมว่าแม่จะไปเยี่ยมที่อังกฤษ”

“ทราบแล้วค่ะยัยนันท์ส่งข้อความมาบอกแล้ว แม่ทานข้าวหรือยังคะ”

“เรียบร้อยแล้ว มีของโปรดเธอด้วย ข้าวต้มปลา มีอะไรล่ะโทรมาแต่เช้า”

“แม่คะ แม่จะมาอังกฤษเมื่อไหร่คะ” ณีนนาราตัดใจถามออกไป

“ก็หลังจากที่ไปเที่ยวกับเพื่อนๆแม่ ยัยนันท์ไม่ส่งตารางไปให้ณีนดูเหรอ”

“ส่งมาค่ะ พอดีช่วงนั้นณีนจะไปเที่ยวฝรั่งเศสพอดี เลยคิดว่าอาจจะไม่สะดวก”

“งั้นแม่ไปเจอที่ฝรั่งเศสก็ได้ จะไปทานขนมร้านโปรด”

“แต่แม่จะมายังไงล่ะคะเดินทางคนเดียวแม่พูดฝรั่งเศสก็ไม่ได้”

คุณณิชาเริ่มรู้สึกว่าณีนนารามีอะไรปิดบังเธอเพราะปกติ ลูกสาวคนนี้จะไม่บ่ายเบี่ยงอะไรในสิ่งที่คนเป็นแม่ต้องการ ได้คือได้ ไม่ได้คือไม่ได้ จนเริ่มสังหรณ์ใจบางอย่าง คนเป็นแม่มักจะรู้อาการผิดปกติของลูกเสมอ

“นี่ณีนนาราเธอมีอะไรเธอพูดมาตรงๆดีกว่านะ นิสัยเธอไม่เคยอ้อมค้อม เธอไม่อยากให้ฉันไปทั้งอังกฤษและฝรั่งเศสกับเธอ”

เมื่อสรรพนามในการเรียกเธอเปลี่ยนณีนนาราก็รู้ว่าคุณณิชาเริ่มไม่พอใจแล้ว และเธอก็ตัดสินใจที่จะไม่อ้อมค้อมเช่นกัน ถึงไม่พูดวันนี้อีกไม่นานเธอก็ต้องบอกมารดาอยู่ดี
“คือ...คือ ตอนนี้เบญจ์เขาอยู่กับณีนที่อังกฤษค่ะ” ณีนนาราแทบจะกลั้นหายใจพูดประโยคนี้ออกไป พร้อมรู้สึกว่าเบญจ์รีบสวมกอดเธอไว้อย่างให้กำลังใจ

“อะไรนะ นี่แผนของเธอใช่ไหมที่จะไปอังกฤษเพราะจะไปอยู่กับคนคนนั้นใช่ไหม” คุณณิชาไม่อยากเอ่ยชื่อ หรือแม้แต่จะกล่าวถึง

“ค่ะ เขาเป็นแฟนณีนนะคะ” ณีนนาราบอกด้วยเสียงอ่อยๆ

“จะเป็นแฟนเธอได้ยังไง เรื่องอย่างนี้มันไม่ใช่เรื่องที่สังคมยอมรับ ผู้หญิงกับผู้หญิงเป็นได้แค่เพื่อนกัน ไม่ใช่แฟน ทำไมเธอถึงเป็นแบบนี้ฉันส่งเธอเรียนดีๆ หวังว่าเธอจะได้แต่งงานมีสามีมีลูกมีครอบครัวที่อบอุ่นนะ” ณิชาพูดอย่างลืมหายใจ

