Tuesday 31 July 2012

Miscellaneous 30


วันนี้อยากเขียนอะไรมาอัพบล๊อกค่ะไม่อยากห่างหายไปนาน แต่จะเขียนอะไรนี่แหละปัญหา หึหึ  สรุปลงตัวว่าเรื่องมั่วๆเนอะ

1.เคยฟังเพลง “คิดถึงนะ” กันไหมคะ เราก็เคยฟังผ่านหูมาบ้างแต่ก็ไม่ได้สนใจอะไร จนไปร้านหมอฟันเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา เจอหลานชายหมอน่าจะสักประมาณ 3 ขวบ งึมงัมเพลงนี้ตลอดเวลาน่ารักดีเลยกลับมาถามน้องว่าเพลงอะไร แต่ปัญหาเราว่าที่เด็กน้อยร้องน่ารักดี LOL ชอบมากกว่าต้นฉบับอีกอะ เสียดายไม่กล้าขออัดเสียงเด็กไว้

2.อาทิตย์นี่ ธรณีนี่นี้ใครครอง จะจบแล้วนะคะ แต่เราไม่ดูอะ (แล้วจะมาพูดทำไม) คือยังจำพี่อาทิจกับน้องนี สมัยแอนดริว กับ ป๊อก ปิยะธิดา ได้อยู่เลย ตอนนั้นลงทันไปซื้อนิยายมาอ่านด้วยนะ แต่ว่าหนังสือนิยายหายไปไหนแล้วไม่รู้อะ

3.เคยฟังเพลงที่แบบว่าคนเอามาร้อง cover ดังกว่า ต้นฉบับกันไหมคะ จนแบบจำว่าไอ้ที่ดังๆกันเนี้ยมันเป็นต้นฉบับ ทั้งเพลง “มากกว่ารัก” ที่หลายคนนึกว่าเป็นเพลงของโรส แต่จริงๆแล้วเห็นของ พีท พล สมัยที่เราจำเขาไม่ได้เลย หรืออย่างเพลง “ความลับ” มัม ลาโคนิค ร้อง จริงๆแล้วเป็นเพลงของ แตง ปาริฉัตร (รู้จักไหมเนี้ย) หรือเพลง “ก้อนหินละเมอ” ต้นฉบับคือ Soul After Six แต่หลายคนกับนึกว่าเป็นเพลงของ  คุณธีร์  ไชยเดช และเพลง “เรารักกัน” ที่ ซาร่า ผุงประเสริฐ นำมาร้อง เป็นเพลงของ ป้าง นครินทร์

ขอโพสเวอร์ชั่นที่เราชอบละกันนะคะ








Friday 27 July 2012

หัดเขียน 20


วันนี้เอานิยายมาฝากค่ะ เพื่อขอบคุณที่ทุกท่านเป็นผู้อ่านที่ดีทนอ่านคำบ่นไร้สาระ  จขบ ด้วยดีเสมอมานะคะ เรื่องที่บ่นมันก็เข้ามาแล้วก็จะผ่านไปค่ะ เพียงแต่การรับมือกับปัญหาของแต่ละคนมันไม่เหมือนกันเนอะเราก็เลยบ่นบ้าบอ เวิ่นเว้อไป

เอาเป็นว่ามาอ่านนิยายกันดีค่ะ ชีวิตจริงก็อาจจะคล้ายๆนิยายนิดนีง ตอนที่อยู่ช่วง Happy มีความสุขจงตักตวงช่วงนั้นไว้เยอะๆนะคะ เพราะไม่รู้ว่ามารจะมาผจญเมื่อไหร่

คืนนี้จะมีพิธีเปิดโอลิมปืกว่าจะรีบนอนแล้วตื่นขึ้นมาดูค่ะ ไม่รู้จะทำได้หรือเปล่าสิคะ เราชอบดูตอนนักกีฬาเดินเข้าสนามนะดูมันตื้นตันดีค่ะ

บทที่  ๑๙


วันรุ่งขึ้นทั้งสามตกลงว่าจะนั่งทำงาน,ทำกายภาพ และทำความสะอาดบ้านให้ตะวันตอนเช้า หลังจากนั้นตอนเที่ยงปูรณ์จะนั่งรถไฟไปช๊อปปิ้งที่ Ashford คนเดียว พร้อมบอกให้ณีนนาราวางแผนไปเที่ยวเมืองใกล้ๆแบบเช้าไปเย็นกลับ

“อย่าห่วงน่า เราพูดอังกฤษได้นะ แถมแกก็บอกเองนี่ว่าไปง่ายทำฉันเป็นเด็กอายุ 12 ไปได้” ปูรณ์บ่นณีนนารา หลังจากที่ทั้งสามกินอาหารกลางวันเรียบร้อย พร้อมเตรียมตัวไปสถานีรถไฟ

“ก็แกไปคนเดียวนี่ ให้เบญจ์ไปเป็นเพื่อนไหม เราอยู่บ้านเฉยไม่ไปไหนอยู่คนเดียวได้” ณีนนารารีบเสนอความคิด

“นี่ๆ เงียบๆไปเบญจ์เขาแฟนแกเขาก็ต้องอยู่ดูแลแก ส่วนฉันไปมาหมดแล้วลำบากกว่านี้ก็ไปคนเดียวขอร้องอย่าเวอร์ค่ะคุณนาย ยังไงแกกับฉันก็คงไม่แยกกันไปอีกนานก่อนฉันกลับไทย ไปล่ะ ถ้ามีปัญหาจะโทรมา อ้อ อย่าลืมดูเช่ารถด้วยนะ เช่าสักอาทิตย์หนึ่ง” แล้วปูรณ์ก็รีบเดินออกไปเนื่องจากถึงเวลารถไฟใกล้มาถึงสถานีแล้ว

“อย่าห่วงปูรณ์เลยค่ะ ปูรณ์เขาโตแล้ว” เบญจ์จับมือพร้อมย้ำให้ณีนนาราสบายใจ

“ณีนทราบค่ะ เพียงแต่ณีนกลัวว่าปูรณ์อยากไปข้างนอกเพราะอยากให้ณีนกับเบญจ์อยู่กันลำพัง กลัวเป็นก้างขวางคอเราค่ะ”

“อย่างปูรณ์น่ะเหรอคะ ยังกับว่าณีนไม่รู้จักเพื่อนรักของตัวเองดี ปูรณ์เขาชอบมีพื้นที่ส่วนตัว ขอเวลาอยู่กับตัวเองบ้างวันละนิดก็ยังดีไม่ใช่เหรอคะ”

“เนอะ ณีนก็ลืมไป ปูรณ์คงเบื่อต้องมาติดอยู่กับณีนตั้งเป็นอาทิตย์แล้ว ขอบคุณนะคะ” ณีนนาราหันไปหอมแก้มขอบคุณแฟนสาว

“เหนื่อยไหมคะ เก็บจานชามเข้าตู้ ไปพักผ่อนดีกว่าเดี๋ยวเบญจ์นวดผ่อนคลายกล้ามเนื้อให้นะคะ” เบญจ์พูดพร้อมจูงณีนนาราขึ้นไปบนห้อง

“นวดเป็นด้วยเหรอคะ ว่าแต่นวดคลายกล้ามเนื้อนี่ต้องนวดบนห้องนอนด้วยเหรอคะ”ณีนนาราแกล้งถาม

“ก็เดี๋ยวณีนไม่สบายตัวนวดที่ห้องนั่งเล่น นวดในห้องนอนสบายกว่าค่ะ ตอนเด็กๆนวดขาให้แม่บ่อยนะคะ แต่ไม่มีน้ำมันหอมมา ใช้เบบี้ออยแทนก็ได้”

“งั้นนวดได้แต่ขาสิคะเพราะเบญจ์บอกว่านวดขาเก่ง  ความจริงณีนเมื่อยหลังมากกว่านะ”ณีนนารายังคงแซวต่อไป

“นวดได้ทั้งตัวเลยค่ะ ไปเปลี่ยนเป็นกางเกงขาสั้นกับเสื้อยืดก่อนนะคะ เดี๋ยวเบญจ์ไปล้างหน้าล้างมือก่อน” เบญจ์พาณีนนาราไปที่โซฟาในห้องนอน พร้อมจัดเตรียมเสื้อผ้าให้เปลี่ยน

ณีนนาราเมื่อเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จก็นั่งรออยู่บนโซฟา เบญจ์เปิดประตูเข้ามาในห้องในชุดที่คล้ายกันกับณีนนาราคือเสื้อยืดกับกางเกงขาสั้น เบญจ์ย่อตัวลงไปนั่งขัดสมาธิที่พื้น ยกขาของแฟนสาวขึ้นมาวางบนตัวเธอพร้อมเทน้ำมันใส่มือเพื่อเริ่มต้นการนวดที่เท้า ข้อเท้า น่อง จนถึงหัวเข่า เบญจ์นวดขาทั้งสองข้างให้กับแฟนสาวด้วยความตั้งใจ

“กลิ่นเบบี้ออยขวดนี้หอมจังเลยนะคะ กลิ่นลาเวนเดอร์ ใช่หรือเปล่า”

“ใช่ค่ะ เบญจ์ไปขโมยมาจากในห้องน้ำสงสัยต้องไปซื้อมาคืนตะวันซะแล้ว ใช้ไปเยอะพอควรเลย ณีนเมื่อยหลังไม่ใช่เหรอคะ ไปนอนคว่ำบนเตียงเลยเดี๋ยวเบญจ์นวดให้”

“จะดีหรือคะณีนเกรงใจ” ณีนนาราถามด้วยความเกรงใจ

“ดีค่ะ ไม่ต้องเกรงใจแฟนทั้งคน  มากกว่านี้เบญจ์ก็ทำให้ได้อยู่แล้ว” เบญจ์พยุงณีนนาราไปที่นอน  พร้อมทั้งจะถอดเสื้อยืดของแฟนสาวออก

“ต้องถอดด้วยหรือคะ” ณีนนาราถามพร้อมอาการหน้าแดง

“ถอดสิคะเดี๋ยวเสื้อเปื้อน ณีนยังมีชั้นในอยู่ไงคะ ว่าแต่จะเขินอะไรเบญจ์เนี้ย”

ณีนนาราหยิกไปที่ต้นแขนเบญจ์ไปทีนึง พร้อมค่อยๆถอดเสื้อยืดออกและคว่ำหน้าลงไปนอนบนเตียง เธอรู้สึกว่ามือของแฟนสาวเอื้อมมาปลดตะขอเสื้อชั้นใน แล้วก็มีน้ำมันเทลงมายังไหล่และหลังของเธอ ไม่นานหลังจากนั้นก็มีมือนุ่มๆค่อยนวดไปยังคอไหล่และหลังของเธออย่างเบามือ มันอาจจะไม่ใช่การนวดที่ดีที่สุดเหมือนในสปาที่ณีนนาราชอบไป แต่มันเป็นความอบอุ่นการใส่ใจอย่างที่สุด

เบญจ์นวดอย่างตั้งใจไปสักครู่ จนรู้สึกได้ว่าแฟนสาวนั้นกำลังผ่อนคลายเหมือนตกอยู่ในภวังค์ที่พร้อมจะหลับเธอจึงคิดแกล้งด้วยการก้มหน้าไปที่หูของณีนนาราแล้วเป่าลมใส่หูทำให้ณีนนาราสะดุ้ง

“โอ้ย แกล้งณีนทำไมคะ คนกำลังสบาย” ณีนนาราหันหน้ามามองแฟนสาวที่กำลังยิ้มกริ่มดีใจที่ได้แกล้งเธอ

“ไม่ได้แกล้งนะคะ เพียงแค่อิจฉาคนนอนสบายจนจะหลับ ขอโทษนะคะ”  เบญจ์ยิ้มไปพูดไป

“จะยกโทษให้ดีไหมคะ ขอคิดก่อน”

“ยกโทษให้สิคะ” เบญจ์นวดหลังต่อไปเพียงแต่ครั้งนี้เธอเอาริมฝีปากไปพรมจูบไล่มาตั้งแต่ที่คอ ไหล่ จนถึงแนวเสื้อชั้นในของแฟนสาว

“ทำกันอย่างนี้แน่ใจนะคะว่าจะนวดให้ณีนผ่อนคลาย” ณีนนาราพลิกตัวให้นอนหงายจ้องไปที่ตาของเบญจ์แล้วเอ่ยถาม

“ผ่อนคลายสิคะ” เบญจ์พูดพลางใช้มือวนๆบริเวณท้องของแฟนสาวแล้วก้มไปประกบปากแฟนสาวเพื่อยุติบทสนทนา

ณีนนาราใช้มือลูบไปที่หลังของเบญจ์พร้อมทั้งพยายามดึงเสื้อออก แล้วบทรักที่ร้อนแรงก็เริ่มต้นขึ้นด้วยที่ทั้งสองไม่ต้องเกรงใจว่าจะมีบุคคลที่สามมารับรู้ได้ยินหรือเห็นเข้า

“รักที่สุดเลยค่ะ” ณีนนารากระซิบไปที่หูพร้อมทั้งรั้งร่างของเบญจ์อันชุ่มเหงื่อของเบญจ์มากอด จุบไปที่ขมับและไรผม

“รักที่สุดเหมือนกันค่ะ ไปอาบน้ำด้วยกันนะคะ อยากให้แฟนถูหลังให้นะคะๆ” เบญจ์ทำหน้าอ้อนวอนแฟนสาว

“ได้ค่ะ แต่อย่าซนนะคะ เพราะณีนต้องโทรไปเช่ารถกับวางแผนพาปูรณ์กับใครก็ไม่รู้เที่ยว” ณีนนาราค่อยๆลุกเอาพาเช็ดตัวคลุมตัวแล้วก็เดินไปห้องน้ำ

“ค่ะ ไม่ซนค่ะรับรอง ไว้ซนวันอื่นก็ได้” เบญจ์หัวเราะรีบใส่ชุดคลุมอาบน้ำวิ่งตามไปที่ห้องน้ำ

ทั้งสองสาวใช้เวลานานกว่าที่ตั้งใจไว้เล็กน้อยเพราะคนที่บอกว่าจะไม่ซนนั้นเกิดไม่เชื่อฟังจนณีนนาราอ่อนใจเผลอไผลไปกับความต้องการของตัวเธอเองและแฟนสาว

“เป็นไงล่ะคะ ต้องรีบวางแผนเที่ยวเลย ถ้ายัยปูรณ์ไม่เห็นแผนว่าจะไปเที่ยวที่ไหนวันไหนบ้าง ณีนถูกแซวอีกแน่”  ณีนนาราบ่นแฟนสาวหลังจากที่ทั้งคู่แต่งตัวเสร็จลงมานั่งที่ห้องรับแขก

“ขอโทษค่ะ ก็คิดถึงณีนมากๆนี่นา แต่ก็วางแพลนไว้คร่าวๆแล้วไม่ใช่เหรอคะ ที่ไปเที่ยวแบบออกตอนเช้าแล้วก็กลับเย็น”  เบญจ์รีบทำหน้าตาสำนึกผิดใส่ณีนนารา

เสียงไขประตู พร้อมเสียงตะโกนของปูรณ์ดังมาก่อนที่จะเห็นตัวเป็นธรรมเนียมของคนอังกฤษที่ปฏิบัติกันมา  ปูรณ์ก็เดินเข้ามาพร้อมหิ้วถุงมาพะรุงพะรัง

“ว่าไงคะปูรณ์ ไม่คิดว่าจะเป็นสาวนักช๊อปนะเนี้ย ของเยอะอยู่” เบญจ์ถามออกไป

“ของเรานิดเดียวนอกนั้นก็ของแม่กับของยัยปาล์มน่ะ”

“หลงหรือเปล่าแล้วซื้ออะไรมาบ้าง”  ณีนนาราถามเพื่อนรัก

“มือชั้นนี้แล้วไม่หลงหรอกย่ะ  เราได้เทรนเนอร์มาคู่หนึ่งกับเสื้อ pull-over  แล้วก็ชาทั้งหลายแหล่ของ Whittard ให้ยัยปาล์ม ส่วนของแม่ก็พวกเครื่องหอมจาก  Woods of Windsor ได้ของฝากมาครบแล้วก็ไม่ต้องไปหาของฝากแล้ว ส่วนของพี่วีก็น้ำหอมซื้อตอนไปฝรั่งเศสก็ได้ เห็นบ่นๆอยู่ว่า  Mademoiselle กำลังจะหมดขวด” ปูรณ์สาธยายเรื่องของฝากให้เพื่อนรับรู้

“ไว้แกพาเบญจ์ไปด้วยสิเผื่อเบญจ์อยากไปซื้อของไปฝากคุณพ่อ-คุณแม่ แล้วก็พี่บูรณ์”

“โอ๊ย คุณพ่อ-คุณแม่ เต็มปากเต็มคำเหลือเกิน แล้วเรื่องเที่ยววางแผนไปที่ไหนบ้าง” ไม่ใช่มัวแต่จิ๊จ๋ากันงานการที่ฉันสั่งไว้แล้วไม่ได้เรื่อง

“ไอ้ปากมอม มือชั้นนี้แล้ว ฉันวางแผนคร่าวๆไว้แล้วว่าจะไปไหนบ้าง คือไม่ต้องมีแพลนที่แน่นอนเกิดวันไหนแกขี้เกียจฉันรู้ว่าแกก็จะงี่เง่านอนอยู่บ้านแน่ๆ  เอาเป็นว่าฉันเช่ารถไปแล้ว 1 อาทิตย์ เริ่มวันมะรืนเพราะพรุ่งนี้ฉันม่นัดทำกายภาพแต่เช้าแล้วเราก็จะไป Canterbury กัน ส่วนที่คิดว่าจะไปไหนฉันลองลิสรายการมาให้แกดูก็มีอย่าง Leeds Castle, Dover Castle, Winsor Castle ไปเดินดูพวก visual arts ที่ *Turner Centre ที่ Margate แล้วก็ไป Whitstable เพื่อกินอาหารทะเล  ไป Brighton ไปเดิน pier กับ Royal Pavilion รายการแค่นี้พอไหมคะคุณนายปูรณ์ขา แล้วแกยังมีทริปปารีสอีกนี่นา”  ณีนนารารีบพูดทุกสิ่งทุกอย่างออกมาจาก ความทรงจำของเธอ ด้วยที่กลัวจะถูกเพื่อนแซวว่าให้ววางแผนไปเที่ยวแต่มัวไปทำอะไรอยู่

“พอแล้วย่ะแม่คุณ มาเป็นชุดเชียว” ปูรณ์บ่นพลางลุกไปเทน้ำมาดื่ม แล้วก็มีเสียงประตูเปิดเข้ามาพร้อมเสียงของตะวัน

“สวัสดีทุกคน วันนี้เราหิวมากเราเลยโทรไปสั่งอาหารอินเดียเจ้าประจำให้มาส่งอีก 10 นาทีคงมาส่งแล้วนะ”