“แม่คะความรักบนโลกนี้มันไม่ได้มีแค่ชายกับหญิงเท่านั้นนะคะ แม่ก็เห็นว่าลูกเพื่อนแม่หลายคนที่แต่งกันไปไม่เท่าไหร่ก็เลิกกัน หรืออาจจะจำทนอยู่กับผู้ชายที่นิสัยไม่ดีเห็นแก่ตัวเพราะไม่อยากเสียหน้าเนื่องจากแต่งงานแล้วมีงานอย่างใหญ่โต ณีนเคยเจอเพื่อนเก่าสมัยมัธยมที่สนามบินตอนเรียนเขาสวยน่ารักมีแต่คนจีบ  ผู้ชายจากโรงเรียนต่างๆมายืนรอหน้าโรงเรียน ถือกระเป๋านักเรียนให้เอาอกเอาใจตลอดเวลา แต่ภาพที่ณีนเจอเขาตอนนี้คือ เธอหิ้วกระเป๋าใบโตหน้าตาอิดโรย เข็นรถเข็นลูกแต่ก็ต้องหันมาอุ้มลูกเพราะลูกร้องไห้ โดยมีสามีหันมาบอกว่าให้ลูกเงียบไวๆอายคนอื่นเขาโดยที่ไม่คิดจะช่วยเหลืออะไรเลย แล้วก็รีบเดินไปพร้อมหนังสือพิมพ์ภาษาอังกฤษในมือหนึ่งฉบับ หรือนี่คือสิ่งที่แม่ต้องการให้ณีนประสบพบเจอ” ณีนนารารีบระบายความอัดอั้นในใจ

“มันก็ไม่ใช่ทุกคู่ที่เป็นอย่างนั้นนี่ เธอไม่เคยมีแฟนผู้ชายเป็นตัวเป็นตน เธออาจจะเจอคนที่ดีก็ได้ แถมใช่ว่าผู้หญิงจะดีทุกคนเธอไม่เคยอ่านข่าวทอมหึงแฟนสาวเลยทำร้ายหรือไง”

“แม่พูดถูกค่ะไม่ว่าหญิงหรือชายก็ล้วนแต่มีคนดีและไม่ดี แต่ประเด็นสำคัญณีนไม่ชอบความหยาบกระด้างของผู้ชาย ผู้ชายพร้อมที่ทำทุกอย่างเพื่อได้มาในสิ่งที่ต้องการแล้วพอได้มาก็ไม่สนใจใยดี ณีนไม่ต้องการที่จะอยู่บ้านเป็นแม่บ้านเลี้ยงลูก ณีนต้องการหาเลี้ยงตัวเอง ถึงแม้ณีนอาจจะเลิกกับเบญจ์ในอนาคตแต่ณีนก็ถือว่าได้มีความสุขกับคนที่ณีนรักและยอมรับในตัวณีน ยอมให้ณีนทำงานที่ณีนชอบ ไม่ก้าวก่ายในการตัดสินใจเพียงแต่ให้กำลังใจ นี่คือสิ่งที่ณีนได้รับจากผู้หญิงที่ณีนรักค่ะ ณีนไม่ต้องการคนเดินนำหน้าหรือเดินตามหลัง ณีนต้องการเพื่อนที่จะเดินไปด้วยกัน นั่งข้างๆกันเงียบๆก็มีความสุขค่ะ ไม่ต้องการความหวือหวาในชีวิต แล้วตอนนี้เบญจ์เขาก็ทำอยู่ค่ะ”

“นี่เธอไม่คิดจะมีชีวิตปกติหรือไง” คุณณิชาพูดออกมาอย่างเหลืออด

“แม่คะ ทางเลือกของณีนไม่ได้ผิดปกตินะคะ เพียง...” ณีนณาราพูดไม่ทันจบคุณณิชาก็แทรกขึ้นมา

“ตามใจเธอแต่จำไว้เธอไม่ต้องมาให้ฉันเห็นหน้าอีกต่อไป เธอโตที่จะเลือกทางเดินเองได้แล้วอย่างที่เธอพูด ฉันก็เลือกว่าฉันไม่อยากข้องแวะกับเธอ” คุณณิชาตัดใจพูดออกไปพร้อมตัดสายทันที

ณีนนาราน้ำตาไหลออกมาจากตาไม่หยุดเธอไม่ได้สะอื้น เพียงแต่หาทางให้น้ำตาหยุดไหลไม่ได้ เบญจ์ได้เพียงแต่กอดแฟนสาวปลอบเอาไว้

“ทำไมแม่ไม่เข้าใจณีนเลยคะ” ณีนนาราพูดออกมาอย่างไม่เป็นคำเพราะเธอพยายามที่จะหยุดร้องไห้ เพื่อเบญจ์จะได้ไม่สบายใจไปด้วย