“ดีๆเราก็หิวเหมือนกัน ว่าแต่มีอะไรบ้าง” ปุรณ์ตะโกนตอบ

“มี Chicken Tandoori, Lamb Vindaloo, Chicken Tikka Masala, Vegetable Biryani, Cauliflower Bhajee แล้วก็ Popadom กับ Nan ของหวานคือกีวีกับสตอเบอรี่ที่เราซื้อกลับมาด้วย” ตะวันบอกรายการอาหารอย่างรวดเร็ว

“เยอะไปไหมคะ” เบญจ์ถาม

“ไม่หรอกค่ะ portion เขาไม่ใหญ่” ณีนนาราหันไปตอบ

หลังจากกินอาหารค่ำเสร็จ เบญจ์ขอเป็นคนเก็บจานชามเข้าเครื่องล้างเองเพราะทุกๆคนคงเหนื่อยจะได้รีบไปพักผ่อนกัน เตรียมตัวไปทำงาน ทำกายภาพ และเที่ยว วันรุ่งขึ้นหลังจากไปทำกายภาพตั้งแต่ 9.00 น. เมื่อเสร็จทั้งสามสาวตกลงว่าจะทานอาหารง่ายๆที่ในเมือง Ramsgate แล้วก็นั่งรถไฟไป Canterbury ทั้งสามมาถึง Canterbury ประมาณเที่ยงกว่า โดยที่ผู้นำทัวร์อย่างณีนนาราได้ตกลงกันว่าจะพาไปนั่ง Canterbury Historic River Tours ซึ่งใช้เวลาประมาณ 40 นาทีต่อหนึ่งรอบ ไม่ต้องเดินให้เมื่อย นั่งอยู่ในเรือมีคน Punting ชมบรรยากาศ พร้อมมีเกร็ดความรู้เกี่ยวกับเมือง Canterbury จากเจ้าถิ่นจริงๆ หลังจากนั้นทั้ง 3 จะเดินไปนั่งดื่มกาแฟกันที่ร้าน Starbucks เพื่อเอาใจปูรณ์  ก่อนเข้าไปชม Canterbury Cathedral ซึ่งเป็น Cathedral ของ Archbishop of Canterbury ผู้นำศาสนาคริสต์นิกาย Church of England ที่พระเจ้า Henry ที่ 8 มีประสงค์ตั้งขึ้นแยกตัวออกมาจาก Vatican, Rome เนื่องจากพระองค์จะแต่งงานใหม่แต่ทาง Pope ไม่ยอมจึงตั้ง Church of England ขึ้นมา 


ทั้งสามคนมีความสุขกับการนั่งชมวิวดูบรรยากาศ และเดินดูสถาปัตยกรรม Romanesque กับ Gothic ของ Cathedral แถมเมือง Canterbury ได้ชื่อว่าเป็นเมืองที่มีนักท่องเที่ยวมาเยี่ยมชมอันดับสูงเมืองหนึ่งทีเดียว ทั้งยังมีมหาวิทยาลัยอย่าง University of Kent และโรงเรียนสอนภาษาหลายแห่ง พวกเธอจึงพบคนไทยเดินผ่านหน้าไปหลายคน  เมื่อเที่ยวกันจนเหนื่อยแล้ว ทั้งสามตกลงว่าจะโทรไปบอกตะวันว่าพวกเธอนั่งดื่มรอตะวันกลับบ้านพร้อมกันที่ Old Weavers Restaurant

“เอ้าระหว่างรอดื่มอะไรกันคะ เดี๋ยวปูรณ์เลี้ยงเอง”

“ขอ Sparkling Water ขวดหนึ่งเอาเลมอนด้วยนะ”  ณีนนาราสั่ง

“งั้นเราขอ White wine 1 แก้ว หรือปูรณ์จะดื่มกับเราจะได้สั่งมา 1 ขวดเลย” เดี๋ยวเราไปช่วยถือ

“ไม่เอาละเราจะดื่ม Guinness เอา pint หนึ่งเลย” พูดแล้วปูรณ์ก็เดินไปสั่ง

*Turner Centre คือสถานที่ที่ Holly กับ Karen ไปเดินดูงานศิลป์กันค่ะ Series True Love ถ่ายทำที่เมือง Margate ค่ะ

B de Beauvoir 27-07-2012 @Thailand



หวานกันพอไหมคะ ถ้าหวานไม่พอรบกวนไปซื้อน้ำตาลมาใส่เพิ่มกันเองนะคะ จขบ มีปัญญาเขียนได้เท่านี้จริงๆ ฮาฮา  ไม่ได้ตรวจทานอะไรทั้งสิ้นเขียนเมื่อคืนก่อนที่จะปวดหัวแล้วไปนอนค่ะ ฉะนั้นคำผิดพียบแน่นอน

Wednesday 25 July 2012

Miscellaneous 29


ตอนแรกว่าจะเขียนถึงเรื่องนักกีฬาแต่ไม่มีอารมณ์แล้ว หงุดหงิดกับเรื่องพวก โง่ (NGO) มากค่ะ มันทำให้คนร่วมทุนถอยเพราะความปัญญาอ่อนของพวกมัน เศรษฐกิจอย่างนี้ เฮ้อ น่าเบื่อนะอีกหน่อยไม่มีบริษัทต่างๆ ย้ายฐานลงทุนไปหมด คนไทยไม่มีงานทำอยู่แบบเศรฐกิจพอเพียงกัน อยากรู้ว่าเข้าใจคำว่าเศรษฐกิจพอเพียงไหม ไม่ใช่ไม่ใช้เงินนะ แต่ไม่ใช้เกินตัว ไม่ใช่ต้องพึ่งรัฐเลี้ยงเป็นรัฐสวัสดิการ แล้วก็ล่มจมเหมือนกรีซ และอิตาลีกับสเปนก็ตามมาติดๆ ชีวิตก็ต้องสู้ต่อไปอะนะ แต่บางทีมันก็ไม่ไหวจะเคลียร์จริงๆ มันทำให้หลายอย่างมันยุ่งเหยิง เพราะไอ้พวกโง่ๆอย่างงี้ แถมประชาพิจารณ์ก็เอื้อด้วยนะค้านคนเดียวก็เกินพอ  ขนาดไม่ประชาพิจารณ์ก็ถอยกันหมดแล้ว อยากเอาที่ไปขายให้พวกโง่จริงๆว่าอยากได้เอาไปแต่จ่ายเงินมา อ้อ ไม่ได้จะทำโรงไฟฟ้าถ่านหินนะคะ  บ่นแล้วก็ดีขึ้นแต่ก็ไม่มากถ้าใครหลงเข้ามาอ่านก็ข้ามๆไปนะคะ เซ็งมากอยากเดินไปด่าไอ้ ส.ว. ซะเดี๋ยวนี้เลยด้วยซ้ำ แต่ก็ทำไม่ได้ค่ะ

มาเรื่องเบาๆกันบ้างดีกว่าเนอะวันนี้ไม่มีอารมณ์ทำงาน เจอเรื่องเครียดแต่เช้าแต่เดี๋ยวคงดีขึ้น กลับไปสู้ชีวิตต่อไปค่ะ แต่ขอบ้าสักพักก่อนนะ

มีคนบ้าพี่แหม่มเหมือนเราด้วย หึหึ เพลงนั้นที่แหม่ม-แท่ง ร้องด้วยกันค่ะ ชื่อเพลงอ้อมแขนที่ว่างเปล่า เป็นเพลงต้นฉบับจากเบิร์ด ธงชัย  แต่มีอีกเพลงที่แหม่ม-แท่งร้องด้วยกันในงานอะไรสักอย่างชื่อเพลง ข้องจิตค่ะ ที่ร้องว่า รักเอย รักเคย ชื่นเชยชูใจ บัดนี้รักห่างร้างไกลให้คะนึง.... แต่หาไม่ได้เทปที่เคยอัดไว้จาก RVS ก็หายไปหมดแล้วค่ะ สมัยนั้นเขาชอบมานั่งสัมภาษณ์คิดว่ามีเราบ้าอัดคนเดียวที่ไหนได้ หุหุ ไปละแค่มาบ่น




ไม่เขียนถึงสาวๆ นิยายอาจจะมาเร็วกว่าที่คิดค่ะ แต่ยังไม่รู้ว่าอารมณ์จะเขียนมีเมื่อไหร่นะคะ :(

Tuesday 24 July 2012

หัดเขียน 19


วันนี้เอามาลงเร็วกว่าที่คิดเล็กน้อยค่ะ สงสารคนอ่านเห็นว่าคนอ่านคนหนึ่งก็งานยุ่ง อีกคนก็เจ็บตัว ส่วนอีกคนไม่รู้ว่าขาดความหวานไปหรือเปล่านะคะ  ยังไงก็หวังว่าจะชอบนะคะ แล้วก็คิดว่านิยายคงเว้นช่วงไปหลังจากลงนักกีฬาเสร็จ น่าจะประมาณวันศุกร์หรือวันเสาร์ค่ะ นิยายจะลงตอนใหม่ให้คุณผู้อ่านทั้งสามได้อ่านอีกครั้ง ฉะนั้นตักตวงความหวานกันไปให้พอนะคะ ถ้าไม่พอคนเขียนจะส่งน้ำตาลไปให้แทน หุหุ

ใครตาม IG ปลื้มจิตต์ คงเห็นว่าเธอเอารูปคู่เธอกับซานิ มาลง พร้อมคำบรรยายว่าเดทเบาๆ โดยส่วนตัวก็ไม่รู้ว่าจริงหรือเล่น แต่ทั้งคู่ก็ดูเหมาะสมกันดี น่ารักทั้งคู่