“เราต้องใช้เวลาค่ะ เบญจ์จะอยู่ข้างๆณีนไงคะเป็นกำลังใจ แล้ววันหนึ่งคุณแม่ณีนต้องเข้าใจ”

“แต่แม่เขาตัดขาดกับณีนเลยนะคะ ตอนที่แม่ทราบว่าณีนไม่ชอบผู้ชายแม่ยังแค่มึนตึงไม่พูดกับณีนเอง”

“ก็ตอนนั้นแม่เขาคิดว่าจะเปลี่ยนความคิดณีนได้ไงคะ แต่ตอนนี้ณีนมีเบญจ์ไง” เบญจ์อธิบาย

“แล้วณีนต้องทำยังไงให้แม่ยอมรับ ณีนไม่อยากให้แม่เสียใจนะคะ แต่ณีนก็ไม่อยากต้องทนไปแต่งงานกับผู้ชาย ที่สำคัญณีนรักเบญจ์” ณีนนาราเงยหน้าขึ้นมาพูดแล้วก็ซบลงไปที่ไหล่แฟนสาวอีกครั้ง

“ณีนก็ต้องพยายามไปหาคุณแม่ตลอด คุณแม่อาจจะปั้นปึ่งไม่สนใจไม่พูดกับณีนแต่เราจะไม่ย่อท้อกันใช่ไหมคะ อาจจะใช้เวลาเป็นปีหรือหลายปีเราก็จะสู้ไปด้วยกันใช่ไหมคะ เบญจ์จะเป็นกำลังใจ คอยนั่งอยู่ข้างเวลาณีนท้อแท้ไม่ทิ้งให้ณีนเผชิญปัญหาอยู่คนเดียว”

แล้วเสียงโทรศัพท์มือถือของณีนนาราก็ดังขึ้นอีกครั้ง เธอไม่อยากจะพูดกับใครตอนนี้เลยจึงส่งโทรศัพท์ไปให้เบญจ์ สักพักก็เบญจ์ก็ยื่นโทรศัพท์กลับมาให้เธอพร้อมกับบอกว่านิชานันท์น้องสาวจะคุยด้วย

“ว่าไงนันท์”  ณีนนาราส่งเสียงอู้อี้ออกไป

“พี่ณีนบอกแม่แล้วเหรอคะ ว่าคุณเบญจ์อยู่ที่อังกฤษด้วย นี่แม่มาไล่บี้กับนันท์ถามว่านันท์รู้เรื่องหรือเปล่า รุ้เห็นเป็นใจกับพี่ณีนใช่ไหม นันท์ก็ได้แต่บอกไปว่าไม่รู้เรื่อง” นิชานันท์ถามออกมาอย่างร้อนใจ

“ดีแล้วเธอปฏิเสธไปอย่างเดียว ไม่งั้นเดี๋ยวเธอจะแย่ไปด้วยยัยนันท์”

“นี่แม่โกรธมากเลยนะคะ โทรไปหาพี่ณัชแถมบอกว่าไม่ต้องให้พี่เหยียบมาที่บ้านอีก”

“แล้วจะให้พี่ทำยังไงนันท์ ตอนนี้พี่ปวดหัวไม่คุยนะ ขอไปนอนก่อน” แล้วณีนนาราก็ตัดสายทันทีพร้อมเดินโซเซไปที่เตียงนอน

เบญจ์รีบเดินออกไปจากห้องเพื่อไปหยิบยาแก้ปวดศีรษะและน้ำมาให้แฟนสาว เมื่อกลับมาถึงห้อง เบญจ์ป้อนยาณีนนาราและให้ดื่มน้ำตาม

“อย่าคิดอะไรเลยนะคะ นอนซะนะดึกมากแล้วเดี๋ยวเบญจ์เอาแก้วน้ำไปเก็บก่อนจะขึ้นมาอยู่เป็นเพื่อน”

“ค่อยเอาไปเก็บพรุ่งนี้เช้าก็ได้ มากอดณีนหน่อยนะคะ ณีนไม่อยากอยู่คนเดียว”