บทที่  ๑๘

หลังจากที่ทั้งณีนนารากับเบญจ์ได้ชำระร่างกายเรียบร้อยทั้งสองก็มานั่งพักผ่อนในห้องนอน

“เพลียมากเลยเหรอคะ งั้นรีบนอนนะคะ ณีนจัดที่นอนไว้ให้แล้วตอนเบญจ์ไปอาบน้ำ”

“นิดหน่อยค่ะ แต่ก็ไม่ได้ง่วงอะไรมาก ณีนล่ะคะจะนอนเลยไหม แต่ถ้าไม่ง่วงมาก คุยกันก่อนนะคะ เบญจ์มีเรื่องจะเล่าให้ฟังว่าไปทำธุระอะไรมา”

“ได้สิคะ เบญจ์อยากเล่าณีนก็อยากฟัง แค่กลัวว่าเบญจ์จะเหนื่อยเท่านั้นเอง”  ณีนนาราก็เดินมานั่งข้างแฟนสาวบนโซฟาหน้าโทรทัศน์

เบญจ์เอื้อมมือไปโอบแฟนสาวไว้ “เบญจ์ไปติดต่อเรื่องงานมาค่ะ เป็นบริษัทของนอร์เวย์ที่มีบริษัทลูกตั้งอยู่ในกรุงเทพด้วย ณีนคิดว่าเบญจ์ย้ายไปอยู่กรุงเทพดีไหมคะ”

“ณีนอยากให้เบญจ์อยู่กรุงเทพอยู่แล้ว เพียงแต่เรื่องงานต้องตามใจคนทำงานนะคะ ณีนไม่อยากให้เบญจ์ตัดสินใจอนาคตอะไรลงไปเพราะว่าณีนอยู่กรุงเทพค่ะ” ณีนนาราเอียงหน้าซบลงที่ไหล่ของเบญจ์

“ณีนเป็นหนึ่งเหตุผลที่เบญจ์อยากกลับไปทำงานที่กรุงเทพ แต่ครอบครัวเบญจ์ก็เป็นเหตุผลสำคัญเหมือนกันค่ะ สัญญาที่เซ็นต้องทำงานที่ไทยอย่างน้อย 2 ปี หลังจากผ่านขั้นทดลองงานค่ะ แต่เรื่องที่สำคัญที่สุดไม่ใช่เรื่องนี้นะคะ”

“แล้วเรื่องอะไรล่ะคะ”  ณีนนาราเงยหน้าขึ้นมามองแฟนสาวด้วยสีหน้ากังวล

เบญจ์ลุกขึ้นมา พร้อมค่อยย่อตัวนั่งคุกเข่าข้างหน้าณีนนารา เอื้อมมือไปกุมมือของแฟนสาวเอาไว้ “ณีนขา ตั้งแต่หลังจากอุบัติเหตุที่เราไม่ได้เห็นหน้ากันเท่าไหร่ เบญจ์ไม่ได้เป็นคนดูแลเวลาณีนไม่สบาย เบญจ์รู้สึกแย่มากๆเลยนะคะ คิดถึงณีนมากแต่ก็ไม่กล้าที่จะมีปัญหากับคุณพ่อคุณแม่ของณีน  เบญจ์รู้ว่าเราอาจจะยังคบกันไม่นานเท่าไร แต่เบญจ์อยากขอให้เราย้ายมาอยู่ด้วยกัน หลังที่เรากลับจากอังกฤษได้ไหมคะ” เบญจ์กลัวคำตอบที่จะได้รับจึงซบหน้าไปที่ตักณีนนารา

ณีนนาราเชยหน้าเบญจ์ขึ้นมาพร้อมสบตาแล้วพร้อมตอบคำเดียวสั้นๆว่า “ค่ะ”

“ณีนหมายความว่ายังไงคะ”

“ค่ะ ณีนตกลงที่จะอยู่ร่วมคอนโดเดียวกับเบญจ์ เพียงแต่...” ณีนนาราไม่ยอมพูดต่อพร้อมอมยิ้ม

“เพียงแต่อะไรคะ”  เบญจ์รีบถาม

“ก็ขอให้เรามาอยู่ด้วยกันที่คอนโดณีนได้ไหมคะ ณีนเป็นคนติดที่ เวลาต้องย้ายที่พักต้องใช้เวลาปรับตัวพอสมควรเลย แถมห้องณีนก็ใหญ่กว่าห้องเบญจ์ด้วย แต่แน่ใจนะคะว่าจะทนเห็นหน้าณีนตลอด 24 ชั่วโมง 7 วันต่อสัปดาห์ได้”

“เรื่องแค่นี้เองสบายมากค่ะ เพราะยังไงคอนโดเบญจ์ก็ปล่อยเช่าตลอดอยู่แล้วช่วงก่อนหน้านี้ เดี๋ยวส่งเมลไปบอกบูรณ์เลยว่าอีกสองเดือนจะให้เช่าอีกแล้วจัดการให้ด้วย  ส่วนเห็นหน้าณีนทั้งวันมันเป็นสิ่งที่เบญจ์ต้องการค่ะ” พูดเสร็จเบญจ์ก็ก้มลงไปจูบที่มือของณีนนาราที่เธอกุมอยู่

“ขึ้นมานั่งข้างๆณีนดีกว่า ณีนก็คิดถึงเบญจ์ค่ะ คิดถึงมากที่สุด” ณีนนาราพูดพลางดึงตัวแฟนสาวให้มานั่งข้างๆเธอ

“แต่แม่ณีนล่ะคะ เบญจ์ไม่อยากให้ณีนมีปัญหากับครอบครัว”

“จริงแล้วคุณแม่ท่านไม่ค่อยอะไรกับณีนมากอยู่แล้วล่ะค่ะ มีลูกตัวอย่างสองคนอยู่ที่บ้านอยู่แล้ว ทั้งพี่ณัชและนันท์ เพียงแต่ว่าตอนณีนป่วยแม่ก็ต้องห่วงเป็นธรรมดาค่ะ ลูกทั้งคนนี่นาถึงอย่างนั้นก็เถอะแม่ก็ยังไม่ยอมรับกับทางเลือกที่ณีนเลือกอยู่ดี”  ณีนนาราถอนหายใจ

“ไม่เอาค่ะอย่าทำหน้ายุ่ง ไว้เราค่อยช่วยกันคิดแก้ปัญหาดีกว่านะคะตอนนี้เรามาคุยกันแต่เรื่องดีๆดีกว่า”  เบญจ์พูดพลางจับตัวณีนนาราขึ้นมานั่งบนตักแล้วก็โอบกอดพร้อมซบหน้าไปที่ซอกคอของแฟนสาว  “หอมจังเลยค่ะ คิดถึงตัวอุ่นๆของณีนจังเลยไม่ได้กอดณีนตั้งนานแหนะ”

“ไม่เอาอะณีนก็อยากกอดเบญจ์เหมือนกันนะคะ ไปนอนคุยกันบนเตียงก็ได้นะคะ” ณีนนาราพูดพลางค่อยๆลุกขึ้นไปที่เตียงพร้อมจูงให้เบญจ์เดินตามมาด้วย  “แล้วที่นอร์เวย์แอบไปเจอบรรดาสาวๆกิ๊กเก่าบ้างหรือเปล่าเนี้ย”

“มีที่ไหนกันมีแต่ณีนนาราคนเดียวค่ะ” เบญจ์ตอบพลางคว้าตัวณีนนาราที่นอนอยู่ข้างๆมากอด หอมไปที่แก้มซ้าย-ขวาซ้ำไปซ้ำมา

จนณีนนาราต้องร้องบอกว่า “เดี๋ยวณีนแก้มช้ำหมดพอดี”

“เจ็บหรือเปล่าคะขอโทษนะคะ”  เบญจ์รีบกล่าวขอโทษ

ยังไม่ทันที่เบญจ์จะพูดจบประโยคดีณีนนาราก็โน้มคอเบญจ์ลงมาจูบ เป็นจูบที่อ่อนหวานนุ่มนวลแต่แฝงไปด้วยความรักความคิดถึง เมื่อณีนนาราถอนปากเธอออกจากปากแฟนสาว เบญจ์นั้นหน้าแดงกล่ำพร้อมสูดหายใจลึกๆ “ณีนว่าทำอย่างนี้รู้สึกดีกว่าหอมแก้มเยอะเลยนะคะ”

“ใช่ค่ะ ดีกว่ากันเยอะเลย แต่ณีนต้องโดนลงโทษนะคะเพราะทำให้เบญจ์หายใจไม่ทัน”  เบญจ์ก้มลงไปจูบแล้วค่อยๆเลื่อนต่ำลงมายังซอกคอและหน้าอกแถมยังมือซนอีกด้วย

“เบาๆค่ะ เกรงใจตะวันบ้าง แล้วถ้าคอณีนเป็นรอย ถูกยัยแสบปูรณ์แซวแน่ๆ”

“ค่ะ แต่คนที่ต้องเบาๆอย่าเสียงดังคือณีนนะคะ ไม่ใช่เบญจ์” เบญจ์พูดพลางยักคิ้วให้

เลยทำให้โดนณีนนาราตีเบาๆไปที่ไหล่ด้วยความเขิน “แซวด้วยนะคะเดี๋ยวนี้สงสัยปล่อยให้อยู่ใกล้ปูรณ์มากเกินไป”