เบญจ์รับกุลีกุจอนำแก้วน้ำไปวางบนโต๊ะข้างเตียงพร้อมทั้งปิดไฟ ล้มตัวลงไปนอนกอดให้ความอบอุ่นกับความอุ่นใจแก่แฟนสาว ทั้งสองไม่ได้เอ่ยอะไรอีกนอกจากมีสัมผัสที่เข้าใจและอ่อนโยนก็เพียงพอในยามที่จิตใจณีนนาราอ่อนแอเช่นนี้ ทุกสิ่งทุกอย่างต้องมีทางออกเพียงแต่ตอนนี้เบญจ์ไม่อยากจะคิดหาทางออก สิ่งเดียวที่เบญจ์ต้องการคือสนองความต้องการของผู้หญิงที่เธอรัก ณีนนาราขอให้เธอกอดและนั่นคือสิ่งที่ณีนนาราจะได้รับจากเธอ

B de Beauvoir 07-08-2012 @Thailand 

หวังว่าคนอ่านคงจะไม่ปวดตับกันมากนะคะ (ว่าแต่ไอ้คำว่าปวดตับมันมาจากไหนเนี้ย) แต่คนเขียนปวดหัวนะ เพราะไม่รู้เขียนออกมาแล้วจะเป็นยังไงไม่เคยมีประสบการณ์ด้วยสิจินตนาการล้วนๆ

เดี๋ยวว่าจะดูแฮนด์บอลนอร์เวย์เอาใจช่วยสาวๆหน่อยค่ะ 

Thursday 2 August 2012

หัดเขียน 21



เอาตอนใหม่มาลงเดี๋ยวจะหายไปนานเกิน เมื่อคืนลุ้นน้องเมย์ รัชนก ตอนน้องเขาชนะก็ดีใจไปกับน้องเขาด้วยจริงๆค่ะ จะว่าไปรู้หรือเปล่าคะว่า สาว Britta Heidemann ได้เหรียญเงินไป แต่มันมี  เรื่องเพราะรอบรองเธอเอาชนะสาวนักฟันดาบจากเกาหลีไปอย่างน่ากังขา (โทษเธอก็คงไม่ได้) ทำให้สาวเกาหลีนั่งประท้วงอยู่ในสนามแข่งตั้งนาน แต่ก็ไม่เป็นผล  แถมเมื่อวานยังมีบทลงโทษที่แบดหญิงคู่ 4 คู่ เล่นกันแบบแย่งกันแพ้ ทำให้ถูก disqualified ไปทั้ง 4 คู่แปดคน แหม น่าจะเป็นประเภทอื่นเช่น ชายคู่ เราจะได้มีสิทธิ์คว้าเหรียญทอง


บทที่  ๒๐

ทั้งสามสาวยังคงใช้ชีวิตไปกับการเที่ยวไปยังเมืองใกล้ๆ พักผ่อนและทำงานสำหรับปูรณ์ ณีนนาราก็ขยันทำกายภาพโดยมีแฟนสาวเป็นคนดูแลช่วยเหลืออย่างดีที่สุดเท่าที่จะทำได้

“เบญจ์คะ ยัยนันท์ส่งข้อความมาว่า แม่จะมาเที่ยวกับเพื่อนที่เบลเยี่ยม แล้วคิดว่าจะมาหาณีนด้วย ทำไงดีล่ะ” ณีนนาราพูดออกมาด้วยความกังวล ขณะที่เธอเพิ่งก้าวเข้ามาในห้องอาหาร หย่อนตัวลงนั่งข้างๆเบญจ์ ตรงข้ามกับเพื่อนรัก

“จะมาเมื่อไหร่” ปูรณ์ที่ยังควบคุมสติได้ดีถามออกไป

“อีก 2 อาทิตย์ ไปเที่ยวเบลเยี่ยมกับพวกๆเพื่อนๆก่อนแล้วจะมาหา” ณีนนาราตอบออกไป

“งั้นฉันก็กลับแล้วสิ ช่วงเราไปฝรั่งเศสกันหรือเปล่า” ปูรณ์ยังคงทำหน้าที่ซักถามรายละเอียด

“น่าจะนะ ต้องโทรไปถามยัยนันท์ แกถามให้หน่อยสิ เครียดแล้วเนี้ย”

“เดี๋ยว Line ถามเลย”