“อย่าพูดถึงคนอื่นเลยนะคะ” เบญจ์ขอร้องพร้อมทั้งก้มลงไปซุกไซ้ที่หน้าอกแฟนสาวอีกครั้ง อารมณ์ คิดถึง รัก และต้องการนั้นพาทั้งคู่ท่องไปในดินแดนที่มีแต่ทั้งสองเดินทางไปร่วมกันได้เท่านั้น

“ขอบคุณนะคะ” ณีนนารากล่าวขอบคุณพร้อมซุกตัวไปในอ้อมกอดของเบญจ์และหลับลงไปในที่สุด

“ขอบคุณเหมือนกันค่ะ” เบญจ์พูดพลางกระชับอ้อมกอดให้แน่นขึ้นและก้มไปจูบหน้าผากณีนนารา

ทั้งคู่หลับไปในอ้อมกอดของกันและกัน จนกระทั่งเช้าเบญจ์ได้ยินเสียงนกร้องจึงลืมตาขึ้น พร้อมทั้งลุกมาสวมเสื้อผ้าไปอาบน้ำแต่งตัวเตรียมทำอาหารเช้าให้กับทุกคน โดยไม่ลืมที่จะห่มผ้าให้แฟนสาวที่ยังสลบไสลอยู่

“อ้าว ตื่นแต่เช้าเลย”  ตะวันทักทายเบญจ์เมื่อเห็นแฟนของเพื่อนสาวกำลังชงกาแฟดื่มอยู่

“มอร์นิ่งค่ะตะวัน รับอะไรเป็นอาหารเช้าดีคะเดี๋ยวเบญจ์ทำให้”  เบญจ์รีบเสนอตัวช่วยเหลือเพราะเกรงใจเพื่อนของณีนนาราคนนี้มาก

“ไม่ต้องค่ะ ตะวันทำเองได้ แต่เบญจ์จะปิ้งขนมปังหรือเปล่า เผื่อตะวันชิ้นหนึ่งค่ะ” ตะวันพูดพลางเอื้อมมือไปหยิบแก้วใส่ถุงชาและเทน้ำร้อนใส่แก้ว

“โห เด็กอังกฤษจริงๆเลยนะคะ ดื่มแต่ชา  ตะวันรับแยมอะไรดีคะ” เบญจ์พูด แล้ววางขนมปังปิ้งไปด้านหน้าของตะวัน

“ไม่ค่ะ ตะวันทา Marmite ค่ะ ขอบคุณค่ะ สองสาวยังไม่ตื่นหรอกมั้งคะทุกทีก่อนไปทำงานตะวันไม่เคยเห็นหน้าใครเลย สงสัยที่นอนจะนิ่มณีนกับปูรณ์เลยหลับสบาย” ตะวันแซวเพื่อนทั้งสอง

“สงสัยค่ะ ว่าแต่ตะวันไปทำงานเช้าจังเลย”

“เราชอบไปแต่เช้า จะได้ไม่ต้องรีบค่อยๆเดินจากสถานีไปที่สำนักงาน มีเวลานั่งอ่านข่าวที่ห้องทำงานก่อนเริ่มงานตอนเก้าโมงน่ะ”

“ดีเนอะ เราชอบอยู่ยุโรปก็เพราะไม่ต้องเร่งรีบมาก รถไม่ติดไปไหนมาไหนก็สะดวก”

“อ้าวอย่างนี้เบญจ์จะทิ้งเพื่อนเราเหรอ” ตะวันแซว

“เราแค่บอกว่าชอบ ถ้าณีนไม่ไล่เรา เราก็ต้องอยู่ที่หัวใจเราอยู่สิจริงไหม” เบญจ์พูดแล้วก็หน้าแดง

ทั้งคู่นั่งกินอาหารเช้าและทำความรู้จักกันมากขึ้น เมื่อตะวันจะไปทำงานเบญจ์จึงเดินออกไปด้วยกันพร้อมทั้งเขียนข้อความไว้ให้แฟนสาวและปูรณ์   เบญจ์ออกไปเดินเล่นประมาณ 40 นาทีเมื่อกลับเข้ามาเห็นแฟนสาวลงมานั่งดื่มชาที่โต๊ะกินข้าว

“ไปหนมาคะ ตื่นมาไม่เห็นณีนก็อาบน้ำแต่งตัวลงมากลัวว่าเบญจ์จะนั่งง่าวอยู่คนเดียวที่ไหนได้ ทิ้งเราไปเดินเล่น”  ณีนนาราพูดไปยิ้มไปให้กับแฟนสาว

เบญจ์เอาถุงของมาวางไว้ที่โต๊ะพร้อมก้มลงมาหอมแก้มแฟนสาว “เดินไปกับตะวันที่สถานีรถไฟ แล้วก็เลยไปสูดอากาศที่ชายหาดค่ะ เมืองนี้ดีจังเลยติดทะเล เงียบสงบดี แล้วตะวันก็บอกว่าณีนชอบกินแซนด์วิชร้านนี้ เบญจ์เลยแวะซื้อมาให้ด้วย”

“ว้าว ขอบคุณนะคะ BLT จาก ‘Naughty But Nice’ รู้ใจจริงๆ” ณีนนาราขอบคุณพร้อมหันไปจูบอย่างดูดดื่มเพื่อขอบคุณ 

“อะแฮ่ม คุณทั้งสองคะในบ้านหลังนี้ยังมีดิฉันอยู่อีกคนนะคะ”  ปูรณ์ก้าวเข้ามาเห็นภาพเด็ดพอดี

“รู้ค่ะ เราซื้อแซนด์วิชมาเผื่อปูรณ์ด้วยนะ ซื้อ BLT มาให้เหมือนกัน” เบญจ์รีบหันไปเอาใจเพื่อนของสาว

“ขอบคุณนะ”  ปูรณ์รีบขอบคุณแฟนเพื่อนที่มีน้ำใจให้กับเธอเสมอ พร้อมนั่งลงตรงข้ามณีนนารา

“แกนี่น้า แซวฉันตลอด รีบๆกินไปเลยปากจะได้ไม่ว่าง” ณีนนาราบ่น

“ยังไม่ได้แซวอะไรเลย ถ้าจะแซวจริงต้องต่อไปนี้ เมื่อคืนทำอะไรมา แถวนี้ไม่มียุงนี่นาอยู่มาตั้งอาทิตย์ละฉันยังไม่เห็นยุงสักตัว แต่แกถูกยังกัดที่คอว่ะแดงเลย สงสัยยุงตัวใหญ่ด้วยนะเนี้ย เอายาฆ่ายุงไหม เดี๋ยวฉันไปซื้อให้ แต่ไม่เห็นเบญจ์จะโดนกัดเลย สงสัยเนื้อแกจะหวานนะณีน”  ปูรณ์พูดพร้อมยักคิ้วหลิ่วตา เมื่อเห็นเพื่อนรักและแฟนสาวหน้าแดงด้วยความอาย

“แกอยากมียุงบ้างหรือไง แต่ปากอย่างแกคงไม่มีหรอก” ณีนนาราต่อปากต่อคำกับเพื่อนสาวเพราะรู้ว่าถ้าเธอแสดงความเขินอายที่ถูกเพื่อนจับได้ ปูรณ์คงไม่เลิกแซวเธอแน่ๆ พร้อมหันไปมองเบญจ์ที่ทำหน้าขอโทษ

“ไรวะ ต่อปากต่อคำแซวไม่สนุกเลย กินก็ได้” ปูรณ์บ่นพร้อมหันมาจัดการแซนด์วิชของตัวเอง

“ไปไหนกันดีคะวันนี้” เบญจ์ถามความเห็นแฟนสาวกับปูรณ์

“ไปเดินเล่นที่ชายหาดไหมคะ ปูรณ์ยังไม่ได้ไปเดินเล่นที่หาดเลยตั้งแต่มาที่นี่ ติดอยู่กับณีน” ณีนนาราหันไปเสนอความเห็น พร้อมส่งสายตาขอโทษไปยังเพื่อนรัก

“ยังไงก็ได้ แต่แกเดินไหวแน่นะ”  ปูรณ์ตามใจเพื่อนรักแต่ยังอดห่วงไม่ได้

“สบายมาก เดี๋ยวเราขอไปทำกายภาพตามที่นักกายภาพสอนมาก่อน แกก็นั่งทำงานไป หลังอาหารกลางวันค่อยเดินไปที่หาดแล้วเดี๋ยวฉันเลี้ยงไอศครีมเจ้าอร่อยแกด้วย”

“เยี่ยม” ปูรณ์พูดพร้อมยกแก้วกับจานที่ใช้แล้วเตรียมไปล้าง

“ไม่ต้องล้างหรอกปูรณ์ เดี๋ยวเราล้างให้ ของเมื่อเช้าที่เรากับตะวันใช้ไว้ยังไม่ได้ล้างเลย”  เบญจ์เสนอตัวพร้อมรุนหลังให้ปูรณ์ออกไปนั่งทำงานและพักผ่อนที่ห้องนั่งเล่น  เมื่อเก็บล้างเสร็จเบญจ์ก็ลงมานั่งข้างๆณีนนาราพร้อมกล่าวขอโทษ “ขอโทษนะคะ เบญจ์ไม่น่าทำให้คอณีนเป็นรอยเลย ณีนเตือนแล้วแท้ๆ”

“ไม่เป็นไรค่ะ ยัยปูรณ์มันก็แซวไปเรื่อยแหละค่ะ เดี๋ยวณีนจะไปทำกายภาพตามที่เขาสอนมา เบญจ์ช่วยณีนหน่อยนะคะ ไปออกกำลังกายที่สวนก็ได้” ณีนนาราหันไปยิ้มให้ความมั่นใจว่าเธอไม่ได้โกรธเบญจ์เลย

หลังจากทำกายภาพ ทั้งคู่ก็เข้าไปนั่งดูโทรทัศน์กับปูรณ์ หลังกินอาหารกลางวันในช่วงบ่าย ซึ่งเป็นสลัดอย่างง่ายๆแล้ว ทั้งสามก็เตรียมตัวลงไปเดินเล่นที่ชายหาด เมื่อเดินเล่นกันสักพักณีนนาราก็ชวนแฟนสาวและเพื่อนรักไปนั่งกินไอศครีมเจ้าดังที่ริมหาด พร้อมทั้งเล่าเกร็ดเล็กๆให้ฟังว่าร้านไอศครีม Morelli's มีจุดกำเนิดที่เมืองเล็กริมทะเลอย่าง Broadstairs แล้วก็ไปเปิดเป็น Kioskในหลายๆเมืองในแคว้น Kent จนกระทั่งมีร้านในห้างที่ดังที่สุดในอังกฤษอย่าง Harrods แถมยังมีร้านในประเทศตะวันออกกลาง ซึ่งตะวันกับณีนนาราเคยเดากันว่าอาจจะเป็นเพราะ พวกอาหรับมาเรียนภาษาที่นี่เยอะแล้วพวกนี้มีเงินที่จะลงทุนเลยซื้อเฟรนไชส์ไปเปิดอย่างที่ อาบูดาบี, ดูไบ และอีกสองสามประเทศ แถมอีกไม่นานนี้จะไปเปิดร้านที่สิงคโปรอีกด้วย  หลังจากกินไอศครีมเสร็จแล้ว ณีนนาราเสนอว่าให้ซื้อของไปทำอาหารเย็นกันเองที่ Tesco ที่พวกเธอต้องเดินผ่านระหว่างกลับบ้านอยู่แล้ว แล้วก็ซื้อไอศครีมรสทิรามิสุ ของฮาเก้นดาส สุดโปรดของตะวันไปให้เจ้าของบ้านที่น่ารักเป็นของหวานหลังอาหารเย็นได้อีกด้วย

B de Beauvoir 24-07-2012 @Thailand

หวังว่าคนอ่านจะชอบนะคะ 

Monday 23 July 2012

Miscellaneous 28


วันนี้เมื่อยมากๆเลยค่ะ วันอาทิตย์ยุ่งสุดๆไม่ได้พักเลยตั้งแต่ ตื่นมาตอนเกือบตีห้า พอดีงานเพื่อนไม่เป็นไปอย่างที่แพลน ก็เลยช่วยกันเองแถมพิธีการเยอะมาก ไปซื้อเสื้อแบบว่าไม่เลือกเท่าไหร่เลย ซื้อเสร็จบอกให้เขารีดให้ด้วย เอากลับมาเปลี่ยนเสื้อผ้าที่จัดงาน ดีหน่อยที่ได้อาบน้ำ แล้วก็ซื้อ กาแฟดำดื่ม ปกติ venti Americano จะใส่กาแฟสี่ชอท เนื่องด้วยไม่ไหวจะเคลียร์ดิฉันสั่งเพิ่มอีกชอทค่ะ คนขายหันมามองว่าเดิมมีสี่แล้วนะครับ ได้แต่บอกว่าร่างกายต้องการกาแฟอย่างมาก ขำหน้าคนขายมากตอนมองแบบประมาณพี่จะเอาเพิ่มอีกเหรอนี่มันบ่ายแล้วนะ เดี๋ยวตาแข็งพอดี
แต่ก็สนุกดีขำๆตอนได้นั่งพักคุยกันถ่ายรูปให้เพื่อน บอกมันว่าถ้าไม่ได้ดั่งใจให้ไปเรียกคนอื่นมาถ่ายให้ LOL มันก็ไปบ่นกันเองกระปอดกระแปด ก็ถ่ายได้เท่านี้อย่าเรื่องมาก ไม่กล้าหือ ได้เจอเพื่อนที่ไม่ได้เจอกันตั้งแต่จบมัธยมด้วย ยังฮาเหมือนเดิมขำสุดๆ
ได้เจอคู่หูตอน ม.สาม ที่นั่งติดกันอยู่หนึ่งปีเต็ม แล้วก็มาเรียนสายเดียวกันตอนม.ปลายอีก เพียงแต่ไม่ได้นั่งด้วยกัน ไม่ได้เจอกันตั้งแต่ไปงานแต่งงานมัน แต่นิสัยดีเหมือนเดิมจะไปไหนก็ถามว่าจะเอาอะไรไหม  ถึงไม่ได้อยู่กลุ่มเดียวกันแต่มันก็ยังเจ๋งเหมือนเดิม
ขำหลายๆเรื่องคือเรื่องนม เพราะมีเพื่อนโทรมาบอกว่าฝากซื้อนม ไอ้เราก็ถามไปว่าจะเอารสอะไร แต่จริงๆแล้วมันคือซิลิโคนไว้ใส่ตอนใส่ชุดเกาะอก  แถมตอนกลับบ้านให้เพื่อนอีกคนวิ่งไปหยิบกล่องใส่นมเพราะลืมไว้เดี๋ยวไม่ได้เอากลับบ้าน มันทำหน้างง ต้องอธิบายกันก็ฮาๆกันเล็กๆตอนกลับ



ฝากเพื่อนซื้อไอ้นี่มาฝากจากญี่ปุ่น น่ารักดีแต่ยังไม่ได้ทดลองทำเลย รอให้น้องทำวันเสาร์อาทิตย์นี้แต่ที่ซื้อนี่เพราะไอ้พี่อย่างเราอยากลองทำโดยแท้สนองความบ้าของตัวเองชัดๆ



ที่จะเขียนบล๊อกนี้แซวคนอ่านที่น่ารัก (รึเปล่า) สงสัยอาทิตย์ที่ผ่านมาจะว่างเห็นไปอ่านบล๊อกเก่าๆแถมแสดงความคิดเห็นให้คนเขียนรู้สึกว่า เอ้ย ไม่ได้บ้าเขียนอย่างเดียว ยังมีคนอ่านนะ แต่แสดงว่าคนอ่านบ้าไปกับคนเขียนด้วยรึเปล่านี่สิ ล้อเล่นนะคะ ยังไงก็ขอบคุณที่อุตส่าห์เสียเวลาอ่านและออกความเห็นด้วย แต่คนอ่านจะลำบากตอนหลังเพราะคนเขียนจะบ้าเขียนกว่าเดิมหรือเปล่าไม่รู้สิ หุหุ



มีคนแนะนำให้ไปอ่านและดูรายการนี้ ดูน่าสนใจดีนะเพียง จขบ ยังไม่มีเวลานั่งดูจริงจัง และคงอีกหลายวันแน่ๆยังไงแนะนำกันไปก่อนนะคะ เผื่อคุณๆคนอ่านจะพอหาเวลาได้



เมื่อวานตอนแรกนึกว่าถ้าพอมีเวลาจะไปดู The Dark Knight Rises รอบดึก แต่ไม่ได้ไปไม่ได้กลัวใครเอาปืนมากราดนะคะ เพราะคนมันจะตายยังไงก็ตาย เพียงแต่เหนื่อยมากไม่มีแรงออกไปดูหนังรอบดึก เลยตัดสินใจพักผ่อน
จริงแล้วไม่มีอะไรแค่อยากบ้าๆบอๆก็เลยมาเขียนบล๊อก

Friday 20 July 2012

หัดเขียน 18


มาแล้วค่ะก่อนต้องไปทำตัวเป็นเพื่อนที่ดีต่อเพื่อนๆที่มีอยู่น้อยนิดเสาร์-อาทิตย์นี้ค่ะ ตอนหน้าก็คงไม่วันอังคารก็พุธนะคะ  


แก้ไขปรับปรุงเล็กน้อยเช้าวันเสาร์ที่ 21 กค 2555 ค่ะ


บทที่  ๑๗

พรุ่งนี้เบญจ์ก็จะมาหาณีนนาราที่อังกฤษแล้ว ถึงแม้ณีนนาราจะพ้นจากสายตาครอบครัวแต่ช่วงนี้เธอก็ไม่ได้พูดคุยกับเบญจ์มากนัก  เนื่องจากเบญจ์เองก็ต้องไปจัดการธุระที่นอร์เวย์ให้เสร็จเรียบร้อย ด้านณีนนารากลัวปูรณ์จะเบื่อเพราะตะวันก็ไปทำงานแต่เช้ากลับเย็นทุกวันเธอจะไปเดินเที่ยวชายหาดด้วยก็ไม่สะดวก

“ปูรณ์ไปเดินช๊อปปิ้งกันไหม คราวนี้ไม่ค่อยได้เอาเสื้อผ้ามานี่ ซื้อขนกลับไทยไหมล่ะ”

“จะไปยังไงล่ะแม่คุณจะเช่ารถขับไปเหรอ รอเบญจ์มาก่อนก็ได้”

“รายนั้นเขาไม่ไปช๊อปปิ้งหรอก ก็ขึ้นรถไฟไปที่ Ashford แล้วเขามี Shuttle bus ไปที่Outlet เลย ถ้าฉันขโยกขเยกไม่ไหว เขามีรถเข็นให้แกเข็นฉันไง”