“อย่าเพิ่งคิดมากค่ะ ถ้าเราบอกว่าเราไม่อยู่ คุณแม่ของณีนอาจจะไม่มาก็ได้ บอกว่าเราจะกลับไทยอีกไม่นานแล้ว” เบญจ์พยายามหาทางออก

“นันท์ส่งตารางคร่าวๆของแม่แกมาละ ช่วงที่เราจะไปปารีสกันพอดีเลย เย็นแกรีบโทรไปหาแม่เลย อย่าใจร้อนโทรตอนนี้นะ เพราะเดี๋ยวแม่แกจะจับความผิดปกติได้”

“แล้วจะให้บอกว่าอะไรล่ะ แกก็รู้ฉันมันพวกพูดเฉไฉไม่เก่ง” ณีนนารายังคงกังวล

“ก็ประมาณว่าหายดีแล้วเกรงใจตะวัน จะไปฝรั่งเศสจองตั๋วไปแล้ว อะไรๆก็พูดไปเถอะ เดี๋ยวฉันจะลิสๆให้แกดูว่าควรจะมีเหตุผลอะไรที่แม่แกไม่สมควรมาอังกฤษ” ปูรณ์บอก

“โอ๊ย เบื่อหรือจะบอกแม่ไปตรงๆเลยล่ะ” ณีนนาราหันไปถามเบญจ์

“เดี๋ยวก็ได้ทะเลาะกันหรอกค่ะ ค่อยพูดไปนะคะ ทุกปัญหามันมีทางออกเพียงแต่อาจจะไม่ถูกใจเราทั้งหมดใช่ไหมคะ” เบญจ์ปลอบพลางบีบมือให้กำลังใจ

“ถ้าแกจะบอกแกก็ต้องทำใจผลที่จะตามมาด้วยนะ ฉันรู้ว่าแกกับแม่ก็มีสงครามเย็นกันมาตลอด แต่ถ้าแกบอกคราวนี้ฉันเชื่อว่า แม่แกคงตัดแกออกจากกองมรดกแน่ๆ”

“แกก็รู้ว่า แม่ไม่ค่อยยุ่งกับฉันตั้งแต่ฉันบอกทางเลือกของฉันแล้ว เพียงแต่ตอนนั้นฉันยังไม่มีแฟน เขาก็เลยไม่ค่อยอะไรมากเพียงแต่ไม่ค่อยพูดกับฉัน อีกอย่างแม่ฉันน่ะเขาคงตัดเป็นตัดตายเลิกพูดกับฉันเด็ดขาด ฉันรู้ว่าพอเขาโกรธมากๆหน้ายังไม่อยากมองเลย”

“แล้วณีนจะทนความเฉยชาได้หรือคะ” เบญจ์ถามด้วยความเป็นห่วง

“ถ้าจำเป็นจริงๆณีนคงต้องทนแล้วพยายามไปขอโทษ เซ้าซี้ทีหลังค่ะ”

“เฮ้อ มีแฟนทั้งทียังยุ่งยากขนาดนี้ ฉันว่าฉันไม่มีก็คิดถูกแล้ว”

“อย่ามาปากดีเลยแก แม่แกก็ไม่เคยห้ามแกนี่” ณีนนาราค้อนเพื่อนรัก

“ก็แม่เขารู้ฉันน่ะดื้ออีกอย่าง แม่ฉันเขาไม่ได้อยากให้ฉันแต่งงานมีลูกนี่นา เขาบอกเองเลยว่าถ้าจะมีแฟนไม่จำเป็นต้องแต่งงาน ไม่ต้องจดทะเบียน ไม่ต้องมีหลานมาให้แม่ช่วยเลี้ยง เพราะบั้นปลายชีวิตแม่จะไปเที่ยว ไปทำบุญ ก่อนย้ายไปอยู่เชียงใหม่”