“รอเบญจ์ก่อนก็ได้อีกอย่างพรุ่งนี้ก็เป็นวันแรกที่ตะวันนัดนักกายภาพให้แกไม่ใช่เหรอ เราก็ต้องไปเมืองอะไรนะที่ติดๆกับเมืองนี้อยู่ดีนี่นา ตะวันบอกว่าโทรนัดแท๊กซี่ไว้ให้แล้วด้วย”

“โอเค พรุ่งนี้ไปทำกายภาพที่ Ramsgate แล้วไปหาซื้อขนมไทยที่ร้านไทยมารอเบญจ์ก็ได้ งั้นวันนี้เราออกไปนั่งทำงานที่สวนกันนะ แกมีงานต้องส่งนี่นา” ณีนนาราชักชวนออกปูรณ์ออกไปนั่งรับแสงแดดอ่อนของช่วงต้นฤดูร้อน ทั้งคู่นั่งดื่มชากันพร้อมทำงานและอ่านหนังสือกันไป  ตอนเย็นเมื่อตะวันกลับมาทั้งสามสาวตกลงที่จะไปกินข้าวที่ร้านอาหารไทยเจ้าประจำของตะวัน


วันรุ่งขึ้นหลังจากที่ณีนนาราไปทำกายภาพและซื้ออาหารและขนม สองเพื่อนรักก็นั่งแท๊กซี่กลับมารอเบญจ์ที่จะมาถึงตอนเย็น

“ไม่รู้เบญจ์จะหลงหรือเปล่า ให้เรียกแท๊กซี่มาก็ไม่ยอม”  ณีนนาราบ่นแฟนสาว

“โอ้ยแกจะห่วงอะไร เบญจ์เขาเดินทางมาเยอะแยะแค่นี้ไม่หลงหรอก สงสัยจะมาแล้วมั้ง” ปูรณ์พูดหลังจากได้ยินเสียงออดที่หน้าประตู พร้อมเดินไปดูว่าใครมา “อะแฟนแกมาแล้วจะได้เลิกบ่นซะที”

“ฉันไม่ได้บ่นซะหน่อย” ณีนนาราพูดพร้อมลุกเดินไปหาเบญจ์

เบญจ์เดินมากอดณีนนารา “คิดถึงจังค่ะ ไม่ได้เจอกันตั้งนาน ได้ยินแต่เสียง”

“พอๆเกรงใจฉันบ้าง ตาร้อนไปหมดแล้ว”

“นั่งก่อนค่ะ เดินทางเหนื่อยไหม” ณีนนาราชวนเบญจ์นั่งลงข้างๆเธอ พร้อมทั้งทำหูทวนลมต่อคำแซวจากเพื่อนสาว

“ปูรณ์เป็นไง เหนื่อยไหมต้องดูแลณีนคนเดียวตั้งนาน”

“เหนื่อยมากๆ วันๆฟังแต่ยัยนี่บ่นถึงเบญจ์ คิดดูสิตอนกลางวันตะวันก็ไปทำงาน” ปูรณ์แกล้งฟ้องแฟนของเพื่อนสาว

“อย่าพูดเลยเดี๋ยวกลับเมืองไทย ถ้าแกจะจีบใครฉันจะช่วยจะได้หมดหนี้บุญคุณกัน” ณีนนาราพูดพร้อมค้อนใส่ปูรณ์  “ว่าแต่เบญจ์หลงหรือเปล่าคะ”

“ไม่เลยค่ะ เครื่องลงที่ Stansted แล้วก็นั่ง Tube มา Victoria Station แล้วก็รถไฟค่ะ ปูรณ์ส่งแผนที่บ้านคุณตะวันไปให้ชัดเจนมาก  ดีจังที่ใกล้สถานีเดินแป๊ปเดียว”  เบญจ์รีบรายงานแฟนสาว

“นี่ weekend ก่อนเรากลับไทยไป Paris กันนะ อย่างที่เราบอกไว้ในเมลน่ะ เราจองตั๋ว Eurostar ไว้แล้ว ที่พักก็จองแล้ว” ปูรณ์รีบบอกพร้อมทำหน้ากระตือรือล้นที่จะได้ไปเที่ยว

“แหม แกทำเป็นไม่เคยไปฝรั่งเศสไปได้ ว่าแต่เบญจ์หิวไหมคะ เดี๋ยวหาอะไรรองท้องไปก่อน ส่วนมื้อเย็นนี้ สั่ง Take Away ร้านจีนกันดีกว่า ร้านนี้ณีนกินบ่อยเวลามาเยี่ยมตะวัน”

“ไม่หิวมากค่ะ แค่ผลไม้ก็พอแล้วค่ะ ขอบคุณที่เป็นห่วงนะคะ” เบญจ์พูดไปยิ้มไปเพื่อขอบคุณความเอาใจใส่ของแฟนสาวต่อตัวเธอ

“ผลไม้จะอิ่มอะไรกันคะ ทานขนมปังกับแยมสตอเบอรี่ แล้วก็ชาดีกว่านะคะ ไปเดินไปห้องครัวกันดีกว่าปล่อยยัยปูรณ์นั่งดูทีวีไป”

“เออ ชั้นมันไม่มีค่าแล้วนี่ หมาหัวเน่าชัดๆ”  ปูรณ์แกล้งเรียกร้องความสนใจ

“โอ๋ๆ แกนี่กวนจริงๆ จะให้เบญจ์เขาไปหาอะไรกินเองได้ยังไงล่ะ เขาไม่รู้ว่าของอยู่ที่ไหน  แล้วฉันก็เกรงใจแกที่นอกจากจะต้องดูแลฉันยังต้องดูแลเบญจ์ด้วย” 

“ทราบแล้วค่ะคุณนายแค่ล้อเล่น ไปพาเบญจ์ไปหาอะไรกินได้แล้ว”

ณีนนาราพาเบญจ์ไปที่ห้องครัว ต้มน้ำเตรียมชงชาและปิ้งขนมปังให้เบญจ์รับประทานรองท้องก่อนอาหารเย็น

“ณีนไม่ต้องทำค่ะ นั่งเฉยๆแค่ชี้บอกเบญจ์ก็พอว่าของอยู่ตรงไหนบ้าง” เบญจ์รีบบอก

“ณีนไม่ได้ทำอะไรไม่ได้เลยนะคะ นี่ก็โอเคขึ้นมากแล้ว วันนี้ไปทำกายภาพมาด้วยค่ะ นักกายภาพนัดไปทำอาทิตย์ละ 2 ครั้ง แล้วก็บอกวิธีบริหารกล้ามเนื้อเบาๆให้ณีนทำเองทุกวัน” ณีนนาราพูดไปพร้อมหยิบแก้วเตรียมมาใส่ชาที่จะชง

“ค่ะรู้แล้วว่าคนเก่งใกล้หายแล้ว แต่เป็นห่วงนะคะ” เบญจ์พูดพร้อมเข้าไปกอดณีนนาราจากข้างหลังซบหน้าไปที่ไหล่ หายใจดมกลิ่นแชมพูที่แสนจะคุ้นเคยจากผมของแฟนสาวกลิ่น White musk “คิดถึงกลิ่นแชมพูกลิ่นนี้จังรู้ไหมคะ นี่ขนแชมพูมาด้วยเหรอคะ”  เบญจ์แซว

ณีนนาราปล่อยให้แฟนสาวกอดเธอ สัมผัสเล็กๆน้อยๆอย่างนี้สื่อได้ถึงความคิดถึงและห่วงใยในช่วงระยะเวลาที่ไม่ได้เจอกัน  “ลืมหรือเปล่าคะว่าแชมพู White musk ซื้อได้ทุกที่ที่มีร้าน Bodyshop  ขนมปังปิ้งเสร็จแล้วไปนั่งทานกันดีกว่า”

“แล้วณีนกับปูรณ์ไม่ดื่มชาด้วยกันเหรอคะ เดี๋ยวเบญจ์ยกไปให้” เบญจ์คลายอ้อมกอดพร้อมทั้งหันไปนำขนมปังใส่จานยกไปวางที่โต๊ะ” พร้อมจูงณีนนาราไปนั่ง

“เพิ่งดื่มชากันไปเองค่ะ ยัยปูรณ์เขาชอบน้ำเปล่ากับผลไม้มากกว่า บ่นตลอดว่ามาอยู่นี่ดื่มแต่ชา คิดถึงเครื่องชงกาแฟที่คอนโดจะแย่อยู่แล้ว”  ณีนนาราแซวเพื่อนรัก

“น่าสงสารปูรณ์จัง เมืองนี้ไม่มีร้านกาแฟอร่อยๆเหรอคะ” เบญจ์แสดงความเห็นใจเพื่อนรัก พร้อมทั้งหันไปชงชามาดื่มคู่ขนมปังและรินน้ำเย็นใส่แก้วมาวางตรงหน้าณีนนารา

“มีร้านคาเฟ่ค่ะแต่รายนั้นเขาเรื่องมาก แล้วในตู้เย็นมีเนยค่ะ เมื่อกี้ณีนลืมหยิบออกมาให้” ณีนนารารีบบอกเพราะรู้ว่าเบญจ์ชอบทาเนยที่ขนมปังปิ้งก่อนทาแยมสตอเบอรี่อีกที เบญจ์บอกว่ามันจะมีรสเค็มๆหวานๆอร่อยดี

เบญจ์หันมายิ้มให้ขอบคุณที่ณีนนาราใส่ใจในสิ่งที่เธอชอบ พร้อมเดินไปหยิบเนยมาวางแล้วบอกว่า  “เดี๋ยวเบญจ์ไปเปิดกระเป๋าหยิบ dark chocolate ไปให้ปูรณ์กินเล่นระหว่างดูทีวีดีกว่า เอาใจปูรณ์หน่อย ณีนนั่งรอแป๊ปนึงนะคะ” เบญจ์เดินไปเปิดกระเป๋าเป้หยิบขนมเดินไปให้เพื่อนของแฟนสาว สักครู่ก็เดินกลับมานั่งข้างๆณีนนารา