“โห แม่ปูรณ์พูดอย่างนี้จริงๆเหรอคะ ทันสมัยมาก” เบญจ์ถามด้วยความทึ่ง

“ใช่แม่เราทันสมัยนะ แม่สอนแต่เด็กเลย ให้ตั้งใจเรียน ทำงาน หาเลี้ยงตัวให้ได้ก่อนที่คิดจะมีแฟน อย่าเอาชีวิตของเราไปฝากไว้ในมือคนอื่น พ่อ-แม่ ให้ความรักแบบไม่มีเงื่อนไข แต่แฟนเมื่อเลิกกันก็เป็นเพียงคนเคยรู้จักกัน อาจจะมองหน้ากันไม่ติดด้วยซ้ำ แถมถ้าเจอคู่ชีวิตไม่ดีให้ออกมาดูแลบ้าน แต่ลืมไปว่าถ้าคุณไปจ้างคนอื่นก็ต้องจ่ายเงินเดือน ไม่ใช่คิดว่าต้องทำฟรีๆ เป็นหน้าที่ของคนที่ได้ชื่อว่าเป็นภรรยา”  ปูรณ์บอกพร้อมแสดงความภูมิใจในตัวแม่ของเธอ

“แม่เราไม่เคยพูดนะ เรารู้ว่าลึกๆเขาก็คงอยากให้เราแต่งงานมีครอบครัว แต่ในเมื่อเราดูแลตัวเองแต่เด็กไม่เคยออกนอกลู่นอกทางให้เขาไม่สบายใจ เขาก็เลยไม่อยากยุ่งกับทางชีวิตที่เราเลือก เขาเคยพูดว่าแม่ไม่ได้เป็นคนที่เบญจ์จะใช้ชีวิตไปด้วยยามแก่เฒ่า แม่คงไม่ไปบังคับให้เบญจ์อยู่กับคนที่เบญจ์ไม่รักหรอก แม่พูดกับเราตอนที่เราบอกกับแม่ว่าเราไม่ชอบผู้ชาย” เบญจ์เล่าให้ฟัง

“แล้วทำไมแม่ณีนไม่ตามใจณีนบ้างล่ะ”

“ณีนคะ ถ้าคนเราทั้งโลกเหมือนนิสัยเหมือนกันหมด เบญจ์คิดว่าโลกเราคงจะยุ่งน่าดูนะคะ เอาแค่ความชอบส่วนตัว ทุกคนชอบกินอาหารชนิดเดียวกัน ก็เกิดการแย่งกัน จนทะเลาะเบาะแว้งกัน ใจจริงเบญจ์ชอบแนวคิด Utopia นะคะ แต่มันเป็นไปไม่ได้ ฉะนั้นเราคงต้องสู้กับผลกระทบสิ่งที่ตามมาในสิ่งที่เราเลือกนะคะ” เบญจ์พูดปลอบ

“เราไป Brighton กันเถอะไปนั่งดูทะเล เดิน Pier ถึงแม้ทะเลอาจจะไม่สวยอย่างบ้านเราแต่ได้ไปผ่อนคลายอารมณ์ เผื่อจะคิดทางออกอีกทางให้กับปัญหาได้นะ เดี๋ยวเราขับเองเบญจ์ มีเจ้า Tomtom อยู่ไม่ต้องกลัวเราพาหลง”

“ไปเที่ยวกันดีกว่านะคะณีน” เบญจ์พยายามโน้มน้าวให้แฟนสาวไปเที่ยวดีกว่ามานั่งอยู่ในบ้าน

“ค่ะ ว่าไงก็ว่าตามกัน” ณีนนาราคิดว่าเธอไม่ควรทำตัวให้เป็นปัญหาให้เพื่อนรักและแฟนสาวลำบากใจไปมากกว่านี้

“โอเค 20 นาทีเจอกัน ให้โอกาศไปเตรียมตัวไปเดินชายทะเลกันดีกว่า” ปูรณ์นัดแนะพร้อมเดินผิวปากออกไปอย่างอารมณ์ดี

ณีนนาราได้แต่ส่ายหน้ากับความเป็นสาวที่มีทางออกให้กับตัวเองและคนสนิทอยู่เสมอของปูรณ์ แต่ถ้าไม่มีเพื่อนอย่างปูรณ์เธอก็ไม่รู้จะไปรับคำปรึกษาดีๆจากใคร  ทั้งสามเดินใช้เวลาเดินทางประมาณ 2 ชั่วโมงครึ่งก็มาถึง Brighton เมืองที่ได้ชื่อว่าเป็น "the gay capital of Britain"

“ถึงซะที เราไปไหนกันดี แต่ฉันหิวแล้ว เครียดแล้วหิว” ปูรณ์ร้องให้ไปหาอาหารรับประทานเป็นอย่างแรก

“เราไปซื้อ Fish and Chips ที่ Bardsley's แล้วมานั่งกินกันริมทะเลก็ได้ดีไหม ตั้งแต่มาอังกฤษเราไม่ค่อยได้กิน Fish and Chips กันนี่นา ไม่ได้กินก็เหมือนมาไม่ถึงอังกฤษน่ะสิ” ณีนนาราแนะนำ

“โอเค แต่อร่อยแน่นะคะคุณณีน” ปูรณ์แซวเพื่อนรักเพื่อเพิ่มอารมณ์ครื้นเครง

“แน่สิ เดี๋ยวฉันลงไปซื้อเอง แกขับตาม Tomtom ไปเถอะ” ณีนนารารีบบอกเพื่อน

“เดี๋ยวเบญจ์ลงไปซื้อให้ก็ได้” เบญจ์รีบเสนอความช่วยเหลือเพราะกลัวแฟนสาวเหนื่อย

“ไม่ต้องค่ะ แค่ลงไปช่วยถือก็พอ”

เมื่อถึงร้านเพิ่งเปิดพอดีตอนเที่ยงครึ่ง แต่ก็มีคิวรออยู่แล้วประมาณ 3-4 คิว ณีนนาราเป็นคนลงไปซื้อพร้อมทั้งมีผู้ช่วยถือของไปด้วย เมื่อได้อาหารพร้อมน้ำดื่มทั้งสามก็มุ่งหน้าไปริมชายหาดเผื่อไปนั่งรับประทานพร้อมชมวิวเมือง Brighton

“ซื้ออะไรมาบ้างล่ะ”  ปูรณ์ถามด้วยความหิวโซ

“ก็มี ปลามาสามชิ้น เป็น cod 2 กับ haddock 1 ชิ้น แล้วก็ชิพ 1 ขนาดใหญ่ 1 ที่ให้แกกับเบญจ์ ส่วนฉันสั่งขนาดเล็กมา เพราะฉันใส่ เวเนียก้าด้วย แล้วก็ซื้อ Tango แอปปิ้ลมาให้แกเพราะรู้ว่าคุณปูรณ์ชอบจนคิดอยากจะขนกลับไทยอยู่แล้ว”

“งั้นๆกินกันเลยนะคะ เดี๋ยวจะได้มีเวลาไปเดินเล่นที่ Pier” เบญจ์รีบชักชวนเอาใจแฟนสาวและเพื่อน

“ที่จริง Brighton มี Pier สองที่นะคะ แต่อีกที่ถูกไฟไหม้ไป เห็นไหมคะ ยังมีซากให้เห็นอยู่เลย ที่ไหม้นั่นคือ West Pier ที่สวยๆนี่ Palace Pier/ Brighton Pier ถ้าเดินเข้าไปก็จะเป็นอาร์เคด มีตู้เกมเยอะแยะ”

“ก็เหมือนร้านเกมต่างๆที่ Ramsgate ใช่ไหมคะ” เบญจ์ถาม

“ใช่ค่ะ ก็ไม่มีอะไรน่าตื่น แต่จะมีของเล่นหลอกเด็กเยอะกว่านิดนึงค่ะ นี่คุณปูรณ์แกจะขึ้นไปขี่ม้าหมุนก็ได้นะ” ณีนนาราแซวเพื่อน

“ไม่อะ ฉันคิดไว้แล้ว ฉันจะเล่น Air Hockey กับเบญจ์ ดีนะที่เบญจ์มาด้วยไม่งั้นแกก้ปล่อยให้ฉันหาตู้เกมที่เล่นคนเดียว แกก็นั่งรอให้ฉันเดินเล่นอยู่คนเดียว” ปูรณ์พูดอย่างหมายมั่นปั้นมือ