“กลัวขนมปังหายร้อนเนยจะไม่ละลาย ณีนเลยรีบทาเนยกับแยมให้ทานเลยสิคะ ไม่รู้จะอร่อยหรือเปล่า”

“อร่อยสิคะ” เบญจ์รีบหยิบขนมปังขึ้นมากัด “ว่าแต่คุณตะวันล่ะคะเมื่อไหร่จะกลับ เบญจ์เตรียมชาจากร้านชื่อดังที่เดนมาร์กกับไวน์มาให้ด้วย ไม่รู้จะถูกใจหรือเปล่า”

“แอบหนีไปเดนมาร์กมาด้วยเหรอคะ ไปหาสาวเหรอคะ” ณีนนาราแกล้งถามแฟนสาว

“เปล่าค่ะ เบญจ์จะมีสาวที่ไหนไปหานอกจากคนนี้ได้ล่ะคะ เผอิญเพื่อนข้ามไปเดนมาร์ก เบญจ์เลยฝากเขาซื้อมา ซื้อมาให้ณีนด้วยนะคะ ร้านนี้ชาดีมากเพื่อนบอกมาค่ะ” เบญจ์รีบอธิบายพร้อมเอื้อมมือไปกุมมือณีนนารา

“ค่ะ ณีนแค่แกล้งแซวเบญจ์เล่น ว่าแต่ไปทำอะไรที่นอร์เวย์มาคะ บอกแต่ว่าไปทำธุระ”

“ไว้เล่าให้ฟังคืนนี้ได้ไหมคะ มีเรื่องต้องปรึกษาณีนด้วย” เบญจ์พูดพร้อมจิบชา

เมื่อเบญจ์เก็บล้างแก้วจานสิ่งของที่วางอยู่ในอ่างล้างจานจนหมดเธอก็ชวนณีนนาราไปนั่งดูทีวีกับปูรณ์

“สองคนทำไมหายกันไปนานนัก แค่ไปหาอะไรรองท้องในครัวแค่นี้เอง ทำเหมือนเดินไปคาเฟ่ข้างนอก”

“อย่าบ่น ก็เบญจ์เขามัวแต่ล้างจานชามที่ฉันกับแกทิ้งไว้ในซิงค์อยู่น่ะสิ ห้ามก็ไม่ฟังบอกว่าเดี๋ยวค่อยเอาใส่เครื่องล้างทีเดียวหลังดินเนอร์ก็ไม่เชื่อ”

“ดีจัง มีแม่ศรีเรือนมาดูแลรักษาความสะอาด” ปูรณ์แซว

“เกรงใจคุณตะวันค่ะ มาพักบ้านเขาฟรีๆ”

“พูดซะเรารู้สึกผิดเลยนะเนี้ย แกหาแฟนได้ถูกคนแล้วณีน เบญจ์มีอย่างงี้หลงอยู่ในนอร์เวย์บ้างไหมหาให้เราคน แต่เราขอเป็นคนไทยนะขี้เกียจแปลภาษา” ปูรณ์พูดไปหัวเราะไป

“ไม่มีค่ะ คนอย่างเบญจ์มีแค่คนเดียว” เบญจ์ตอบพร้อมหันไปยิ้มให้ปูรณ์

“โอ๊ย เดี๋ยวนี้แฟนแกมีอารมณ์นี้ด้วยเหรอยัยณีน เพิ่งเคยเห็น”

“ก็มีบ้างค่ะเรียนรู้จากปูรณ์ไง ปล่อยให้ปูรณ์แซวฝ่ายเดียวได้อย่างไร”

“อย่าติดนิสัยยัยปูรณ์เยอะนะคะ ณีนทนปูรณ์แค่คนเดียวก็พอแล้ว ขืนแฟนติดนิสัยกวนๆของเพื่อนรักไปอีกคนณีนคงเครียดแทนค่ะ” ณีนนาราหัวเราะพร้อมซบหน้าไปที่ไหล่เบญจ์

ทั้งสามนั่งดูทีวีไปเงียบรอให้ตะวันกลับมาจากทำงาน เมื่อตะวันมาถึงณีนนาราก็แนะนำให้เบญจ์รู้จักเพื่อนรักอีกคนของเธออย่างเป็นทางการ หลังจากเคยเจอตะวันตอนที่เบญจ์เข้าใจแฟนสาวผิดที่ร้านหนังสือ เธอก็ไม่เคยเจอตะวันอีกเลย  ระหว่างนั่งทานอาหารเย็นเบญจ์ก็ได้ทำความรู้จักกับตะวันมากขึ้น

“ขอบคุณมากเลยนะคะคุณตะวันที่ให้เบญจ์มาพักด้วย”

“ไม่ต้องคุณหรอกค่ะ แฟนเพื่อนก็คือเพื่อนคนหนึ่งของตะวันค่ะ  มาอยู่หลายๆคนก็สนุก บ้านหลังนี้ซื้อมาก็เพื่อจะให้ญาติและเพื่อนมาพักค่ะ แล้วก็อาจจะรับเป็น host family ของนักเรียนที่มาเรียนภาษาโรงเรียนตรงหัวมุมถนนนี้เองค่ะ”

“ให้นักเรียนมาอยู่ไม่กลัวบ้านเลอะเหรอ” ปูรณ์ถาม

“โรงเรียนนี้รับผู้ใหญ่ตั้งแต่อายุ 16 ขึ้นไป ถ้าเราจะรับจริงเราก็ระบุได้ว่าให้นักเรียนอายุเท่าไหร่มาพักได้ รับแต่ผู้หญิง แล้วก็ไม่สูบบุหรี่น่ะ เราก็คิดว่าจะรับแค่คนเดียวเท่านั้น ว่าจะลองดูก่อนสักเดือนหนึ่งตอน summer เพราะนักเรียนจะเยอะ แถมโรงเรียนนี้ค่าเรียนค่อนข้างสูงก็ถือว่าเป็นการคัดกรองนักเรียนระดับหนึ่งนะ”

“ดีจังค่ะ ถ้าได้โฮสดีๆอย่างตะวันเราคงอยากเรียนภาษามากขึ้น เราได้โฮสที่นอร์เวย์ดีเราก็เลยสบายได้ภาษา เขายังช่วยหาทุนให้อีกด้วย” เบญจ์สนับสนุนความคิดตะวัน

“ใจดีตลอดเลยนะตะวัน” ณีนนาราชมเพื่อนเธอ

“ไม่ใจดีหรอกจ้า เราก็ได้ค่าตอบแทนนะ และก็จะได้เพื่อนแก้เหงา เวลาไม่มีญาติหรือเพื่อนมาหาไง ว่าแต่จะไปปารีสเมื่อไหร่ล่ะปูรณ์”

“ก็อีกสองอาทิตย์ weekend สุดท้ายก่อนเรากลับไทย รู้สึกอาทิตย์นั้นเป็น Bank holiday ด้วย กลับมาเย็นวันอาทิตย์ ตะวันจะได้มีเวลาพักผ่อนวันจันทร์ด้วย ไม่เหนื่อยเกินไป” ปูรณ์บอกพร้อมทั้งเล่าแผนการเที่ยวคร่าวๆแก่ลูกทัวร์ของเธอ

ทั้งสี่คนนั่งคุยกันในเรื่องสัพเพเหระ เบญจ์นำของฝากมาให้ตะวันเจ้าบ้าน พร้อมทั้งขอตัวไปพักผ่อนเนื่องจากเธอยังไม่ได้พักเลยตั้งแต่เดินทางมาถึง

“เบญจ์พักห้องเดียวกับณีนนะคะ ห้องนั้นเป็นห้องใหญ่พักได้สองคน อีกอย่างจะได้ช่วยดูแลณีนด้วย” ตะวันบอกแฟนของเพื่อนสาว

“ขอบคุณค่ะ เดี๋ยวเบญจ์ขอเอากระเป๋าขึ้นไปเก็บเลยนะคะ” เบญจ์กล่าวขออนุญาต

“งั้นเดี๋ยวณีนไปด้วยเลย จะได้พาไปห้องพัก เบญจ์เดินไปก่อนเลยนะคะ ณีนเดินขึ้นไปได้เพียงแต่ช้าหน่อย  เราขึ้นห้องก่อนนะตะวัน,ปูรณ์” ณีนนาราบอกทางไปห้องพักแก่แฟนสาว พร้อมลุกเตรียมตัวเดิน

“เบญจ์ยกกระเป๋าขึ้นไปก่อนเดี๋ยวลงมาพาณีนขึ้นไปข้างบนนะคะ”  เบญจ์รีบนำกระเป๋าขึ้นไปเก็บแล้วรีบลงมาช่วยพาณีนนาราขึ้นบันได

เมื่อถึงห้องณีนนาราก็ช่วยเบญจ์จัดของพร้อมบอกให้ไปอาบน้ำจะได้มาพักผ่อน

B de Beauvoir 20-07-2012 @Thailand


คาดว่าคงหสานไม่พอรอเติมน้ำตาลตอนหน้านะคะ วันนี้ จขบ รีบ 555+ สิ่งที่ต้องทำมันเยอะเหลือเกิน คาดว่าพิมพ์ผิดเยอะมากเพราะไม่มีเวลาตรวจทานเลย แต่ก็ทนๆกันนิดนะคะ