“ได้เลยค่ะ ใครแพ้เลี้ยงไอศครีมดีไหมคะ เราเห็นมีไอศครีมโคนขายอยู่ตรงนั้น” เบญจ์รีบสนองความต้องการของปูรณ์ เนื่องจากเธอกับแฟนสาวได้รับการช่วยเหลือจากปูรณ์มาตลอด

“ณีนเตือนไว้ก่อนนะคะ ว่าสงสัยเบญจ์ต้องเตรียมเงินไว้ซะแล้วยัยปูรณ์เขาเจ้าแม่นะคะ ไปเที่ยวไหนเจอโต๊ะ Air Hockey ไม่เคยได้ เล่นอยู่ได้เล่นอยู่อย่างเดียว เวลาไปกับณีนสองคนก็พยายามบังคับให้ณีนไปเล่นด้วย แล้วณีนเล่นไม่เก่งก็บ่น จนบางทีอยากเล่นมากต้องใช้วิชาด้านได้อายอดเข้าไปขอเล่นกับเด็กๆที่เล่นกันอยู่โดยเสนอว่าจะออกเงินค่าเกมให้ด้วยนะคะ” ณีนนาราได้ทีเผาเพื่อนรัก

“แหม แค่ 2 ครั้งเองนะ ตอนนั้นมันเบื่อๆนี่เขียนงานไม่ออกเลยออกกำลังซะหน่อยให้ร่างกายหลั่งสารมากระตุ้นจะได้กระปรี้กระเปร่า หัวสมองแล่น” ปูรณ์รีบแก้ตัว

“ไม่เป็นไรค่ะ เบญจ์ก็พอเล่นได้ ตอนเด็กๆเล่นกับบูรณ์บ่อย เวลาไปเดินห้างก็ต้องเล่นอะไรที่เราสองคนเล่นด้วยกันได้”  เบญจ์อธิบาย

หลังจากทั้งสามรับประทานอาหารเสร็จก็ ไปเดินเล่นที่ Pier โดยในตอนแรกก็เดินไปรอบๆเพื่อชมวิว ทิวทัศน์ Brighton Beach นั้นไม่สวย เบญจ์จึงไม่แปลกใจเลยทำไมคนอังกฤษถึงเดินทางไปเที่ยวทะเลในเมืองไทยกันเยอะขนาดนี้  ถึงเวลาที่ปูรณ์กับเบญจ์จะแข่ง Air Hockey กัน โดยตกลงว่าจะแข่ง 3 เกม ชนะ 2 ในสาม แล้วก็เป็นดังคาดที่ปูรณ์เป็นฝ่ายชนะอย่างไม่ยากเย็นนัก เบญจ์ก็รักษาสัญญาโดยการเลี้ยงไอศครีมแก่ปูรณ์และณีนนารา

“ไอ้ณีนแกถือว่ากินแรงไหมเนี้ยไม่ทำอะไรยังมีไอศครีมเดินกินชิลๆ ขอบคุณฉันสักคำยัง”

“นี่ถึงแกแพ้ แล้วแกไม่ซื้อเลี้ยงฉันแฟนฉันก็ต้องซื้อให้ฉันอยู่ดี แล้วอันนี้เบญจ์เขาเลี้ยง ไม่ต้องแข่งอะไรเขาก็เต็มใจเลี้ยงฉันย่ะ”  ณีนนารารีบบอก

“หมันไส้ แฟนฉันเต็มปากเต็มคำดีเหลือเกินนะ”

“กินไอศครีมกันดีกว่าเนอะเดี๋ยวละลายหมด แล้วเราจะได้กลับ Broadstairs กัน เดี๋ยวเบญจ์ขับเอง ณีนกับปูรณ์จะได้พักผ่อนไง” เบญจ์รีบพูดหย่าศึก     

หลังจากเดินเล่นกันอีกสักพักทั้งสามก็ขับรถกลับบ้านตะวัน โดยไม่ลืมที่จะโทรไปถามตะวันว่าต้องการอะไรเป็นอาหารค่ำ ทั้ง 3 จะได้แวะซื้อเป็น Take Away เข้าไปเลยทีเดียว จะได้ไม่ต้องเสียเวลาทำอาหาร
*Tomtom เครื่อง GPS ยี่ห้อหนึ่ง

B de Beauvoir 02-08-2012 @Thailand